• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 9 พฤษภาคม 2568

    9 พฤษภาคม 2568 | Gold News


ตัวเลขเศรษฐกิจ

        

  • Unemployment Claims ออกมาที่ 228K ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 231K ครั้งก่อนที่ 241K

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศการทำข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักร ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ อาจจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศอื่น ๆ เช่นกัน


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -77.0 เหรียญ หรือ -2.29% อยู่ที่ระดับ 3,288.17 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 85.90 ดอลลาร์ หรือ 2.53% ปิดที่ 3,306.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 2.0 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 939.67 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 4.59 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 67.15 ตัน


  • ปธน.ทรัมป์แถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักรแล้ว ซึ่งเป็นข้อตกลงฉบับแรกที่สหรัฐฯ ทำกับประเทศคู่ค้า นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในเดือนเม.ย.


  • สหราชอาณาจักรได้ตกลงที่จะปรับลดภาษีศุลกากรลงเหลือ 1.8% จากเดิม 5.1% และเปิดโอกาสให้สินค้าสหรัฐฯ เข้าถึงตลาดได้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าครั้งใหม่นี้ ขณะที่ภาษีศุลกากรพื้นฐาน (Baseline Tariff) ในอัตรา 10% ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของสหราชอาณาจักรนั้น จะยังคงอยู่


  • ขณะที่ปธน.ทรัมป์คาดว่าการเจรจากับจีนที่กำลังจะมีขึ้นในวันเสาร์นี้จะมีสาระสำคัญมากกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก และเขาจะไม่แปลกใจหากทั้งสองประเทศสามารถบรรลุข้อตกลง


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท RJO Futures คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจร่วงลงแตะระดับ 3,200 ดอลลาร์ หากจีนและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าในวันเสาร์นี้


  • ธนาคารทองคำลาว (LBB) เปิดเผยแผนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการซื้อขายและการแปรรูปทองคำของเอเชียภายใน 5 ปี โดยลาวยังมีแหล่งทองคำที่ยังไม่ได้ขุดขึ้นมาใช้ทั่วประเทศประมาณ 500-1,000 เมตริกตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.88 จุด หรือ 0.88% มาอยู่ที่ระดับ 100.73 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 4.371% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 3.872% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.5%


  • สำหรับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนั้น ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หลังเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนก.ค., เดือนก.ย. และเดือนธ.ค.


  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์


  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค. โดยระบุว่า กรรมการคนหนึ่งของ BOJ เตือนว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้คณะกรรมการ BOJ ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเมื่อวันที่ 19 มี.ค.


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้น และเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันพฤหัสบดี ขานรับข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าการเจรจากับจีนที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จะมีสาระสำคัญมากกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,368.45 จุด เพิ่มขึ้น 254.48 จุด หรือ +0.62%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,663.94 จุด เพิ่มขึ้น 32.66 จุด หรือ +0.58% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,928.14 จุด เพิ่มขึ้น 189.98 จุด หรือ +1.07%


  • ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากปธน.ทรัมป์แถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักรแล้ว ซึ่งเป็นข้อตกลงฉบับแรกที่สหรัฐฯ ทำกับประเทศคู่ค้า นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในเดือนเม.ย.


  • นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่และเป็นเป้าหมายหลักของมาตรการกีดกันทางการค้าที่ทรัมป์ใช้มาโดยตลอด โดยทรัมป์กล่าวเป็นนัยว่า หากการเจรจาเป็นไปในทิศทางที่ดี สหรัฐฯ อาจพิจารณาลดกำแพงภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าจีน ซึ่งปัจจุบันสูงถึง 145%


  • และทรัมป์ยังได้กระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยตรง ด้วยการกล่าวว่า "นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกคุณควรออกไปซื้อหุ้นได้แล้ว" คำพูดนี้เพิ่มความเชื่อมั่นและกระตุ้นแรงซื้อในตลาดหุ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นหลายแห่งปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


  • PIMCO หนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนตราสารหนี้ชั้นนำของโลก ได้ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้นอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ PIMCO ยังได้ส่งสัญญาณเตือนว่า นักลงทุนอาจกำลังประเมินความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่จะนำมาตรการกำแพงภาษีในอัตราสูงกลับมาใช้อีกครั้งต่ำเกินไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นปัจจัยที่สร้างความปั่นป่วนอย่างหนักให้กับตลาดการเงินเมื่อเดือนก่อน


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดของโลก จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในระหว่างพบปะกันที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 3.17% ปิดที่ 59.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.72 ดอลลาร์ หรือ 2.81% ปิดที่ 62.84 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • นักลงทุนจับตาการเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Citi Research คาดการณ์ว่าหากทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงก็จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และจะฉุดราคาน้ำมันเบรนท์ร่วงลงแตะระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่หากทั้งสองฝ่ายไม่มีการบรรลุข้อตกลง ก็คาดว่าราคาน้ำมันเบรนท์จะดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • นักวิเคราะห์จาก City Index ให้มุมมองว่า "การพบปะกันระหว่างสหรัฐฯ และจีนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเป็นเพียง การเริ่มต้นของการสานสัมพันธ์ทางการทูต มากกว่าจะเป็น ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญ เราอาจต้องเผชิญกับ กระบวนการเจรจาที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจ ส่งผลให้โอกาสที่สินทรัพย์เสี่ยงจะปรับตัวขึ้นมีจำกัด"


  • ขณะที่ มาร์ติน แฟรนด์เซน จาก Principal Asset Management เสริมว่า ตลาดน่าจะต้องการ หลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้ ว่าความไม่แน่นอนได้ ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว ก่อนที่เราจะเห็น ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจฟื้นตัวอย่างแท้จริง


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 33.20 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 32.84 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 33.00 บาท แนวต้าน 33.40 บาท


  • ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ ยังไม่มีปัจจัยเชิงลบที่จะเชื่อได้ว่าจะขยายตัวต่ำ โดยยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 จะขยายตัวได้ 2-2.5% และไตรมาส 2 จะขยายตัวใกล้เคียง 2% และคาดหวังว่าในช่วงไตรมาส 3-4 นี้ รัฐบาลจะมีแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา

 

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com