• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 8 พฤษภาคม 2568

    8 พฤษภาคม 2568 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ หลังจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ส่งสัญญาณคลี่คลายลงและทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -44.63 เหรียญ หรือ -1.3% อยู่ที่ระดับ 3,391.71 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 30.90 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 3,391.90 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.28 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 937.67 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 6.59 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 65.15 ตัน


  • หลังจากตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการไม่นาน คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ตามคาด แต่เตือนว่าความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงมากขึ้นที่อัตราว่างงานและเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น


  • จีนเพิ่มทุนสำรองทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ในเดือนเมษายน ตอกย้ำความพยายามในการเพิ่มการถือครองทองคำ ท่ามกลางราคาทองคำที่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และการค้าโลกที่ยังคงผันผวน ข้อมูลเมื่อวันพุธเผยว่า ธนาคารกลางจีนถือครองทองคำแท่งเพิ่มขึ้นราว 70,000 ออนซ์ทรอยในเดือนที่ผ่านมา และตลอด 6 เดือนล่าสุด ปริมาณทองคำสำรองเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านออนซ์ หรือประมาณ 30 ตัน


  • จีนเผยสัญญาณนักลงทุนแห่ซื้อทองคำ ปริมาณซื้อขายในตลาด Shanghai Futures Exchange ทุบสถิติสูงสุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังอนุมัติโควตานำเข้าทองคำแท่งรอบใหม่ให้แก่ธนาคารพาณิชย์


  • ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเตรียมเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยเมื่อวันพุธ ปักกิ่งประกาศลดอัตราดอกเบี้ยและปรับลดสัดส่วนเงินสำรองที่ธนาคารพาณิชย์ต้องดำรงไว้ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.28 จุด หรือ 0.28% มาอยู่ที่ระดับ 99.78 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.283% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 3.797% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.49%


  • คณะกรรมการเฟดแถลงว่า ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงสูงขึ้น และเฟดยังคงจับตาความเสี่ยงต่อภารกิจหลัก ได้แก่ การจ้างงานเต็มศักยภาพและเงินเฟ้อที่มุ่งสู่เป้าหมาย 2% คณะกรรมการประเมินว่าความเสี่ยงด้านอัตราว่างงานและเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวสูงขึ้นนั้นมีมากขึ้น สำหรับการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เฟดจะใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจ


  • เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวภายหลังการประชุมว่า ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและภาคธุรกิจ พร้อมกับกล่าวว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังคงมีเป็นไปได้หากมีข้อมูลเศรษฐกิจสนับสนุน แต่เฟดไม่สามารถตัดสินใจล่วงหน้าเกี่ยวกับนโยบายการเงิน จนกว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะมีความชัดเจนมากขึ้น


  • ผู้ว่าการ PBOC กล่าวว่า PBOC จะเพิ่มโควตาการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้กับธุรกิจด้านการนวัตกรรมและการพัฒนาทางเทคโนโลยี และเพิ่มการอัดฉีดเม็ดเงินอีก 3 แสนล้านหยวน และจะจัดตั้งโครงการปล่อยเงินกู้ใหม่วงเงิน 5 แสนล้านหยวน เพื่อสนับสนุนธุรกิจบริการด้านอุปโภคบริโภคและการดูแลผู้สูงอายุ พร้อมกับสั่งการให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการสนับสนุนสินเชื่อสำหรับภาคส่วนเหล่านี้


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศว่า PBOC จะปรับลดอัตราส่วนการกันสำรอง (RRR) สำหรับธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในปีนี้ และจะทำให้มีสภาพคล่องไหลเข้าสู่ระบบการเงินของจีนประมาณ 1 ล้านล้านหยวน (1.389 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้น และเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มชิปในช่วงท้ายตลาด หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนที่จะยกเลิกการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงมติการประชุม


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,113.97 จุด เพิ่มขึ้น 284.97 จุด หรือ +0.70%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,631.28 จุด เพิ่มขึ้น 24.37 จุด หรือ +0.43% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,738.16 จุด เพิ่มขึ้น 48.50 จุด หรือ +0.27%


  • นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิปในช่วงท้ายตลาด หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลของปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะยกเลิกการควบคุมการส่งออกชิป AI โดยรายงานดังกล่าวได้รับการยืนยันโดยโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (PHLX Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 1.7%


  • อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนในระหว่างวัน หลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ตามคาด แต่ได้เตือนถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจ และความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยควบคู่กับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น (Stagflation)


  • ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของจีนกล่าวว่า นโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อตลาดทุนของจีน และจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เงินทุนระยะยาวไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์เชื้อเพลิงที่อ่อนแอ


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.73% ปิดที่ 58.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 61.12 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่าการเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ เป็นไปในทิศทางที่ดี และมีข้อตกลงที่จะทำให้อิหร่านกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลก ในขณะเดียวกันข้อตกลงนี้ก็จะป้องกันไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์


  • ทั้งนี้ หากสหรัฐฯ และอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ ก็อาจปูทางไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ซึ่งจะทำให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลก และทำให้อุปทานน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยอิหร่านผลิตน้ำมันในปริมาณกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 3% ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก


  • ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 188,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน ก่อนที่จะถึงฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐฯ


  • อย่างไรก็ดี EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • ล่าสุดทรัมป์ประกาศเตรียมแถลงข่าวในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับ "ข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่" กับคณะผู้แทนจาก "ประเทศขนาดใหญ่และได้รับการยอมรับอย่างสูง" ทรัมป์โพสต์ผ่าน Truth Social ว่า การแถลงข่าว ณ ห้องทำงานรูปไข่ จะมีขึ้นในเวลา 10.00 น. ตามเวลาวอชิงตัน (21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) โดยยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับประเทศคู่เจรจา หรือขอบเขตของข้อตกลงดังกล่าว


  • กระทรวงการต่างประเทศจีนประกาศว่า เหอ หลี่เฟิง สมาชิกกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 9-12 พ.ค. ตามคำเชิญของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งนอกจากพบปะหารือกับบรรดาผู้นำสวิสและฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว ในโอกาสนี้ เหอ ในฐานะหัวหน้าผู้แทนฝ่ายจีน จะประชุมด้านเศรษฐกิจและการค้าร่วมกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.87 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.70 บาทต่อดอลลาร์ รับเฟดคงดอกเบี้ยนโยบายตามคาด


  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ราว 2.0-2.2% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 2.4-2.9% ปัจจัยหลักมาจากผลกระทบของมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดยประเมินภายใต้สถานการณ์ที่สินค้าไทยถูกเรียกภาษีศุลกากรตอบโต้ที่อัตรา 10% ในช่วงไตรมาส 2/68 (หลังมีการเลื่อนขึ้นภาษีเต็มรูปแบบออกไป 90 วัน) และอัตราภาษีในครึ่งปีหลัง ยังอยู่ที่ 10% ที่ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกทั้งปีเติบโตเพียง 0.3-0.9% จากประมาณการเดิมที่ 1.5-2.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อของปี 68 มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำที่ 0.5-1.0% ลดลงจากประมาณการเดิมเช่นกัน

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com