• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 6 พฤษภาคม 2568

    6 พฤษภาคม 2568 | Gold News


ตัวเลขเศรษฐกิจ


  • ISM Services PMI ออกมาที่ 51.6 สูงกว่าคาดการณ์ที่ 50.2 และครั้งก่อนที่ 50.8
  • โดยภาพรวมตัวเลข ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 139.0 เหรียญ หรือ 4.29% อยู่ที่ระดับ 3,377.0 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 79 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 3,322.30 ดอลลาร์/ออนซ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 4.87 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 939.39 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 4.87 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 66.87 ตัน


  • นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ในวันอาทิตย์ (4 พ.ค.) ว่า จะเรียกเก็บภาษีในอัตรา 100% กับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผลิตในต่างประเทศ พร้อมระบุว่าได้มอบอำนาจให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้ภาษีศุลกากรดังกล่าวในทันที


  • ข้อมูลจากสมาคมทองคำแห่งประเทศจีนระบุว่า จีนผลิตทองคำได้มากกว่า 87.24 ตันในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 1.28 ตัน หรือคิดเป็น 1.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ระหว่างเดือนม.ค.ถึงมี.ค. ปริมาณการบริโภคทองคำในตลาดจีนลดลง 5.96% เมื่อเทียบรายปี มาอยู่ที่ 290.49 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.04 จุด หรือ -0.04% มาอยู่ที่ระดับ 99.96 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.14 % มาอยู่ที่ระดับ 4.349% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.15 % มาอยู่ที่ระดับ 3.841% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.51%


  • นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันอังคารและวันพุธ (6-7 พ.ค.) ขณะที่ตลาดคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าคณะกรรมการเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้


  • นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย


  • มุมมองนักวิเคราะห์: พาวเวลล์ไม่น่าลดดอกเบี้ย สวนทางแรงกดดันจากทำเนียบขาว
    เจเรมี ซีเกล จากวอร์ตัน ออกมาคาดการณ์ว่า ในการประชุมวันพุธนี้ เจอโรม พาวเวลล์ จะยังคงนโยบายดอกเบี้ยไว้เหมือนเดิม แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะออกมาเรียกร้องให้เฟดผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่องก็ตาม สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาด โดยกรรมการผู้จัดการ Morgan Stanley ก็ระบุชัดเจนว่า "ไม่มีใครคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับลด" เช่นเดียวกับ นักวิเคราะห์การเงินของ Bankrate ก็ยังคงมองว่า "เฟดจะยังคงนิ่งเฉย" ต่อสถานการณ์ปัจจุบัน


  • บาร์เคลย์ส (Barclays) และโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปในเดือนก.ค. หลังจากการเปิดเผยรายงานการจ้างงานเดือนเม.ย.ที่แข็งแกร่งเกินคาด ก่อนหน้านี้ ทั้งสองบริษัทคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย.


  • สถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงกำลังเข้าสู่ช่วงที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เมื่อทางการฮ่องกงตัดสินใจทุ่มเงินจำนวน "มหาศาลเป็นมูลค่าสูงถึง 60.5 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งถือเป็นสถิติการเข้าซื้อครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา " ยิ่งไปกว่านั้น การแทรกแซงตลาดครั้งล่าสุดนี้ยังเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากการเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่า 56.1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา  เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นอย่างมาก


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้น และเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนประเมินมาตรการภาษีศุลกากรครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,218.83 จุด ลดลง 98.60 จุด หรือ -0.24%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,650.38 จุด ลดลง 36.29 จุด หรือ -0.64% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,844.24 จุด ลดลง 133.49 จุด หรือ -0.74%


  • หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.02% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ประกาศเพิ่มการผลิตน้ำมัน ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคดีดตัวขึ้น 0.02%


  • สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวในวันจันทร์ว่า นโยบายภาษีศุลกากร การปรับลดภาษี และการผ่อนคลายกฎระเบียบของปธน.ทรัมป์นั้น จะดำเนินการไปพร้อม ๆ กันเพื่อผลักดันการลงทุนระยะยาวเข้าสู่สหรัฐฯ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าตลาดสามารถเอาชนะความผันผวนระยะสั้นใด ๆ ได้


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในการซื้อขายตลาดเอเชียเช้าวันอังคาร มาอยู่ที่ราว 57.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงเกือบ 2% ในวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวนี้ถูกจำกัดด้วยความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังกลุ่ม OPEC+ มีมติเร่งการเพิ่มกำลังการผลิต


  • ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 56.76 เหรียญ/บาร์เรล เช้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.52% สู่ระดับ 57.62 เหรียญ/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 60.10 เหรียญ/บาร์เรล เช้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.11% สู่ระดับ 60.77 เหรียญ/บาร์เรล


  • เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่ม OPEC+ ได้ตกลงที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง โดยในเดือนมิถุนายนนี้ จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 411,000 บาร์เรลต่อวัน การเพิ่มขึ้นดังกล่าว ซึ่งมีสมาชิก 8 ประเทศ รวมถึงรัสเซียเข้าร่วม จะส่งผลให้ปริมาณการผลิตรวมที่เพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน อยู่ที่ 960,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นการกลับมาผลิตถึง 44% ของปริมาณที่ลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2022 โดยอ้างอิงจากการประเมินของรอยเตอร์


  • แหล่งข่าวภายในกลุ่ม OPEC+ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มจะยกเลิกการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจทั้งหมดภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ หากประเทศสมาชิกยังคงไม่สามารถปฏิบัติตามโควตาการผลิตที่ตกลงกันไว้ มีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียกำลังผลักดันให้กลุ่มเร่งยกเลิกข้อจำกัดด้านการผลิต เพื่อเป็นการลงโทษอิรักและคาซัคสถานที่ไม่สามารถทำตามเป้าหมายการผลิตที่กำหนดไว้ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


  • เดวิด เวค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทวิเคราะห์พลังงาน Vortexa ให้ความเห็นกับรอยเตอร์ว่า นอกเหนือจากปัจจัยด้านอุปทานแล้ว ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และอุปสงค์การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงกลั่นที่ชะลอตัวลง ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมัน โดยเวคสังเกตว่า ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นประมาณ 150 ล้านบาร์เรล ซึ่งถูกจัดเก็บทั้งบนบกและในเรือบรรทุกน้ำมันกลางทะเล


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • เจ้าหน้าที่อิสราเอลเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า คณะรัฐมนตรีความมั่นคงของอิสราเอลได้ลงมติยกระดับปฏิบัติการโจมตีกลุ่มฮามาสในกาซาจนกว่าจะยึดครองพื้นที่ได้ทั้งหมด รัฐมนตรีประจำคณะรัฐมนตรีความมั่นคง อธิบายว่า แทนที่จะปฏิบัติการโจมตีพื้นที่แล้วถอนกำลังออกไปเหมือนที่เคยทำมา ตั้งแต่นี้ไปกองทัพอิสราเอลจะครอบครองดินแดนที่ยึดมาได้ จนกว่ากลุ่มฮามาสจะพ่ายแพ้หรือยอมปลดอาวุธและออกจากกาซาไป


  • รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% ฉบับใหม่ในวันที่ 3 พ.ค. ครอบคลุมชิ้นส่วนรถยนต์หลัก เช่น เครื่องยนต์ ซึ่งถือเป็นผลกระทบอีกระลอกต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ที่เป็นเสาหลักของญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เผชิญกับภาษีในอัตราเดียวกันสำหรับการนำเข้ารถยนต์ โดยภาษีนำเข้าซึ่งครอบคลุมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะน้ำหนักเบาที่นำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลก เริ่มมีผลบังคับใช้ไปตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา


  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และจะกลับมาแข็งแกร่งในไม่ช้า พร้อมปฏิเสธความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยระยะสั้น และเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย


  • อย่างไรก็ดี ทรัมป์กำลังเผชิญกระแสวิจารณ์เพิ่มขึ้นหลังรับตำแหน่งครบ 100 วัน โดยผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสส์พบว่า คะแนนนิยมลดลงเหลือ 42% จาก 47% หลังวันสาบานตนรับตำแหน่ง

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.93 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ  33.05 บาทต่อดอลลาร์มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.75 -33.35 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.85-33.05 บาทต่อดอลลาร์

 

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com