• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 2568

    2 พฤษภาคม 2568 | Gold News


ตัวเลขเศรษฐกิจ


  • Unemployment Claims ออกมาที่ 241K เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ 224K ครั้งก่อนที่ 223K
  • ISM Manufacturing PMI ออกมาที่ 48.7 เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ 48.0 ครั้งก่อนที่ 49.0
  • ISM Manufacturing Prices ออกมาที่ 69.8 ต่ำกว่าคาดการณ์ 72.9 ครั้งก่อนที่ 69.4

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -55.31 เหรียญ หรือ -1.68% อยู่ที่ระดับ 3,233.26 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 96.90 ดอลลาร์ หรือ 2.92% ปิดที่ 3,222.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.15 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 945.41 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ซื้อสุทธิ 1.15 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 72.89 ตัน


  • ตลาดจีนปิดทำการเนื่องในวันแรงงานตั้งแต่วันที่ 1 – 5 พ.ค. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำเป็นไปอย่างซบเซา


  • สภาทองคำโลก (WGC) รายงานว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกรวมถึงการซื้อขายนอกตลาด (OTC) ในไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สู่ระดับ 1,206 เมตริกตัน ขณะที่การลงทุนพุ่งขึ้นถึง 170%


  • การลงทุนในทองคำได้รับแรงหนุนจากเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำจำนวนมาก รวมถึงความต้องการทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้น 14% ในไตรมาสแรก ซึ่งช่วยชดเชยความต้องการเหรียญทองคำที่ลดลง 32%


  • ส่วนราคาทองคำในตลาดสปอตเพิ่มขึ้น 26% แล้วในปีนี้ และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้ง โดยมีแรงซื้อเพื่อการลงทุนในไตรมาสแรกสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดโลกยังคงเผชิญกับผลกระทบจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน


  • สำหรับทั้งปี 2568 นั้น WGC คาดว่า การลงทุนในทองคำจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง และบรรดาธนาคารกลางจะยังคงซื้อทองคำในระดับใกล้เคียงกับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านการค้าอยู่ในระดับสูง


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.56 จุด หรือ 0.56% มาอยู่ที่ระดับ 100.21 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.235% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 3.721% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.51%


  • โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าสกุลเงินของเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และจีน จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในฐานะเงินทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลก ที่กำลังพยายามลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ


  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด โดย BOJ ระบุว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมีความไม่แน่นอนมากขึ้น อันเนื่องมาจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้น และเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1.5% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms)


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,752.96 จุด เพิ่มขึ้น 83.60 จุด หรือ +0.21%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,604.14 จุด เพิ่มขึ้น 35.08 จุด หรือ +0.63% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,710.74 จุด เพิ่มขึ้น 264.40 จุด หรือ +1.52%


  • สำนักงานสถิติของยุโรป (Eurostat) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.2% และแข็งแกร่งกว่าในไตรมาส 4/2567 ที่มีการขยายตัว 0.2%


  • คณะกรรมการถาวรของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) มีมติผ่านกฎหมายส่งเสริมภาคเอกชน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 พ.ค. โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในขณะที่สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาส่อแววว่าจะยืดเยื้อ


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ว่าจะคว่ำบาตรอิหร่าน ภายหลังจากการเจรจานิวเคลียร์รอบที่สี่ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านถูกเลื่อนออกไป


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.77% ปิดที่ 59.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 62.13 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวานนี้ว่า การซื้อน้ำมันหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจากอิหร่านทั้งหมดจะต้องยุติลง และประเทศหรือบุคคลใดที่ซื้อสินค้าเหล่านี้จากอิหร่านจะถูกคว่ำบาตรขั้นทุติยภูมิ (secondary sanction)


  • คำขู่ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเอสมาอิล บาเกอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า การเจรจานิวเคลียร์รอบที่สี่ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์นี้ที่กรุงโรม ถูกเลื่อนออกไปตามข้อเสนอของโอมาน ขณะที่กำหนดวันเจรจาใหม่จะมีการประกาศให้ทราบต่อไปในภายหลัง

  • ทั้งนี้ โอมานทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ เพื่อช่วยลดความเห็นต่างระหว่างทั้งสองประเทศ และส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาค 


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท Lipow Oil Associates คาดการณ์ว่า หากรัฐบาลทรัมป์บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นทุติยภูมิกับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากอิหร่านตามคำขู่ ก็จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกลดลงประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน


  • นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของซาอุดีอาระเบีย หลังจากสื่อรายงานว่าซาอุดีอาระเบียไม่เต็มใจที่จะพยุงตลาดน้ำมันด้วยการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าสามารถรับมือกับภาวะราคาน้ำมันต่ำเป็นเวลานานได้ นับเป็นการส่งสัญญาณว่าซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกอาจจะเปลี่ยนจุดยืนไปเป็นการผลิตน้ำมันเพิ่ม เพื่อที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมา


  • นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมของสมาชิก 8 ประเทศของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 5 พ.ค. โดยที่ประชุมจะตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดกำลังการผลิตในเดือนมิ.ย.


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ อาจบรรลุข้อตกลงการค้ากับอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และยังกล่าวด้วยว่า มีโอกาสที่สหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงกับจีนด้วยเช่นกัน


  • นอกจากนี้ บัญชีโซเชียลมีเดียของสื่อรัฐบาลจีนยังระบุว่า สหรัฐฯ ได้ติดต่อมายังจีนเพื่อขอเจรจาเกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บจากจีนในอัตรา 145%


  • สหรัฐฯ ได้ลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement) กับยูเครนในวันพุธ (30 เม.ย.) ซึ่งจะเปิดทางให้สหรัฐฯ สามารถเข้าถึงแร่ธาตุหายากของยูเครน โดยการลงนามในข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเจรจาของทั้งสองฝ่ายยืดเยื้อเป็นเวลาหลายสัปดาห์


  • ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เปิดกว้างสำหรับการสร้างสันติภาพในยูเครน และกำลังร่วมมือกับทางสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มที่ แต่ความขัดแย้งมีความซับซ้อนมากจนยากที่จะคืบหน้ารวดเร็วอย่างที่สหรัฐฯ ต้องการ


  • โฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซีย เปิดเผยว่า ยูเครนยังไม่ได้ตอบรับข้อเสนอต่าง ๆ ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อเริ่มต้นการเจรจาสันติภาพ และยังไม่ชัดเจนว่ายูเครนจะเข้าร่วมการหยุดยิง 3 วันในเดือนหน้าหรือไม่


  • สำนักข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ (NIS) เปิดเผยว่า ทหารเกาหลีเหนือราว 600 นายเสียชีวิตจากการช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน นอกจากนั้นยังมีทหารเกาหลีเหนือได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 4,000 นาย


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.57 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.41 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันที่ 30 เม.ย.) มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.75 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ)


  • ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จากระดับ 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี มีผลทันที เนื่องจาก กนง.ส่วนใหญ่เห็นว่าสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและรองรับความเสี่ยงด้านต่ำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งดูแลภาวะการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไป ขณะที่กรรมการเสียงส่วนน้อยเห็นว่าควรคงอัตราดอกเบี้ยไว้เพื่อใช้ในจังหวะที่เกิดประสิทธิผลสูงสุดภายใต้ขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (policy space) ที่มีจำกัด


  • โฆษกกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่า หากสหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าให้ไทยและคู่ค้าเหลือ 10% ในกรณีที่ดีที่สุด เศรษฐกิจไทยจะโตเพิ่มขึ้น 2.5% จากเดิม โดยแรงส่งหลักมาจากการส่งออกที่ขยายตัวมากขึ้น และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวตามการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความเชื่อมั่นที่สูงขึ้น


  • ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ มูดี้ส์ เรทติ้งส์ ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยลง แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้สกุลเงินบาท แบบไม่มีหลักประกันของไทย อยู่ที่ระดับ Baa1และคงอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะสั้น สกุลเงินต่างประเทศของไทยอยู่ที่ระดับ P-2 ว่า เป็นการปรับลดเร็วเกินไป เพราะปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการเจรจามาตรการภาษีระหว่างไทย-สหรัฐ

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com