• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 30 เมษายน 2568

    30 เมษายน 2568 | Gold News


ตัวเลขเศรษฐกิจ


  • S&P/CS Composite-20 HPI y/y  ออกมาที่ 4.5% ต่ำกว่าคาดการณ์ 4.6% ครั้งก่อนที่ 4.7%
  • JOLTS Job Openings ออกมาที่ 7.19M ต่ำกว่าคาดการณ์ 7.49M   ครั้งก่อนที่ 7.48M
  • CB Consumer Confidence   ออกมาที่ 86.0 ต่ำกว่าคาดการณ์ 87.7 ครั้งก่อนที่ 92.9


  • ภาพรวมข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ บ่งชี้ถึงแนวโน้มการชะลอตัวในหลายภาคส่วน ทั้งดัชนีราคาบ้าน, ตำแหน่งงานว่าง, รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ล่าสุดส่งสัญญาณถึงการชะลอตัว ซึ่งภาพรวมยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยสั้น


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดปรับตัวลดลงเมื่อวันอังคาร แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาอ่อนตัว โดยปัจจัยหลักที่กดดันราคายังคงมาจากการส่งสัญญาณผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -24.22 เหรียญ หรือ -0.72% อยู่ที่ระดับ 3,321.25 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 14.10 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 3,333.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 0.86 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 947.13 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 13.75 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 74.61 ตัน


  • ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อ sentiment ของตลาดทองคำคือ ถ้อยแถลงของนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้ากับหลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่นและอินเดีย นอกจากนี้ การที่จีนประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการจากสหรัฐฯ ยังถูกมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความตั้งใจของจีนในการลดระดับความขัดแย้งทางการค้าลง


  • ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรายงานว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาดำเนินมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษีนำเข้ารถยนต์ โดยมีแนวโน้มที่จะผ่อนปรนการเก็บภาษีสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์จากต่างประเทศที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ภายในประเทศ และป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อนสำหรับรถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งการเคลื่อนไหวเหล่านี้ยิ่งเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดว่าสถานการณ์ทางการค้าโลกอาจมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น


  • โดยภาพรวม ราคาทองคำปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย หลังได้รับสัญญาณบวกเกี่ยวกับการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้า อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงให้ความสำคัญกับการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการชี้นำทิศทางนโยบายการเงินของเฟด และส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในระยะต่อไป


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.17 จุด หรือ 0.17% มาอยู่ที่ระดับ 99.21 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.162% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 3.644% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.52%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้น และเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันอังคาร ขานรับความหวังที่ว่าสหรัฐฯ จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับบรรดาประเทศคู่ค้า ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยล่าสุด


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,527.62 จุด เพิ่มขึ้น 300.03 จุด หรือ +0.75%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,560.83 จุด เพิ่มขึ้น 32.08 จุด หรือ +0.58%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,461.32 จุด เพิ่มขึ้น 95.18 จุด หรือ +0.55%


  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าสินค้าของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่า การค้ามีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกปีนี้


  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP เดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค. และในวันศุกร์นี้ สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.


  • โดยภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังอยู่ในช่วงที่นักลงทุนยังคงไม่แน่ใจในทิศทาง โดยมีทั้งแรงซื้อจากความหวังในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความกลัวที่จะพลาดโอกาสทำกำไร (FOMO) ควบคู่ไปกับความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบที่ยังไม่ชัดเจนจากมาตรการภาษี ส่งผลให้ตลาดโดยรวมยังคงมีความผันผวนสูง


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน และกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกและทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.63 ดอลลาร์ หรือ 2.63% ปิดที่ 60.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 64.25 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ตลาดยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดต่อท่าทีของกลุ่มโอเปกพลัส โดยมีความกังวลเพิ่มขึ้นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมเดือนมิถุนายน ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และอาจนำไปสู่ภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด เนื่องจากมีรายงานว่าสมาชิกหลายประเทศในกลุ่มโอเปกพลัสสนับสนุนการเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าว


  • ท่าทีดังกล่าวสอดคล้องกับการปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้ของนักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ โดยได้ปรับลดเป้าหมายลงสู่ระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล 


  • ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมของสมาชิก 8 ประเทศของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 5 พ.ค. โดยที่ประชุมจะตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดกำลังการผลิตในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในประเทศ


  • โดยภาพรวม ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 2% โดยมีปัจจัยกดดันหลักจากความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะอุปทานล้นตลาด นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางลบของมาตรการภาษีศุลกากรต่อเศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวของความต้องการใช้น้ำมัน ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทั้ง WTI และเบรนท์ ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นและอินเดีย พร้อมกับกล่าวว่าการที่จีนการยกเว้นการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการของสหรัฐฯ นั้น สะท้อนให้เห็นว่าจีนเต็มใจที่จะทำให้ความตึงเครียดด้านการค้าคลี่คลายลง อย่างไรก็ดี เบสเซนต์ไม่ได้ยืนยันว่าสหรัฐฯ มีการเจรจาการค้ากับจีน


  • หัวหน้าฝ่ายนโยบายของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของญี่ปุ่น แสดงความกังวลว่า มาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจทำให้หลายประเทศในเอเชียหันไปใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงในภูมิภาค


  • รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเตือนนานาประเทศระหว่างการประชุมกลุ่ม BRICS ณ ประเทศบราซิล ไม่ให้ยอมจำนนต่อภัยคุกคามจากภาษีของสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แย้มว่า อาจใช้เครื่องมือการค้าใหม่ ๆ เพื่อกดดันจีน


  • อุตสาหกรรมการบินสหรัฐฯ กำลังเผชิญผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผนวกกับอุปสงค์การเดินทางที่ซบเซา ส่งผลให้ผู้ประกอบการเร่งเจรจาเพื่อขอยกเว้นมาตรการภาษีจากทำเนียบขาว


  • จีนได้ยกเลิกภาษีนําเข้าอีเทนจากสหรัฐอเมริกาที่อัตรา 125% ตามรายงานของ Reuters โดยภาษีซึ่งถูกเรียกเก็บเมื่อต้นเดือนนี้ได้รับการยกเว้นแล้ว ซึ่งช่วยบรรเทาความกดดันให้กับบริษัทจีนที่นําเข้าอีเทนจากสหรัฐอเมริกาเพื่อการผลิตปิโตรเคมี 


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.45 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.39 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้  คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.30-33.65 บาทต่อดอลลาร์


  • บล.กรุงศรี เผยคาดการณ์การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ ประเมินโอกาส 75% ที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก Inverted Yield Curve, เงินเฟ้อต่ำกว่าเป้า, แนวโน้ม GDP โตช้าลง และความไม่แน่นอนการค้าโลก


  • ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีธนาคารโลกปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 68 เหลือโต 1.6%ว่า ยอมรับว่า GDP ปีนี้ 3% หรือ 3% กว่าที่เราตั้งใจคงยากแล้ว แต่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตแค่ 1.6% เพราะขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะมีข้อตกลงสุดท้ายอย่างไร


  • บริษัทจัดอันดับเครดิต มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody's) ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยลงสู่มุมมอง "เชิงลบ" (Negative) จากเดิมที่มีเสถียรภาพ (Stable) โดยการเปลี่ยนมุมมองครั้งนี้สะท้อนถึง "ความเสี่ยงที่ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และการคลังของประเทศไทยจะอ่อนแอลง"

 


ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com