• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 29 เมษายน 2568

    29 เมษายน 2568 | Gold News


ตัวเลขเศรษฐกิจ

-

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไร ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมทั้งจับตาข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 7.56 เหรียญ หรือ 0.23% อยู่ที่ระดับ 3,333.92 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 49.30 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 3,347.70 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 946.27 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 12.89 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 73.75 ตัน


  • นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไร ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกัน โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (27 เม.ย.) ว่า เขาไม่ได้หารือกับเจ้าหน้าที่จีน และเขาไม่ทราบว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีการพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงหรือไม่ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ล่าสุดในวันจันทร์ (28 เม.ย.) ว่า ปธน.สีและปธน.ทรัมป์ไม่ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับภาษีศุลกากร ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของปธน.ทรัมป์ที่ว่าการเจรจากับจีนมีความคืบหน้า


  • ราคาทองคำปรับตัวลงกว่า 6% จากจุดสูงสุดก่อนหน้า หลังมีสัญญาณว่าความตึงเครียดทางการค้าอาจคลี่คลาย ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก Commodity Futures Trading Commission เผยว่าผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ลดสถานะซื้อสุทธิในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นทองคำสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี


  • สมาคมทองคำแห่งประเทศจีน (CGA) เปิดเผยข้อมูลว่า ในไตรมาส 1/2568 การบริโภคทองคำของจีนลดลง 5.96% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 290.492 ตัน เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเป็นอุปสรรคต่อความต้องการซื้อเครื่องประดับทองคำ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.49 จุด หรือ -0.49% มาอยู่ที่ระดับ 99.12 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.22% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 3.689% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.53%


  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 6-7 พ.ค.


  • นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันอย่างหนักให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย


  • นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม ตุลาคม และธันวาคม


  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ค.


  • ปธน.ทรัมป์เรียกร้องเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ให้นายพาวเวลรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางยุโรป มิฉะนั้นเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลง และปธน.ทรัมป์ยังกล่าวหานายพาวเวลว่ามักปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างล่าช้า ยกเว้นในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือให้อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนางคามาลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้ง


  • นอกจากนี้ ปธน.ทรัมปยังขู่ที่จะปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่ง ก่อนที่เขาครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในเดือนพ.ค.2569 แต่ปธน.ทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงท่าทีในภายหลังว่า เขาไม่มีความประสงค์ที่จะปลดนายพาวเวลแต่อย่างใด


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ แต่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ในขณะที่นักลงทุนรอดูความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลแรงงานและเงินเฟ้อ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,227.59 จุด เพิ่มขึ้น 114.09 จุด หรือ +0.28%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,528.75 จุด เพิ่มขึ้น 3.54 จุด หรือ +0.06% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,366.13 จุด ลดลง 16.81 จุด หรือ -0.10%


  • หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น 0.70% ตามด้วยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 0.68% ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 0.30% และหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคลดลง 0.15%


  • หุ้นโบอิ้ง (Boeing) พุ่งขึ้น 2.44% ปิดที่ระดับ 182.30 ดอลลาร์ และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก หลังจากนักวิเคราะห์ของ Bernstein ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุนในหุ้นโบอิ้งขึ้นสู่ระดับ “Outperform” จากระดับ “Market Perform” และได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นโบอิ้งสู่ระดับ 218 ดอลลาร์ จากเป้าหมายเดิมที่ 181 ดอลลาร์ หลังจากโบอิ้งเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 1/2568


  • ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน ในขณะที่นักลงทุนรอคอยความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่การสื่อสารที่ขัดแยังกันเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาของทั้งสองฝ่ายได้ส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย


  • ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ที่ดิ่งลงกว่า 2% ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่งจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงอะเมซอน (Amazon), แอปเปิ้ล (Apple), เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) และไมโครซอฟท์ (Microsoft)


  • หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (Huawei Technologies) เตรียมทดสอบชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่นล่าสุดชื่อ Ascend 910D เพื่อแข่งขันกับชิป H100 ของอินวิเดีย


  • ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า นับจนถึงขณะนี้มีบริษัท 179 แห่งในดัชนี S&P500 ที่รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มี 78 แห่งที่เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่เป็นลบ และมี 32 แห่งที่เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่เป็นบวก

  • รองประธานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ (28 เม.ย.) ว่า รัฐบาลจีนเตรียมใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็แสดงความเชื่อมั่นว่าจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับประมาณ 5% ในปี 2568 ตามที่วางไว้


  • ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ระบุว่า ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของสิงคโปร์ โดยจะไม่เพียงแต่ส่งผลโดยตรงต่อการส่งออกของสิงคโปร์ไปยังสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบทวีคูณ (multiplier effect) ในเชิงลบต่อรายได้และอุปสงค์โดยรวมของเศรษฐกิจสิงคโปร์อีกด้วย


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.54% ปิดที่ 62.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดที่ 65.86 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน นอกจากนี้ การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันของทั้งสองประเทศยังทำให้นักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าอาจจะยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก


  • นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. โดยสมาชิก 8 ประเทศของกลุ่มโอเปกพลัสจะประชุมกันในวันที่ 5 พ.ค.เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดกำลังการผลิตในเดือนมิ.ย.


  • นักลงทุนจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาโครงการนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน โดยการเจรจาจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ก็อาจปูทางไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ซึ่งจะทำให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลก


  • นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.)

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • นาย Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวในการสัมภาษณ์กับ CNBC โดยเน้นย้ำว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าขณะนี้เป็นความรับผิดชอบของจีนที่จะต้องเริ่มต้นลดระดับความตึงเครียดในสงครามการค้าที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน "ทุกหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังติดต่อกับปักกิ่ง" Bessent กล่าว พร้อมย้ำว่า "ถึงเวลาแล้วที่จีนต้องผ่อนคลายความตึงเครียด" โดยชี้ให้เห็นถึงเหตุผลสำคัญว่า ปัจจุบันจีนส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากกว่าที่สหรัฐฯ ส่งออกไปยังจีนถึง 5 เท่า การดำเนินนโยบายตั้งกำแพงภาษีในอัตรา 125% จึงเป็นสิ่งที่ "ไม่สามารถคงอยู่ได้" ในระยะยาว


  • ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ออกคำสั่งเซอร์ไพรซ์ ให้กองทหารที่กำลังสู้รบกับยูเครน หยุดยิงเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่ 8-10 พฤษภาคมนี้ เพื่อรำลึกวาระครบรอบ 80 ปีชัยชนะของสหภาพโซเวียตและเหล่าพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม เคียฟตอบโต้โดยตั้งคำถามว่าทำไมไม่หยุดยิงกันตอนนี้เลย และทำเนียบขาวแถลงว่าทรัมป์ต้องการให้สงบศึกกันอย่างถาวร ไม่ใช่แค่ชั่วคราว

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.37 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.64 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.25-33.50 บาทต่อดอลลาร์


  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดพันธบัตรไทยกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก และมีแนวโน้มว่าเดือนนี้จะมีเงินทุนไหลเข้ามามากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.พ.2565 โดยปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดเงินทุนต่างคือ การคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในอนาคตอันใกล้ ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น


  • ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ห่วงเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง เสี่ยงเผชิญภาวะถดถอยทางเทคนิค จากผลกระทบสงครามการค้า หั่น GDP ปี 68 เหลือโต 1.5% จับตา กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่เงินบาทระยะยาวมีแนวโน้มแข็งค่า

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com