• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567

    18 พฤศจิกายน 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ และปรับตัวลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้ในรอบกว่า 3 ปี โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐหลังจากคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้ราคาทองแพงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น และจะลดความน่าดึงดูดใจในการลงทุนในทองคำ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 14.86 เหรียญ หรือ 0.58% อยู่ที่ระดับ 2,581.35 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.80 เหรียญ หรือ 0.11% ปิดที่ 2,570.10 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 13.7 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 30.432 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.10 เหรียญ หรือ 0.12% ปิดที่ 945.10 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 2.56 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 869.93 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 21.86 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 9.18 ตัน


  • ราคาทองคำร่วงลงมากกว่า 4% แล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.เมื่อวันพฤหัสบดี (14 พ.ย.) ขณะที่ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน ซึ่งทำให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ


  • นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ แถลงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน พ.ย.67 อยู่ที่ 67.13 จุด ลดลง 2.57 จุด หรือคิดเป็น 3.69% จากเดือน ต.ค.67 ที่ระดับ 69.70 จุด ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ลดลงมาจากแรงขายทองคำจากธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ, กระแสเงินทุนไหลเข้าทรัพย์สินเสี่ยงมากขึ้น, การลดปริมาณซื้อทองคำของธนาคารจีน และสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนมีแนวโน้มเริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้ การลงทุนทองคำในเดือน พ.ย.67 ราคาทองคำมีแนวโน้มผันผวน และอาจมีการปรับฐานในระยะสั้น เนื่องจากตลาดกำลังรอดูทิศทางนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นในช่วงต้นปี 2568


  • นักวิเคราะห์ตลาดจากฟอเรกซ์.คอม กล่าวว่า ราคาทองคำที่ลดลงสะท้อนถึงการคาดการณ์ที่ว่า นโยบายการเงินของสหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มคุมเข้มมากขึ้นในปี 2568 ภายใต้การบริหารของทรัมป์ โดยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเพิ่มต้นทุนในการถือครองทองคำ


  • นักวิเคราะห์อาวุโสของซิตี้ อินเด็กซ์ (City Index) กล่าวว่าขณะที่ความเห็นของพาวเวลอาจสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำไปจนถึงปีใหม่ แต่การบริหารประเทศของทรัมป์ที่มีแนวโน้มปั่นป่วนอีกครั้งนั้น อาจทำให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยนอกจากนี้ซิมป์สันระบุว่า ในสัปดาห์นี้ซึ่งแทบจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากสหรัฐฯ นั้น ราคาทองคำอาจฟื้นตัวขึ้น และมีโอกาสทดสอบระดับ 2,600 ดอลลาร์อีกครั้ง


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.25 จุด หรือ -0.23% มาอยู่ที่ระดับ 106.65 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง 0.0 % มาอยู่ที่ระดับ 4.434% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.299% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.14%


  • ออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาชิคาโกกล่าวว่า เขาคิดว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในปีนี้ และลดลงอีก 1% ในปีหน้าตามที่ผู้กำหนดนโยบายหลายรายของเฟดได้คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา


  • เครื่องมือ CME FedWatch บ่งชี้ว่า บรรดานักลงทุนคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เฟดจะไม่ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 42% เพิ่มขึ้นจากประมาณ 14% เมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2568 ด้วย


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บ่งชี้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจชะลอลงตัวลง และบรรดานักลงทุนประเมินการเลือกคณะรัฐมนตรีของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,444.99 จุด ลดลง 305.87 จุด หรือ -0.70%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,870.62 จุด ลดลง 78.55 จุด หรือ -1.32% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,680.12 จุด ลดลง 427.53 จุด หรือ -2.24%


  • บรรดานักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ รีเสิร์ช (Goldman Sachs Research) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2568 ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการเพิ่มภาษีนำเข้าอย่างมากภายใต้รัฐบาลของทรัมป์


  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 0.9% ในไตรมาส 3/2567 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันสองไตรมาส และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.7% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 2% ในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงในจีน และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลออัตราการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.45% ปิดที่ 67.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.52 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 71.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลงราว 5% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงราว 4%


  • ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ในเดือนต.ค. โรงกลั่นน้ำมันของจีนกลั่นน้ำมันดิบลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากการปิดโรงงานและอัตราการดำเนินการที่ลดลงที่โรงกลั่นน้ำมันอิสระขนาดเล็ก


  • การขยายตัวของผลผลิตโรงงานของจีนชะลอตัวลงเมื่อเดือนที่แล้ว และปัญหาด้านความต้องการในภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะดีขึ้น ซึ่งเพิ่มความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจของจีนที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก


  • IEA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันทั่วโลกจะสูงกว่าความต้องการมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2568 แม้ว่าการปรับลดการผลิตจากกลุ่มโอเปกพลัสจะยังคงมีผลอยู่ก็ตาม
 

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง

 

  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สัญญาว่าจะยุติสถานะชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่ง (most-favored-nation) ของจีนในด้านการค้า และจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมากกว่า 60% ซึ่งสูงกว่าภาษีที่เรียกเก็บในระหว่างวาระการดำรงตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์


  • นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าแผนการเก็บภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)


  • ตลาดเปลี่ยนความสนใจจากชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่สนับสนุนธุรกิจ ไปเป็นความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่


  • นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีนว่า สหรัฐไม่ต้องการทำสงครามเย็น และไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระบบของจีน โดยพันธมิตรของสหรัฐเองก็ไม่ได้พุ่งเป้าที่จะต่อต้านจีน


  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงแห่งจีนได้กล่าวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐว่า ตนเองพร้อมที่จะร่วมงานกับรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะเริ่มงานในเดือนมกราคม 2568 นอกจากนี้ปธน.จีนยังกล่าวด้วยว่า เป้าหมายของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐที่มีเสถียรภาพ มั่นคงและยั่งยืนนั้น ยังคงมีอยู่


  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เลือก แคโรไลน์ เลวิตต์ วัย 27 ปี ให้เป็นโฆษกทำเนียบขาว โดยทรัมป์หวังว่า สตรีวัย 27 ปีผู้มีบุคลิกดุดันคนนี้ จะใช้ตำแหน่งสำคัญที่ได้รับเพื่อปกป้องเขาอย่างเต็มที่


  • สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมารัสเซียระดมยิงขีปนาวุธและโดรนเข้าใส่พื้นที่ต่างๆ ของยูเครน เสียงไซเรนโจมตีทางอากาศดังสนั่นหวั่นไหวทั่วประเทศ แม้ยูเครนเคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้หลายครั้ง  แต่นี่เป็นการโจมตีที่มีการประสานงานครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน และเป็นอีกครั้งที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าและสถานีส่ง ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายหลัก


  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนโพสต์บน Telegram ว่า  รัสเซียยิงขีปนาวุธประมาณ 120 ลูกและโดรน 90 ลำระหว่างการโจมตีพร้อมกันครั้งใหญ่ในทุกภูมิภาคของยูเครนโดยรัฐบาลมอสโกกำลังมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน


  • ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนกล่าวว่า ยูเครนต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้สงครามกับรัสเซียยุติลงในปีหน้าด้วยวิธีทางการทูต


  • อิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่กรุงเบรุตในวันอาทิตย์ สังหารหัวหน้าโฆษกกลุ่มเฮซบอลลาห์ในเลบานอน นับเป็นการโจมตีกลางเมืองหลวงของเลบานอนครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งเดือน


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 18พ.ย.  2567 ที่ระดับ  34.79 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.81 บาทต่อดอลลาร์


  • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (18-22 พ.ย.) ที่ 34.50-35.25 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดวันศุกร์ที่ 15 พ.ย.ที่ 34.82 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนตามแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นหลังจากที่เงินบาทอ่อนค่าลงมากในช่วงที่ผ่านมา ส่วนในสัปดาห์หน้าปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สกุลเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด



ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com