• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566

    16 พฤศจิกายน 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -3.28 เหรียญ หรือ -0.17% อยู่ที่ระดับ 1,959.89 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.20 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,964.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 40.60 เซนต์ หรือ 1.76% ปิดที่ 23.538 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 9.20 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 902.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 870.45 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ซื้อสุทธิ 10.96 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 47.19 ตัน

  • สัญญาทองคำปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากตลาดได้แรงหนุนในระหว่างวันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด

  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.9% จากระดับ 2.2% ในเดือน ก.ย.ข้อมูลดังกล่าวเป็นไปในทิศทางกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.3% จากระดับ 3.7% ในเดือนก.ย. โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.14 จุด หรือ 0.13% มาอยู่ที่ระดับ 104.35 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 4.537% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.916% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.38% อยู่ในภาวะ inverted yield curve

  • ฝ่ายวิจัยโลกจากแบงก์ ออฟ อเมริกา (บีโอเอฟเอ) ไม่คาดการณ์อีกต่อไปว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับธนาคารอื่นๆในวอลล์สตรีท หลังจากที่ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวมากเกินคาด โดยการลดลงของอัตราเงินเฟ้อค่าเช่าที่เทียบเท่าของเจ้าของ ซึ่งเป็นดัชนีวัดตลาดอสังหาริมทรัพย์ และภาวะชะลอตัวของบริการพื้นฐานที่ไม่รวมที่อยู่อาศัย น่าจะสนับสนุนให้เฟดคงดอกเบี้ยต่อไป และคาดว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.ปีหน้า และจะลดดอกเบี้ยทุกไตรมาส


  • นักเศรษฐศาสตร์จากเจพี มอร์แกนกล่าวว่า โอกาสที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ที่มีต่ำอยู่แล้วนั้นถูกหักล้างลงไปอีกจากข้อมูลเงินเฟ้อ และตัวเลขเงินเฟ้อนี้อาจจะมีผลต่อการคาดการณ์ของเฟดที่จะมีการเผยแพร่ในการประชุมเฟดครั้งต่อไปด้วย

  • นักวิเคราะห์ธนาคารยูบีเอสคาดว่า อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ "จะลดลงอย่างมีความหมาย" ในปีหน้า และจะปิดปีหน้าในกรอบ 2.50-2.75% ซึ่งต่ำกว่าระดับที่วาณิชธนกิจชั้นนำหลายแห่งคาดการณ์ไว้อย่างมาก

 

  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ที่ระดับ 2.5% ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบจำนวน 1.45 ล้านล้านหยวน โดยดำเนินการผ่านทางโครงการ MLF และกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ระดับ 2.5% ซึ่งอัตราดอกเบี้ย MLF เป็นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานที่ธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายเมื่อมีการกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางจีน โดยมีระยะเวลาการกู้ยืม 6 เดือน-1 ปี เพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้นให้กับธนาคารพาณิชย์

 


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากบริษัททาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,991.21 จุด เพิ่มขึ้น 163.51 จุด หรือ +0.47%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,502.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.18 จุด หรือ +0.16%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,103.84 จุด เพิ่มขึ้น 9.46 จุด หรือ +0.07%

  • สำนักข่าว Bloomberg รายงาน Cathie Wood ซีอีโอ ARK Investment คาดสหรัฐฯ เผชิญภาวะ เงินฝืด โดยปีหน้า Fed ต้องลดดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญอย่างไรตาม การคาดการณ์ของ Cathie Wood ขัดแย้งกับความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์วอลล์สตรีท ซึ่งคาดว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในปีหน้าจะลดลงเหลือ +2.7% จาก +3.2% ในเดือนตุลาคม ตามการสำรวจของ Bloomberg

 

  • สำนักข่าว asia nikkei รายงานว่า GDP ญี่ปุ่น หดตัวแรงเกินคาดในไตรมาส 3 โดยปรับตัวลง 2.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจลดลงเพียง 0.6% และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส เนื่องจากการบริโภคยังคงอ่อนแอจากต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินเยนและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ด้าน IMF ประเมินว่าญี่ปุ่นจ่อเสียแชมป์เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกให้เยอรมนีในปีนี้

 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของจีนปรับตัวขึ้น 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 7% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ของจีนปรับตัวขึ้น 4.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 4.4%

 

  • ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ของอังกฤษปรับลดลงอย่างมากในเดือนต.ค.สู่ระดับ 4.6% จากระดับ 6.7% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

 

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าคาด และการผลิตน้ำมันในสหรัฐสูงเป็นประวัติการณ์
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 76.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 81.18 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

  • สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล และการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.2 ล้านบาร์เรล/วัน ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลง และได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น 2.46 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566

 



ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ

  • สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 336 ต่อ 95 เสียง ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้วในวันอังคารที่ผ่านมา และได้ส่งให้วุฒิสภาพิจารณาเป็นลำดับต่อไป โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ทั้งนี้ สภาคองเกรสจะต้องผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามภายในช่วงเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ 17 พ.ย.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานของรัฐบาลถูกชัตดาวน์

 

  • ออสเตรเลียเปิดเผยว่า จีนสามารถยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้าที่เหลือทั้งหมดได้ภายในเดือนหน้า เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นคู่ค้าด้านสินค้าโภคภัณฑ์มีเสถียรภาพ หลังการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ผู้นำออสเตรเลีย เมื่อต้นเดือนนี้

 


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.45 บาทต่อดอลลาร์


  • นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน จากธนาคารกรุงไทย เปิดเผยสำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทวันนี้ เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ใกล้โซนแนวรับหลัก 35.50 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ ทั้งนี้ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับหลัก 35.50 บาทต่อดอลลาร์ โซนแนวรับถัดไป อาจอยู่ในช่วง 35.30 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจติดโซนแนวต้านแถว 35.80 บาทต่อดอลลาร์


  • นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ มีความจำเป็นที่ภาครัฐต้องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายเรื่อง เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหาหนี้นอกระบบ ดังนั้นหากสามารถเลื่อนโครงการ e-Refund ที่จะดำเนินการในเดือน ม.ค.67 มาเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ล่าช้าออกไปจากปกติไม่น้อยกว่า 6-8 เดือน โดยเฉพาะงบลงทุน


  • ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น่าเป็นห่วงภาวะเงินเฟ้อของไทยเดือนต.ค. ซึ่งอยู่ที่ -0.31% เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 25 เดือน หลังจากที่เงินเฟ้อของไทยขยายตัวต่ำมา 5 เดือนติดต่อกันก่อนหน้านี้ ทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าว ราคาน้ำมันสูงขึ้น แต่เงินเฟ้อกลับต่ำ นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่เงินเฟ้อไทยจะติดลบต่อเนื่อง โดยในเดือนพ.ย. และธ.ค. คาดกันว่าจะติดลบที่ -0.35% และ -0.42% ตามลำดับ ในขณะที่เงินเฟ้อในโลกยังสูงมาก เช่น ในสหรัฐ เงินเฟ้อยังสูงที่ 3.7% ยุโรป ยังอยู่ที่ 4.3% เป็นต้น


  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนต.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 88.4 ปรับตัวลดลง จาก 90.0 ในเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน นับตั้งแต่เดือนก.ค. 65

 




ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com