• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 19 กันยายน 2566

    19 กันยายน 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 9.77 เหรียญ หรือ 0.51% อยู่ที่ระดับ 1,933.7 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.20 เหรียญ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,953.40 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.20 เซนต์ หรือ 0.48% ปิดที่ 23.498 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 8.80 เหรียญ หรือ 0.95% ปิดที่ 938.30 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 880.27 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 9.83 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 37.37 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.22 จุด หรือ -0.21% มาอยู่ที่ระดับ 105.08 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.303% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 5.056% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.75% 


  • ปอนด์อ่อนค่าเทียบดอลลาร์และยูโร ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ใกล้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวัฏจักรปัจจุบัน ณ เวลา 21.41 น.ตามเวลาไทย ปอนด์อ่อนค่า 0.06% สู่ระดับ 1.238 ดอลลาร์ และร่วงลง 0.22% สู่ระดับ 0.862 เทียบยูโร ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ป คาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21 ก.ย. ก่อนที่จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวัฏจักรปัจจุบัน


  • นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 1 พ.ย. พร้อมกับคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้


  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนัก 69% ที่เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนพ.ย.


  • ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงไปอีกระยะหนึ่ง และอาจจะปรับขึ้นอีกครั้ง ถ้าจำเป็น ซึ่งเป็นการปฏิเสธการคาดการณ์ในตลาดที่ว่า อัตราดอกเบี้ยยูโรโซนจะเริ่มลดลงอย่างเร็วที่สุดในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า


  • คริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบีกล่าวว่า แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตไม่ได้แม้แต่ถูกผู้กำหนดนโยบายเอ่ยถึงในระหว่างการพิจารณาในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอีซีบีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกันสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4% ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว แต่เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัว อีซีบีจึงส่งสัญญาณว่า การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งนั่นทำให้ตลาดคาดการณ์มากขึ้นว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยลงเมื่อใด


  • โกลด์แมน แซคส์ลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ลง 0.25% สู่ระดับ 5.5% หลังคาดการณ์ว่า BoE จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่การประชุมเดือนพ.ย. จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งดังกล่าว

                                                                                            

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,624.30 จุด เพิ่มขึ้น 6.06 จุด หรือ +0.02%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,453.53 จุด เพิ่มขึ้น 3.21 จุด หรือ +0.07% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,710.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด หรือ +0.01%


  • นักเศรษฐศาสตร์จากดอยช์แบงก์กล่าวว่าเฟดอาจจะไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก แต่พวกเขาก็ไม่พร้อมที่จะกล่าวเช่นนั้น "ถ้าพวกเขาประกาศว่า วงจรการคุมเข้มนโยบายได้จบลงแล้ว นั่นก็อาจจะนำไปสู่ภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาหุ้นสูงขึ้นหรือผลตอบแทนพันธบัตรลดลงนั้น อาจกระตุ้นการใช้จ่ายและการกู้เงิน และทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างมากอีกครัั้ง


  • ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟมีแผนจะแจ้งให้จีนกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ, จัดการกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหา และควบคุมหนี้รัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่ฉุดทั้งเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก


  • บริษัทวิจัยด้านการลงทุนจากสหรัฐ เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังฉุดรั้งวงการสตาร์ตอัปของจีน โดยความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการเงิน ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาดที่เดิมก็อ่อนแออยู่แล้ว นอกจากนี้กฎระเบียบของจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทำให้บริษัทต่าง ๆ เสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในต่างประเทศได้ยากขึ้น


  • จีนออกมาให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการซื้อสินค้าจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังการเติบโตทางการค้าโดยรวมชะลอตัวลง เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแรงลงทั้งในระดับโลกและในประเทศ


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันจันทร์ โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากรัสเซียและซาอุดีอาระเบียขยายเวลาการปรับลดอุปทานน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้ รวมทั้งรายงานที่ว่าการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ในสหรัฐปรับตัวลดลง


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 91.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2565
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 94.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 2565


  • นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันเบรนท์จะพุ่งขึ้นทะลุระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า หากโอเปกพลัสยังคงลดการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็อาจจะพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลก่อนถึงปี 2567

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเริ่มต้นภารกิจเดินทางเยือนรัสเซีย 4 วัน โดยคาดการณ์ว่า จีนและรัสเซียจะใช้โอกาสนี้เพิ่มพูนความไว้เนื้อเชื่อใจทางการเมืองระหว่างกัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียจะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในเดือนต.ค.

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า  ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  35.67 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.72 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.60-35.80 บาทต่อดอลลาร์


 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com