• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 12 กันยายน 2566

    12 กันยายน 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 3.3 เหรียญ หรือ 0.17% อยู่ที่ระดับ 1,922.38 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.50 เหรียญ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,947.20 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 20.90 เซนต์ หรือ 0.90% ปิดที่ 23.383 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 7.50 เหรียญ หรือ 0.84% ปิดที่ 902.30 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.75 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 884.89 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 5.21 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 32.75 ตัน


  • หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนทองของบริษัทสเตท สตรีท โกลบัล แอดไวเซอร์สกล่าวว่า ถึงแม้นักลงทุนยังคงลงทุนเป็นเงินจำนวนมากในดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นักลงทุนก็เข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยด้วยเช่นกัน และปัจจัยนี้ช่วยหนุนราคาทอง และเขากล่าวเสริมว่า "ถ้าหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือถ้าหากเศรษฐกิจเติบโตอย่างเชื่องช้าและอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ภาวะดังกล่าวก็อาจจะช่วยหนุนราคาทองมากกว่าสินทรัพย์ปลอดภัยประเภทอื่นๆ 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.5 จุด หรือ -0.48% มาอยู่ที่ระดับ 104.56 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.292% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.993% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.7% 


  • เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 19-20 ก.ย.


  • นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้โดยไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดแรงงาน พร้อมกับแสดงความพอใจเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง และอัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค.


  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.36 ล้านล้านหยวน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 3.459 แสนล้านหยวน และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.20 ล้านล้านหยวน อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของยอดปล่อยเงินกู้ของจีนได้รับแรงหนุนจากการที่ PBOC ผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้เพิ่มให้กับภาคธุรกิจและครัวเรือน รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งขายพันธบัตร

                                                                                                         

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ ส่วนดัชนี Nasdaq ดีดขึ้นกว่า 1% โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นเทสลา ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,663.72 จุด เพิ่มขึ้น 87.13 จุด หรือ +0.25%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,487.46 จุด เพิ่มขึ้น 29.97 จุด หรือ +0.67%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,917.89 จุด เพิ่มขึ้น 156.37 จุด หรือ +1.14%


  • ราคาหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงร่วงลงหนักสุดในรอบ 7 เดือนในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทซันฮุงไก พร็อพเพอร์ตีส์ (Sun Hung Kai Properties) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของฮ่องกง รวมทั้งข่าวธนาคารเอชเอสบีซีมีแผนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง ทั้งนี้ ดัชนี Hang Seng Index’s Property Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลง 4.5% ซึ่งเป็นการดิ่งลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.


  • นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐมุ่งความสนใจไปยังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธที่ 13 ก.ย. เพราะรายงานตัวเลขดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐในระยะใกล้ หลังจากตลาดหุ้นชะลอการพุ่งขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ มีสัญญาณบ่งชี้ในช่วงที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย  


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท Zaye Capital Markets กล่าวว่า นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคาดว่าข้อมูลเงินเฟ้อดังกล่าวจะส่งผลต่อการซื้อขายในตลาดต่าง ๆ เป็นวงกว้าง ตั้งแต่ตลาดปริวรรตเงินตรา ตลาดหุ้น ไปจนถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งรวมถึงน้ำมัน


  • หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินเอเชียของบริษัทอาร์บีซี แคปิตัล มาร์เก็ตส์กล่าวว่า "เศรษฐกิจโลกโดยรวมไม่ได้อยู่ในภาวะเฟื่องฟู แต่ก็ไม่ได้มีแนวโน้มว่ากำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดีที่สุดในบรรดาประเทศสำคัญ" และเขากล่าวเสริมว่า ภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคในขณะนี้ไม่ได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าสนับสนุนการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงหรือสินทรัพย์ปลอดภัย แต่อาจจะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ


  • หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของจีนประกาศลดการประเมินน้ำหนักความเสี่ยง (Risk Weighting) สำหรับบริษัทประกันที่ถือหุ้นบลูชิพและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้น โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้บริษัทประกันเหล่านี้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น หลังจากภาวะการซื้อขายในตลาดจีนซบเซาลงเป็นเวลานาน


  • รัฐบาลจีน ระบุว่า จี่หนาน และชิงเต่า สองเมืองใหญ่ที่สุดในมณฑลซานตงทางภาคตะวันออกของจีน ได้ดำเนินการตามเมืองใหญ่อื่น ๆ ด้วยการยกเลิกกฎข้อบังคับทั้งหมดที่จำกัดไม่ให้ประชาชนซื้อและขายบ้าน


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ และรายงานคาดการณ์แนวโน้มอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในสัปดาห์นี้


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 87.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 90.64 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแตะระดับ 88.15 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ และรัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน


  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไวทอล (Vitol) ซึ่งเป็นบริษัทค้าน้ำมัน ระบุว่า การที่ชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้กลุ่มบริกส์ (BRICS) ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเมื่อพิจารณาตลาดน้ำมันในปัจจุบัน การคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตกเริ่มส่งผลกระทบแล้ว โดยทำให้รายได้ลดน้อยลง ทำให้ราคาสินค้าของรัสเซียลดลง

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือดูเหมือนจะออกเดินทางไปยังรัสเซียแล้ว เพื่อเข้าร่วมการประชุมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย


  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำ กล่าวว่าการที่จีนกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจทำให้จีนหันเหความสนใจในการรุกรานไต้หวัน


  • นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายเหงียน ฟู้ จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้ร่วมกันออกคำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคาม หรือการใช้ความรุนแรงในทะเลจีนใต้ หลังจากที่ปธน.ไบเดนและนายจ่องได้บรรลุข้อตกลงกระชับความร่วมมือ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตอบโต้จีนที่มีอำนาจเพิ่มมากขึ้นในทะเลจีนใต้

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า "ค่าเงินบาทวันนี้"เปิดเช้านี้ ที่ระดับ35.53 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.51 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาทต่อดอลลาร์

 

 


ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com