• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 3 สิงหาคม 2566

    3 สิงหาคม 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -9.49 เหรียญ หรือ -0.49% อยู่ที่ระดับ 1,934.71 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.80 เหรียญ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,975 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 23.87 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 10 เหรียญ หรือ 1.1% ปิดที่ 930.40 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 909.18 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ขายสุทธิ 3.75 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 8.46 ตัน


  • สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกทั้งหมดซึ่งรวมถึงการซื้อขายนอกตลาด (OTC) และการเคลื่อนย้ายสต็อกทองคำในช่วงครึ่งปีแรกของปีอยู่ที่ 2,460 ตัน เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้เน้นย้ำถึงอานิสงส์ที่ทองคำได้รับจากแรงซื้อของธนาคารกลาง ตลาดการลงทุนที่แข็งแกร่ง และอุปสงค์เครื่องประดับที่ฟื้นตัวขึ้น และธนาคารกลางต่าง ๆ ยังคงสะสมทองคำอย่างต่อเนื่องด้วยแรงซื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 387 ตัน นอกจากนี้ การซื้อเครื่องประดับทั่วโลกยังคงฟื้นตัวแม้เผชิญกับราคาที่สูง โดยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนมาจากการฟื้นตัวของอุปสงค์จากจีน


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท OANDA กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้น สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA แต่สัญญาทองคำอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา หลังจากดอลลาร์แข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง 


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.63 จุด หรือ 0.62% มาอยู่ที่ระดับ 102.59 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.082% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.881% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.8% 


  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ อาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงไว้นานกว่าที่คาดการณ์กันในปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากการที่นักลงทุนคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ และคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์ แลนดิ้ง (soft landing) ซึ่งการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน และถ่วงการเติบโตทางเศรษฐกิจ


  • นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับลดลงโดยที่ไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยครั้งใหญ่ อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจจะเป็นสิ่งที่กำหนดว่า เฟดจะสามารถทำสิ่งนั้นได้สำเร็จโดยไม่ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง


  • รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวว่า การตัดสินใจของบีโอเจในสัปดาห์ที่แล้วในการปรับนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (YCC) มีจุดประสงค์เพื่อทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของบีโอเจมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น และไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าบีโอเจจะยุติการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำมาก


  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 15-16 มิ.ย.โดยรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการของบีโอเจมีความเห็นตรงกันว่า บีโอเจจำเป็นจะต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษต่อไปในช่วงนี้ นอกจากนี้ สมาชิกคนหนึ่งยังเรียกร้องให้บีโอเจพิจารณาทบทวนนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (YCC) ภายในเวลาไม่นานด้วย แต่สมาชิกคณะกรรมการมีความเห็นตรงกันในเดือนมิ.ย.ว่า บีโอเจยังไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นในเดือนมิ.ย. เนื่องจากตลาดพันธบัตรทำงานได้ดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันพุธ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,282.52 จุด ลดลง 348.16 จุด หรือ -0.98%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,513.39 จุด ลดลง 63.34 จุด หรือ -1.38%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,973.45 จุด ลดลง 310.47 จุด หรือ -2.17%


  • ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA เนื่องจากสถานะการคลังของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอลง และภาระหนี้สินโดยรวมของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น


  • รายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 324,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอทั้งในและต่างประเทศนั้น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนได้ชะลอตัวลงตั้งแต่เดือนเม.ย. ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้ผู้กำหนดนโยบายออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากบริษัทขนาดเล็กกำลังประสบปัญหา โดยเฉพาะเรื่องคำสั่งซื้อที่ลดลง สถานการณ์ทางการเงินที่ยากลำบาก และผลกำไรที่ลดลง โดยกระทรวงการคลัง จะขยายการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับผู้เสียภาษีวิสาหกิจขนาดเล็กที่มียอดขายต่อเดือนน้อยกว่า 100,000 หยวน ออกไปอีก 4 ปี จนถึงสิ้นปี 2570 และภาษีรายได้จากการขายจะลดลงเหลือ 1% สำหรับผู้ที่ปกติแล้วเสียภาษีในอัตรา 3%


  • เกาหลีใต้เปิดเผยว่า การขยายตัวของราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ชะลอตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือนก.ค. แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง ทั้งนี้ ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ค. ซึ่งชะลอลงจากระดับที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนมิ.ย.


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 80 ดอลลาร์ในวันพุธ หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน และบดบังปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 79.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 83.20 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • รัฐบาลสหรัฐได้ยกเลิกข้อเสนอซื้อน้ำมัน 6 ล้านบาร์เรลเข้าสู่คลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (SPR) เนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากซาอุดีอาระเบียลดกำลังการผลิตลง


  • นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะยืนตามมติเดือนต.ค. 2565 ในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศว่า จีนจะควบคุมการส่งออกโดรนและอุปกรณ์โดรน เพื่อรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่จะส่งผลกระทบต่อสงครามในยูเครน โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.48 บาทต่อดอลลาร์ นักบริหารการเงิน ชี้จากเงินดอลลาร์แข็งค่าและแรงซื้อทองคำจังหวะย่อตัว และการเมืองไทยยังมีความไม่แน่นอนสูงกดดันฟันด์โฟลว์ ช่วงรู้ผลปาะชุมBOEมองกรอบเงินบาทวันนี้ 34.20-34.79 บาทต่อดอลลาร์


  • ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อปี จาก 2.00% เป็น 2.25% ต่อปี ตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยให้มีผลทันที โดยคณะกรรมการฯ มองว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยอุปสงค์จากต่างประเทศล่าสุดชะลอลงบ้าง แต่คาดว่าจะทยอยปรับดีขึ้นในระยะต่อไป ด้านอัตราเงินเฟ้อปรับลดลง และมีแนวโน้มทรงตัวในกรอบเป้าหมาย โดยยังมีความเสี่ยงด้านสูง


  • ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตั้งแต่ ส.ค.65 กนง. ได้ทยอยถอนคันเร่งการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาระยะหนึ่งแล้ว และขณะนี้อัตราดอกเบี้ยได้เริ่มเข้าใกล้จุด Neutral rate มากขึ้น (จุดที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่ติดลบ) ซึ่งเราเข้าใกล้จุดถอนคันเร่งเกือบหมดมากขึ้นแล้ว โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นเข้าสู่ระดับที่มีศักยภาพ ไม่ได้เกินศักยภาพหรือเป็นเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเหมือนสหรัฐ ขณะที่เงินเฟ้อก็เริ่มเข้าสู่กรอบเป้าหมาย ดังนั้น กนง.มองว่าอัตราดอกเบี้ยควรจะขึ้นไปสู่จุดที่ควรจะเป็น ส่วนผลกระทบในระยะปานกลางนั้น จะมีบทบาทมากขึ้นและเป็นปัจจัยที่ กนง.จะคำนึงถึงมากขึ้น


  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2566 ยังมีความท้าทายสูง แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมในปีนี้มีโอกาสจะฟื้นตัวได้ตามคาดที่ 29-30 ล้านคน แต่การใช้จ่ายต่อหัวยังต่ำ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนยังกลับมาไม่เต็มที่ ทำให้การฟื้นตัวของบางจังหวัดท่องเที่ยวยังช้า ขณะที่แรงส่งต่อเศรษฐกิจจากอุปสงค์ภายในประเทศ เผชิญปัจจัยท้าทายมากขึ้น จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยต่อคนยังต่ำกว่าปี 62 ภาคครัวเรือนยังมีความกังวลต่อภาระค่าครองชีพ และห่วงว่าเศรษฐกิจจะถดถอยมากกว่าประเทศอื่น ประกอบกับความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจปรับลดลง มีความกังวลต่อความยืดเยื้อของสถานการณ์ทางการเมือง การทำงบประมาณรายจ่ายของรัฐ และการชะลอตัวของการส่งออก

 

 



ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com