• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 21 กรกฎาคม 2566

    21 กรกฎาคม 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -7.6 เหรียญ หรือ -0.38% อยู่ที่ระดับ 1,969.55 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 9.90 เหรียญ หรือ 0.50% ปิดที่ 1,970.90 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 42.50 เซนต์ หรือ 1.67% ปิดที่ 24.962 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 20.70 เหรียญ หรือ 2.10% ปิดที่ 964.10 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 913.8 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 8.1 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 3.84 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง 


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.51 จุด หรือ 0.51% มาอยู่ที่ระดับ 100.78 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 3.856% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.845% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.99% 


  • กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐร่วงลง 11,000 ราย สู่ 228,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 239,000 ราย


  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยงานวิจัยใหม่ในรายงาน External Sector ประจำปีว่า เศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษในปีที่แล้ว โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลกระทบต่อกลุ่มประเทศเหล่านี้ด้วยการทำให้เงินทุนไหลออก, ราคานำเข้าที่สูงขึ้น และสภาวะทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น โดยการแข็งค่าทุกๆ 10% ของดอลลาร์ที่เกี่ยวข้องกับกลไกตลาดทางการเงินโลก เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ก็จะมีจีดีพีลดลง 1.9% หลังจาก 1 ปี ซึ่งคาดว่าผลกระทบนี้จะดำเนินต่อไปเป็นเวลา 2.5 ปี ส่วนกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะได้รับผลกระทบน้อยกว่ามาก โดยจีดีพีจะลดลงสูงสุด 0.6% หลังจาก 1 ไตรมาส และผลกระทบจะหายไปภายในเวลา 1 ปี


  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.55% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีที่ระดับ 4.20% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้


  • ธนาคารกลางจีนได้ประกาศการผ่อนคลายกฎการให้สินเชื่อข้ามพรมแดน ซึ่งทำให้บริษัทในประเทศสามารถระดมทุนจากตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น และลดแรงกดดันขาลงต่อค่าเงินหยวน โดยธนาคารกลางได้ปรับเพิ่มเกณฑ์การให้สินเชื่อภาคธุรกิจข้ามพรมแดนภายใต้การประเมินแบบดูแลเสถียรภาพโดยรวมในระบบเศรษฐกิจเป็น 1.5 จาก 1.25 โดยมีผลบังคับใช้ในทันที


  • นักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 75 รายในโพลล์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25% สู่ 3.75% ในการประชุมวันที่ 27 ก.ค. หลังจากอีซีบีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 8 ครั้งติดต่อกัน


  • นักลงทุนปรับลดคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุก หลังจากที่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดทำให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษพุ่งขึ้นมาก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงสู่ระดับ 7.9% ในเดือนมิ.ย. จาก 8.7% ในเดือนพ.ค. ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อภาคบริการชะลอตัวลงเช่นกัน ทำให้นักลงทุนมองว่ามีโอกาส 60% ที่ธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 9 ในวันพฤหัสบดี (20 ก.ค.) ทำสถิติขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดในรอบ 6 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2560 อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทเทสลา และเน็ตฟลิกซ์


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,225.18 จุด เพิ่มขึ้น 163.97 จุด หรือ +0.47%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,534.87 จุด ลดลง 30.85 จุด หรือ -0.68% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,063.31 จุด ร่วงลง 294.71 จุด หรือ -2.05%


  • แบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบอล รีเสิร์ช (BofA Global Research) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนปี 2566 ลงสู่ระดับ 5.1% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5.7% หลังจากจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่น่าผิดหวัง และทางการจีนมีแนวโน้มที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าช้ากว่าที่คาดไว้


  • กระทรวงพาณิชย์จีน (MOC) เปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า ยอดการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (ODI) ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 โดยรายงานระบุว่า ยอด ODI ที่ไม่ใช่ภาคการเงินเพิ่มขึ้น 22.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 4.3161 แสนล้านหยวนในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้


  • ญี่ปุ่นยังคงถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดที่ 1.097 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. ลดลงจาก 1.127 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนก่อน ทั้งนี้ ญี่ปุ่นขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกือบตลอดทั้งปีที่แล้วเพื่อช่วยหนุนเงินเยนที่อ่อนค่า 


  • รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2566 แต่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามุมมองของญี่ปุ่นเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดกำลังเปลี่ยนไป


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ว่า ตัวเลขจ้างงานปรับตัวขึ้นมากกว่าคาดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่อัตราว่างงานยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของออสเตรเลียยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งรายงานที่ว่าจีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมิ.ย.


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 75.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 79.64 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล


  • สำนักงานศุลกากรจีนรายงานว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนมิ.ย.ในปริมาณ 12.67 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 45.3% จากระดับ 8.72 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ



  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ มีแผนที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดไตรภาคีกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ในวันศุกร์ที่ 18 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าผุ้นำทั้ง 3 ประเทศจะหารือกันเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.21 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.02 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 34.00 บาท แนวต้าน 34.30 บาท



ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com