• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 24 สิงหาคม 2565

    24 สิงหาคม 2565 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐช่วยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -3.97 เหรียญ หรือ -0.23% มาอยู่ที่ระดับ 1,755.9 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.8 เหรียญ หรือ 0.73% ปิดที่ 1,761.2 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 14.8 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 19.026 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 3.18 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 984.38 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ขายสุทธิ 21.49 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 8.72 ตัน


  • นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโส ของ City Index กล่าวว่า ตลาดมีความกังวลว่านายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินเพิ่มขึ้น ในการประชุมประจำปี ที่เมืองแจ็คสัน โฮล ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจถดถอย และสกุลเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ขณะที่กดดันต่อราคาทองคำ 


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.22 จุด หรือ 0.2% มาอยู่ที่ระดับ 108.73 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.002% มาอยู่ที่ระดับ 3.048% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.321% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.273%


  • หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทพรินซิพัล โกลบัล อินเวสเตอร์สกล่าวว่า นายพาวเวลล์มีแนวโน้มที่จะกล่าวย้ำว่า "เศรษฐกิจกำลังชะลอการเติบโต และมีแนวโน้มที่จะชะลอการเติบโตลงต่อไป อย่างไรก็ดี ภาวะเงินเฟ้อจะดำเนินต่อไป และสิ่งสำคัญลำดับแรกสำหรับเฟดคือการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ เฟดจะไม่ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อตอบรับต่อเศรษฐกิจที่ชะลอการเติบโต"


  • ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 3.75% โดยเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ตลาดไม่คาดคิดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2018 เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มการคุมเข้มนโยบายทางการเงินเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการที่หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,909.59 จุด ลดลง 154.02 จุด หรือ -0.47%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,128.73 จุด ลดลง 9.26 จุด หรือ -0.22% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,381.30 จุด ลดลง 0.27 จุด หรือ -0.00%


  • บริษัทเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) คอมโพสิตขั้นต้นของเยอรมนี ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ลดลงอีกสู่ระดับ 47.6 ในเดือนส.ค. จาก 48.1 ในเดือนก.ค. แต่ก็ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากกิจกรรมภาคการผลิต


  • กระทรวงเกษตรยูเครนเปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ด้านการเกษตรที่สำคัญของยูเครนลดลงเกือบครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ทั้งนี้ ท่าเรือต่าง ๆ ของยูเครนถูกปิดกั้นจากผลพวงของการสู้รบ ทำให้พืชผลการเกษตรพังเสียหาย และไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้


  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อของเกาหลีใต้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนในเดือนส.ค. หลังแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.


  • กระทรวงการค้าและอุตสาหรรมสิงคโปร์ (MTI) และธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) เดือนก.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.8% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.4% ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไป (CPI-All Items) ในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากระดับ 6.7% ในเดือนมิ.ย.


  • นักเศรษฐศาสตร์ของซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อของอังกฤษมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเหนือระดับ 18% ในเดือนม.ค.ปีหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากราคาพลังงานในประเทศที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง


  • รัฐบาลจีนเตรียมจัดหาเงินกู้พิเศษมูลค่า 2 แสนล้านหยวน (2.93 หมื่นล้านดอลลาร์) ให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญปัญหาด้านการเงิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการสร้างที่อยู่อาศัยซึ่งหยุดชะงักในช่วงที่ผ่านมานั้น จะสามารถเดินหน้าต่อไป และสามารถส่งมอบให้กับบรรดาผู้ซื้อ


  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารฮั่งเส็งคาดคลื่นความร้อนในจีนเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจประเทศ และระบุว่าสถานการณ์คลื่นความร้อนในปัจจุบันค่อนข้างเลวร้าย และอาจเป็นเช่นนี้ไปอีก 2-3 เดือน” , “สถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบต่ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก” “ภาวะขาดแคลนพลังงานในปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการเติบโตของจีดีพีจีนประมาณ 0.6% แต่ในปีนี้เราคิดว่าตัวเลขจะสูงกว่านั้นมาก คิดว่าปัญหาดังกล่าวจะทำให้จีดีพีจีนเติบโตลดลง 1.5% โดยขณะนี้เราคาดการณ์ว่าจีดีพีจะขยายตัว 4% สำหรับปี 2565 แต่หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป จีดีพีอาจโตต่ำกว่า 3%” 


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4% ในวันอังคาร หลังจากซาอุดีอาระเบียเสนอให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมัน ในกรณีที่น้ำมันดิบจากอิหร่านหวนคืนสู่ตลาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะปรับตัวลดลง


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 3.38 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 93.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ BRENT ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 3.74 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 100.22 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลว่า ปัญหาพลังงานขาดแคลนในฤดูหนาวอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของภูมิภาค


  • ยุโรปมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะชะงักงันด้านพลังงานรอบใหม่ หลังมีรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบท่อส่งน้ำมันจากคาซัคสถานผ่านทางรัสเซีย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับปัญหาอุปทานพลังงานในยุโรป


  • รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสมีความมุ่งมั่น ความยืดหยุ่น และแนวทางในการรับมือกับความท้าทาย ซึ่งรวมถึงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันได้ทุกเวลา และในรูปแบบที่แตกต่างกัน


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐได้รับข้อมูลข่าวที่กรองที่เชื่อถือได้ว่า รัสเซียกำลังวางแผนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนและอาคารสำนักงานของรัฐบาลยูเครนในเร็ว ๆ นี้


  • นายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรยกระดับการบ่อนทำลายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างมีนัยสำคัญ


  • ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน แห่งไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวันจะเดินหน้าทำงานร่วมกับสหรัฐในด้านการส่งเสริมการป้องกันตัวเอง ท่ามกลางการแผ่อิทธิพลในภูมิภาคของจีน


  • รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่า ญี่ปุ่นจะคงมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเอาไว้ดังเดิม ในขณะเดียวกันญี่ปุ่นยังคงทำงานร่วมกับประเทศสมาชิก G7 แห่งอื่น ๆ หลังสงครามในยูเครนย่างเข้าสู่เดือนที่ 7 โดยไร้วี่แววยุติ


ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,062 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,639,261 ราย ยอดผู้ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล (ATK) ระหว่างวันที่ 14-20 ส.ค.2565 จำนวน 204,250 ราย สะสม 7,528,141 ราย โดย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 28 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 10,411 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 32,109 ราย


  • ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ ลงนามอนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทโนวาแวกซ์ อิงค์ (Novavax, Inc.) ในกลุ่มผู้มีอายุ 12-17 ปี


  • บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ เลือกเจ้อเจียง หัวไฮ่ ฟาร์มาซูติคอล (Zhejiang Huahai Pharmaceutical) บริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ของจีน ให้เป็นผู้ผลิตยาแพกซ์โลวิดต้านโควิด-19 ในจีน แม้บริษัทดังกล่าวเคยมีข่าวอื้อฉาวจากการเรียกคืนยาหลังพบว่าส่วนผสมมีการปนเปื้อน


  • ญี่ปุ่นเตรียมอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศเพิ่มกว่าเท่าตัว และอาจยกเลิกข้อกำหนดให้แสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนเข้าประเทศ เนื่องจากญี่ปุ่นพิจารณาดำเนินการตามประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการสกัดโรคระบาด หลังเป็นประเทศร่ำรวยแห่งสุดท้ายที่ยังคงบังคับใช้มาตรการจำกัดการเข้าประเทศอย่างเข้มงวด


  • หน่วยงานเฝ้าติดตามโรคของไต้หวันประกาศปรับเพิ่มจำนวนการเดินทางขาเข้าสูงสุดจาก 40,000 เที่ยว เป็น 50,000 เที่ยวต่อสัปดาห์ โดยรายงานระบุว่า จำนวนการเดินทางขาเข้าในช่วงแรกถูกจำกัดไว้ที่ 25,000 เที่ยวต่อสัปดาห์ เมื่อเดือนมิ.ย. ก่อนปรับเพิ่มเป็น 40,000 เที่ยวช่วงต้นเดือนก.ค. ซึ่งสอดคล้องกับการทยอยผ่อนปรนมาตรการรับมือโรคโควิด-19 บริเวณพรมแดนของหน่วยงานฯ ทั้งยังมีการยกเลิกข้อกำหนดการตรวจโรคโควิด-19 ก่อนขึ้นบิน สำหรับนักเดินทางขาเข้าในเดือนส.ค.นี้ด้วย

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ ที่ระดับ 36.08 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.13 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.95-36.25 บาทต่อดอลลาร์


  • ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยว่า จะออกแนวนโยบายการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงิน ที่คำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม ในช่วงไตรมาสที่ 3/65 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้ภูมิทัศน์ใหม่ของภาคการเงินไทย


  • คณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการค่าบริการสาธารณสุข ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2565 รอบที่ 4 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นค่าบริการสาธารณสุขสำหรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และบริการอื่นที่เกี่ยวข้องที่หน่วยบริการ/สถานพยาบาลให้บริการแล้วระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 15 พฤษภาคม 2565 วงเงิน 18,447.9800 ล้านบาท 


  • คณะรัฐมนตรี อนุมัติ 2,923.397 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 


ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com