• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2565

    19 กรกฎาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ เนื่องจากตลาดได้แรงบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงถึง 1% ในการประชุมเดือนนี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -2.22 เหรียญ หรือ -0.13% มาอยู่ที่ระดับ 1,707.96 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ 1,710.2 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 24.6 เซนต์ หรือ 1.32% ปิดที่ 18.84 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 5.22 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,009.06 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 41.25 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 33.4 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก Kinesis Money กล่าวว่า การที่ตลาดเพิ่มการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ดูมีแนวโน้มมากขึ้น และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์จากระดับสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะเป็นตัวช่วยบรรเทาผลกระทบต่อทองคำได้ 


  • นักวิเคราะห์จาก Exinity กล่าวว่า ตลาดกำลังลดโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1% ในการประชุมเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นการลดแรงกดดันดันต่อราคาทองคำในขณะนี้


  • บริษัท SPI Management ชี้ว่า ตลาดปรับลดความคาดหวังที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 1% จากการที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยรายงานผลสำรวจผู้บริโภคพยว่า ผู้บริโภคคาดหวังเงินเฟ้อระยะยาวลดลงจากคาดการเดิม โดยคาดการณ์ที่เงินเฟ้อ 2.8% ในช่วงระยะห้าปีข้างหน้า ลดลงจากก่อนหน้าที่คาดการณ์ 3.1% ในการสำรวจรอบเดือนมิถุนายน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.09 จุด หรือ 0.08% มาอยู่ที่ระดับ 107.37 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวขึ้น 0.018% มาอยู่ที่ระดับ 2.978% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.172% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.194%


  • นักเศรษฐศาสตร์ 62 ใน 63 คนในผลสำรวจของรอยเตอร์ที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 8-15 ก.ค.คาดว่า อีซีบีจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ตามที่เคยประกาศไว้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้นเป็น -0.25%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดในวันจันทร์ โดยตลาดถูกกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นแอปเปิล หลังมีรายงานว่าบริษัทวางแผนที่จะชะลอการจ้างงานและการใช้จ่ายในปีหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทโกลด์แมน แซคส์


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,072.61 จุด ลดลง 215.65 จุด หรือ -0.69%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,830.85 จุด ลดลง 32.31 จุด หรือ -0.84% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,360.05 จุด ลดลง 92.37 จุด หรือ -0.81%


  • มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับขึ้นสู่ 51.1 ในช่วงต้นเดือนก.ค. หลังจากแตะสถิติต่ำสุดที่ 50 ในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ผู้บริโภคสหรัฐยังปรับลดการคาดการณ์เงินเฟ้อลงในช่วงต้นเดือนก.ค.ด้วย โดยผู้บริโภคคาดว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะอยู่ที่ 2.8% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นตัวเลขคาดการณ์ต่ำสุดในรอบ 1 ปี และปรับลดลงจาก 3.1% ที่เคยคาดไว้ในช่วงปลายเดือนมิ.ย. ส่วนการคาดการณ์เงินเฟ้อสำหรับช่วง 1 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 5.2% ในเดือนก.ค. โดยปรับลดลงจาก 5.3% ที่เคยคาดไว้ในเดือนมิ.ย. โดยระดับ 5.2% นี้ถือเป็นตัวเลขคาดการณ์ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อปรับลดลงพร้อมกับราคาน้ำมันเบนซินในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา


  • รายงานของมหาวิทยาลัยมิชิแกนถือเป็นรายงานชิ้นที่สองที่บ่งชี้ว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวปรับลดลง โดยก่อนหน้านี้เฟดสาขานิวยอร์คเพิ่งรายงานในวันที่ 11 ก.ค.ว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะ 3 ปีของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ 3.6% ซึ่งถือเป็นตัวเลขคาดการณ์ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.เป็นต้นมา


  • นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทบีเอ็มโอ แคปิตัล มาร์เก็ตส์กล่าวว่า "ภาคครัวเรือนของสหรัฐได้รับแรงหนุนจากยอดเงินออมที่ระดับสูงและจากการปรับขึ้นค่าแรง ดังนั้นภาคครัวเรือนจึงใช้จ่ายเงินมากเท่ากับในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ยอดใช้จ่ายได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่จากราคาสินค้าที่สูงขึ้น และไม่ได้เกิดจากการซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น"


  • สำนักงานสถิติแห่งชาตินิวซีแลนด์ รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของนิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 7.3% ในไตรมาส 2/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 32 ปี โดยได้แรงหนุนจากต้นทุนการก่อสร้างและค่าเช่าบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้น


  • นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีท คาดว่า เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 32 ปีของนิวซีแลนด์จะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก หลังจากที่เพิ่งปรับขึ้น 0.50% สู่ระดับ 2.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน


  • นายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ให้คำมั่นว่าจะยกระดับการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายอย่างระมัดระวังในปีนี้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น


  • Peiqian Liu นักเศรษฐศาสตร์จาก NatWest Markets China กล่าวว่า จีนไม่ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายได้ อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเฟดที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก ได้จำกัดช่องว่างของธนาคารกลางจีนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจัง


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 102 ดอลลาร์ในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงถึง 1% ในการประชุมเดือนนี้


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 5.01 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 102.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 5.11 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 106.27 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • สหภาพยุโรปเซ็นสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติจากประเทศอาเซอไบจาน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงด้านพลังงานจากการที่รัสเซียปิดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 โดยสัญญาจะจัดส่งก๊าซธรรมชาติอย่างน้อย 20,000 ล้านคิวบิกเมตรต่อปี ไปจนถึงปี 2027


  • สตีเฟน อินเนส หุ้นส่วนผู้จัดการด้านการจัดการสินทรัพย์ของ SPI ชี้ว่า ตลาดกังวลว่าการปิดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 ที่ส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังเยอรมนี ที่เริ่มดำเนินการซ่อมบำรุงตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม อาจยืดออกไปเนื่องจากสงครามในยูเครน การสูญเสียก๊าซจะกระทบเยอรมนีซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก


  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เผชิญความล้มเหลวที่จะให้องค์กรชั้นนำของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรับปากที่จะเพิ่มอุปทานน้ำมัน


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐเปิดเผยว่า ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า คณะผู้แทนรัสเซียเดินทางเยือนอิหร่านเพื่อเข้าชมโดรนไร้คนขับที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอิหร่านอาจจะซื้อโดรนดังกล่าวเพื่อนำมาใช้ในสงครามยูเครน


  • นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เตรียมเข้าพบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ในวันนี้ (19 ก.ค.) โดยจะมีการผลักดันการกำหนดราคาน้ำมันของรัสเซีย และหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาห่วงโซ่อุปทานเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้ากับพันธมิตรทางเศรษฐกิจ


  • รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จัดการประชุมร่วมกัน ณ กรุงโตเกียวเมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) เพื่อหารือแนวทางพัฒนาความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่าง 2 ประเทศ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งในยุคสงครามและข้อพิพาทด้านดินแดน


ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยล่าสุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,125 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,562,968 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 18 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 9,333 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 31,031 ราย


  • นครเซี่ยงไฮ้ของจีนเตรียมปูพรมตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 19-21 ก.ค.นี้ โดยจะตรวจคนละ 2 รอบในช่วงเวลาดังกล่าวกับประชาชนใน 9 เขตของนครเซี่ยงไฮ้ รวมถึงเขตซูฮุ่ย จิ้งอัน และหวงผู่ เพื่อรุกสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 


  • รัฐบาลอินเดียมียอดฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พุ่งแตะ 2 พันล้านโดส โดยรัฐบาลกำลังแจกจ่ายวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ผู้ใหญ่ทุกคน ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  36.68 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.60 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.60-36.75 บาทต่อ ดอลลาร์


  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.45-36.95 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปี เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เงินยูโรและเยนดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี และ 24 ปี ตามลำดับ


  • นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ปัจจัยเสี่ยงของการส่งออกในครึ่งปีหลังที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือมี 3 ปัจจัย คือ 1.อัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนถึงแม้จะมีแนวโน้มอ่อนค่าลงแต่อยู่ในทิศทางผันผวน 2.ปัญหาการขาดสภาพคล่องเพราะวัตถุดิบราคาแพงมากขึ้น 3.ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ต้องติดตามว่ามีความรุนแรงระดับใด


  • ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ระบุว่าการส่งออกในช่วง 5 เดือน แรกของปีนี้ ขยายตัว 12.9% หากที่เหลืออีก 7 เดือนไม่โตจะทำให้ค่าเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 5.6% แต่ยังมั่นใจว่า ครึ่งปียังขยายตัวและทำให้ทั้งปีขยายตัว 8% แม้จะมีการประเมินว่าเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังชะลอตัวและมีปัญหาเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ผู้ส่งออกมั่นใจว่าสินค้าไทยหลายกลุ่มที่ยังเป็นที่ต้องการ ซึ่งในเรื่องผลกระทบปีนี้เป็นแค่สนามซ้อมแต่ปีหน้าเจอของจริง


ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest


 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com