• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 26 พฤษภาคม 2565

    26 พฤษภาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และรายงานการประชุมเฟดส่งสัญญาณนโยบายการเงินเข้มงวด เป็นปัจจัยกดดันตลาด


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -13.34 เหรียญ หรือ -0.71% มาอยู่ที่ระดับ 1,853.96 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 19.1 เหรียญ หรือ 1.02% ปิดที่ 1,846.30 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 19.3 เซนต์ หรือ 0.87% ปิดที่ 21.87 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเพิ่ม 1.74 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,069.81 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 24.74 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 94.15 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก TD Securities ออกมาเตือนว่า การฟื้นตัวของราคาทองคำยังคงยากลำบาก จากการที่ ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์พร้อมจะยอมเสีบการเติบโตทางเศรษฐกิจบางส่วน เพื่อแลกกับการควบคุมเงินเฟ้อ


  • หุ้นส่วนผู้จัดการของ SPI Asset Management กล่าวว่า นักลงทุนพยายามประเมินผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงอยู่ในขณะนี้ โดยตั้งคำถามว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเงินเฟ้อจะกลับมาสู่ระดับปกติ และเงินเฟ้ออาจไม่เป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนต่อราคาทองคำได้ตลอด อย่างไรก็ตาม เฟดยังคงส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ส่งผลให้ราคาทองปรับลดลงมาที่ระดับแนวรับสำคัญ 1,850 เหรียญ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.02 จุด หรือ -0.02% มาอยู่ที่ระดับ 102.06 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.093% มาอยู่ที่ระดับ 2.751% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 2.512% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ 0.239%


  • Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย. 


  • รายงานการประชุม FOMC ของ FED หรือ FOMC Minutes Released กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันในการประชุมที่ผ่านมาว่าธนาคารกลางจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย +0.5% ในการประชุม 2 ครั้งหน้า และทาง FED ต้องดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกต่อไป เพื่อที่จะทำให้ FED มีความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนทิศทางในอนาคตหากจำเป็น (หากต้องกลับมาลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง)


  • รายงานการประชุมเฟด บ่งชี้ เฟดพร้อมขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ไปอีกหลายครั้ง มากกว่าที่ตลาดคาด และคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ ระุบว่า นโยบายการเงินอาจจะยกระดับขึ้นจากระดับเป็นกลาง(neutral)” ขึ้นสู่ระดับเข้มงวด” (restrictive)


  • ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ให้สัมภาษณ์ว่าเขายืนยันว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปจนกว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนว่า เงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เป็นการส่งสัญญาณนโยบายการเงินเข้มงวด


  • นาย ฟาบิโอ พาเนตตา สมาชิกคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับนโยบายการเงินของยุโรปไว้ว่าควรจะทำให้นโยบายการเงินเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป


  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าอังกฤษจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ หลังจากรายงานการประชุมเดือนพ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดทุกคนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อได้โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจถดถอย


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,120.28 จุด เพิ่มขึ้น 191.66 จุด หรือ +0.60%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,978.73 จุด เพิ่มขึ้น 37.25 จุด หรือ +0.95% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,434.74 จุด เพิ่มขึ้น 170.29 จุด หรือ +1.51%


  • สิงคโปร์คาดเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ระดับต่ำสุดของกรอบคาดการณ์ในปีนี้ เนื่องจากสงครามในยูเครนและภาวะชะงักงันด้านห่วงโซ่อุปทานที่ยืดเยื้อจากผลพวงของโรคโควิด-19 นั้น ได้ถ่วงแนวโน้มเศรษฐกิจของสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการค้าเป็นหลัก


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูการเดินทางท่องเที่ยว


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 110.33 ดอลลาร์/บาร์เรล

  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 114.03 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • เลขาธิการกระทรวงพลังงาน ออกมาระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังไม่ออกกฎหมายห้ามการส่งออกน้ำมันเพื่อควบคุมราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น


  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า อุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกจะยังคงตึงตัวต่อไป จากการที่ผู้ซื้อหลายประเทศหลีกเลี่ยงการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของโลก และความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากฤดูกาลขับรถในฤดูร้อนของสหรัฐฯที่จะมาถึง


  • นักวิเคราะห์จาก Commerzbank คาดราคาน้ำมันเบรนท์จะปรับลดลงสู่ระดับ 95 เหรียญต่อบาร์เรลภายในสิ้นปีนี้ แต่คาดว่า ราคาน้ำมันในช่วงไตรมาสที่สองนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 100-115 เหรียญต่อบาร์เรล ก่อนจะปรับตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • รัสเซียยังคงยืนยันจะชำระหนี้ดอลลาร์ด้วยเงินรูเบิล การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกฎการผ่อนปรนของตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สำหรับกรณีคว่ำบาตรครบกำหนดเวลา ทั้งนี้ การชำระด้วยเงินสกุลรูเบิลจะละเมิดข้อกำหนดของการชำระตราสารหนี้สกุลดอลลาร์ ซึ่งจะครบกำหนดในวันศุกร์นี้ ที่ทางรัสเซียต้องชำระเงินจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ


  • กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะออกคำสั่งห้ามไม่ให้รัฐบาลรัสเซียชำระหนี้ให้กับผู้ถือพันธบัตรผ่านทางธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐ โดยจะเริ่มตั้งแต่เช้าวันพุธที่ 25 พ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้รัสเซียมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้


  • เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 3 ลูกจากชายฝั่งตะวันออกของประเทศในช่วงเช้าวันพุธ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เสร็จสิ้นการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชีย


  • ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายคิม ซัง-ฮาน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ เพื่อหารือกันหลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 3 ลูก 


  • รัฐบาลญี่ปุ่นแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อจีนและรัสเซีย หลังทั้งสองชาติส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ซ้อมรบเหนือน่านน้ำญี่ปุ่นระหว่างการประชุมกลุ่ม Quad ที่โตเกียว เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงการประท้วงต่อการประชุมร่วมกันของผู้นำญี่ปุ่น, สหรัฐ, ออสเตรเลีย และอินเดีย


  • นายวัลดิส โดมโบรฟสกิส รองประธานบริหารของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ฝ่ายเศรษฐกิจเปิดเผยว่า ยุโรปจำเป็นต้องตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรการค้าน้ำมันกับรัสเซียอย่างเร่งด่วน


ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19


  • สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,924 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,206,239 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 4,429,674 ราย เสียชีวิต 37 ราย เสียชีวิตสะสม 29,881 ราย 


  • เทศบาลกรุงปักกิ่งสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่กว่า 10 ราย หลังจากเกิดคลัสเตอร์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สองกลุ่ม จนเป็นเหตุให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในวันอังคาร ปักกิ่งพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 47 ราย หลังจากที่พบ 48 รายในวันจันทร์ และ 99 รายในวันอาทิตย์


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.26 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.35 บาทต่อดอลลาร์


  • ประเทศไทย ในฐานะผู้ส่งออกหลักสินค้าน้ำตาล,ไก่ และข้าว มีแนวโน้มได้รับผลประโยชน์จากประเทศเพื่อนบ้านที่เริ่มใช้นโยบายกีดกันทางการค้าควบคุมการส่งออกสินค้าเกษตรท่ามกลางราคาสินค้าที่ปรับพุ่งสูงขึ้น ได้แก่ ประเทศ มาเลเซีย อินเดีย เป็นต้น


  • ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า หลังจากวิกฤตโควิด-19 หลาย ๆ ประเทศต้องเจอวิกฤตรุมเร้าเหมือน ๆ กันที่ต้องเร่งแก้ไข เช่นเดียวกับประเทศไทย เช่น การดูแลฐานะการคลังและการเงินของไทย แม้ว่าการคลังยังมีเสถียรภาพ แต่ก็มีเครื่องมือในการกระตุ้นหลือน้อยลง เพราะสัดส่วนหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 58% ของจีดีพี และต้องมีการจัดงบประมาณขาดดุลทุกปีโดยคาดว่าหนี้สาธารณะจะขึ้นอยู่ที่ 67% ของจีดีพีในปี 69


  • สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี กล่าวว่า ถึงแม้ต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 แต่การดำเนินโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีความคืบหน้ามากกว่าตามแผนงานระยะที่ 1 ซึ่งกำหนดไว้ 5 ปี แต่สามารถดำเนินการได้ภายใน 4 ปี โดยใช้งบประมาณภาครัฐเพียง 9.4 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของมูลค่าทั้งหมด สามารถดึงการลงทุนภาคเอกชนได้มากถึง 1.9 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.7 ล้านล้านบาท และแผนงานระยะที่ 2 จะมีการลงทุน 2.2 ล้านล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 4 แสนล้านบาท


ที่มาจาก : ReutersFXstreet, Infoquest, CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com