ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -27.1 เหรียญ หรือ -1.37% มาอยู่ที่ระดับ 1,949.92 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง -27.4 เหรียญ หรือ -1.38% ปิดที่ 1,959 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง -75.9 เซนต์ หรือ -2.9% ปิดที่ 25.391 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 6.38 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,106.74 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 15.3 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 131.08 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก UBS ระบุว่า จากการที่นาย เจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ออกมาให้ความเห็นในแนวทางนโยบายการเงินเข้มงวด ส่งผลให้ทั้งอัตราและตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงปรับตัวสูงขึ้น สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
- นักวิเคราะห์อาวุโสฝ่ายการตลาดของ City Index กล่าวว่า การที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1,998.10 เหรียญในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดในสงครามยูเครนยังคงดำเนินต่อไป และความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น โดยราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวใกล้แนวต้านสำคัญที่ระดับ 2,000 เหรียญ และปิดปรับตัวลดลง นั่นแสดงให้เห็นว่าราคาทองคำค่อนข้างแกว่งตัวก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้นในทันที
- นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank ชี้ว่า ทองคำยังคงสามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่ามากขึ้นจากการที่ นาย เจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ออกมาแนะนำแนวคิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ก็ตาม
- SPI Asset Management กล่าวว่า ขณะนี้ราคาทองคำกำลังเข้าทดสอบใกล้ระดับ 2,000 เหรียญ ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนทองคำดั้งเดิมและนักลงทุนแบบโมเมนตัมเข้าซื้อมากขึ้น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ซึ่งอาจช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในระยะกลาง
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.65 จุด หรือ 0.65% มาอยู่ที่ระดับ 100.97 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.093% มาอยู่ที่ระดับ 2.94% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 2.617% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ 0.323%
- นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐขณะนี้อยู่ในระดับที่สูงเกินไป และมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75% จนแตะระดับ 3.5% ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
- นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ต่างก็สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ นายบอสติกกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า เฟดควรใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและไม่ควรเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นายอีแวนส์กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จำนวนสองครั้ง สู่ระดับ 2.25% – 2.50% ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่ากรอบที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.50% – 2.75% นอกจากนี้ เขายังไม่เห็นความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่านั้น
- สกุลเงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยแตะที่กรอบบน 127 เยน เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์กันว่า ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและญี่ปุ่นจะทิ้งช่วงห่างมากขึ้น หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- ยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้เริ่มเปิดฉากการโจมตีระลอกใหม่ในภาคตะวันออกของประเทศ โดยมีรายงานว่าเกิดระเบิดขึ้นต่อเนื่องบริเวณแนวหน้าของกองรบ อีกทั้งยังมีรายงานการโจมตีในภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย
- รองนายกรัฐมนตรียูเครนเผยว่า ยูเครนไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงกับรัสเซียในการกำหนดเส้นทางระเบียงมนุษยธรรม (humanitarian corridors) เพื่ออพยพพลเรือนที่ติดอยู่ตามเมืองต่าง ๆ จนล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว
- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐจะเข้าร่วมการประชุมบางช่วงกับรัฐมนตรีคลังของกลุ่ม G20 ที่สหรัฐเพื่อแสดงการต่อต้านรัสเซีย ขณะที่รัสเซียมีแผนจะเข้าร่วมการประชุมทางออนไลน์ แม้ยังคงมีความตึงเครียดในการทำสงครามกับยูเครนก็ตาม ขณะที่เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
- สหรัฐเปิดเผยว่า จะไม่ทำการทดสอบขีปนาวุธต่อต้านดาวเทียมแบบทำลายล้างที่จะสร้างเศษซากขยะอวกาศจำนวนมหาศาลที่จะโคจรไปรอบโลกและเป็นอันตรายต่อนักบินอวกาศและดาวเทียมต่าง ๆ โดยสหรัฐเป็นประเทศแรกที่ให้คำมั่นสัญญาดังกล่าว ทั้งนี้ สหรัฐได้วิพากษ์วิจารณ์รัสเซียและจีนที่ทำการทดสอบดังกล่าว โดยการทดสอบที่รัสเซียดำเนินการเมื่อปีที่แล้วทำให้นักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ต้องหาที่หลบภัยเป็นการชั่วคราว
- ประธานธนาคารโลก (World Bank) เปิดเผยว่า คาดว่ามีอีกหลายประเทศจะประกาศบริจาคเงินช่วยเหลือรัฐบาลยูเครนผ่านทางกองทรัสต์ของธนาคารโลกและกองทุนคู่ขนานในสัปดาห์นี้
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดในวันอังคาร ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการแสดงความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,911.20 จุด พุ่งขึ้น 499.51 จุด หรือ +1.45%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,462.21 จุด เพิ่มขึ้น 70.52 จุด หรือ +1.61% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,619.66 จุด เพิ่มขึ้น 287.30 จุด หรือ +2.15%
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ลดลงเหลือระดับ 3.6% สำหรับปีนี้และปี 2023 โดยปรับลดลงจากการประมาณการเดิมลง 0.8% สำหรับปี 2022 และลดลง 0.2% สำหรับปี 2023 โดยมีสาเหตุหลักในการปรับลดประมาณการลงจากประเด็นรัสเซียบุกยูเครน ซึ่งผลกระทบในวงกว้าง ผลักดันราคาสินค้าขึ้นสูง
- ขณะที่ในวันจันทร์ทีผ่านมา World Bank ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ลงเหลือ 3.2% สำหรับปี 2022 จากเดิมที่ประมาณการที่การเติบโต 4.1%
- นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank ชี้ว่า ตลาดไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเฟดจะสามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 3.5% ภายในสิ้นปีนี้ตามที่ นาย เจมส์ บัลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ คาดไว้ได้ เพราะการคาดการณ์นี้จะนำพาเศรษฐกิจไปสู่ภาวะถดถอยได้
- ทางการจีนให้คำมั่นที่จะแก้ไขปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานในระหว่างการประชุมหอการค้าต่างประเทศ พร้อมยืนยันว่าจีนจะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไป ทั้งนี้ คณะผู้แทนจากบริษัทต่างชาติในประเทศจีนได้ร่วมประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน เพื่อหารือเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 เนื่องจากขณะนี้จีนสั่งล็อกดาวน์ในพื้นที่หลายแห่งที่พบการระบาด ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ
- ธนาคารยูบีเอสได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนลงมาอยู่ที่ 4.2% จากเดิมคาดการณ์ 5% เนื่องจากแรงกดดันขาลงต่อเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกันธนาคารบาร์เคลย์ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนลง 0.2% มาอยู่ที่ 4.3% พร้อมทั้งคาดว่าภาวะชะงักงันจากโควิด-19 จะยืดเยื้อต่อไป
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 5% ในวันอังคาร หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในตลาด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 5.65 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 102.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 5.91 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 107.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 5% จากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันลดลง หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเตือนภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มมีสัญญาณอันตรายในหลายประเทศ ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันก็ถูกกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงในเดือนมีนาคม จากมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมโควิดและได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งยูเครนรัสเซีย
- JPMorgan ประเมินราคาน้ำมันอาจพุ่งแตะระดับ 185 เหรียญต่อบาร์เรลหากสหภาพยุโรปดำเนินการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียอย่างรวดเร็ว เนื่องจากน้ำมันจากรัสเซียยังไม่เปลี่ยนเส้นทางขายไปยังอินเดียและจีนไม่ทัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันตลาดโลกลดลงกว่า 4 ล้านบาร์เรลลต่อวัน แต่หากดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นเดียวกับการคว่ำบาตรถ่านหินจากรัสเซีย จะไม่ส่งกระทบต่อราคามากนัก
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,455 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,860,864 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 4,084,299 ราย เสียชีวิต 128 ราย เสียชีวิตสะสม 27,263 ราย
- มณฑลเซี่ยงไฮ้ของจีนรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 7 ราย ขณะเผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคนต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์
- คณะผู้ทรงคุณวุฒิในกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทโนวาแวกซ์แล้ว โดยทางกระทรวงมีแผนประกาศรับรองอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้วัคซีนโควิด-19 ของโนวาแวกซ์ เป็นวัคซีนตัวที่ 4 ที่อนุญาตให้ใช้ได้ในญี่ปุ่น ซึ่งจะมีบริษัททาเคดา ฟาร์มาซูติคอล เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.81 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสูงสุดในรอบเกือบ4เดือน และอ่อนค่า จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ33.70-33.90 บาทต่อดอลลาร์
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, CNBC, Bloomberg