ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันพุธ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 17.22 เหรียญ หรือ 0.9% มาอยู่ที่ระดับ 1,933.45 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 21 เหรียญ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,939 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 37.7 เซนต์ หรือ 1.52% ปิดที่ 25.113 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,091.44 ตันภาพรวมเดือนมีนาคม ซื้อสุทธิ 62.42 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 115.78 ตัน
- นักวิเคราะห์อาวุโสการตลาดของ City Index กล่าวว่า การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อราคาทองคำ ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เผชิญแรงซื้อ ทำให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯดีดตัวขึ้นจากแนวรับสำคัญในวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนทั้งสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงทองคำเช่นกัน
- นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า ราคาทองคำทำการซื้อขายที่บริเวณ 1,930 เหรียญอีกครั้ง ขณะที่ตลาดให้ความสนใจการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนนี้ ซึ่งจำกัดต่อการขึ้นของราคาทองคำ
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อวันพุธ โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น จากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -1.23 จุด หรือ -1.24% มาอยู่ที่ระดับ 97.86 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.084% มาอยู่ที่ระดับ 2.358%
- ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ราฟาเอล บอสติก ออกมาให้ความเห็นว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมากขึ้น
- ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ โธมัส บาสกิน ให้ความเห็นว่า พร้อมขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพฤษภาคมหากจำเป็น โดยจะพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
- นักเศรษฐศาสตร์จาก Danske Bank คาดว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม และคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมแต่ละครั้งที่เหลือ ซึ่งหมายถึงอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 2.50% - 2.75% ภายในสิ้นปีนี้
- ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นขานรับความคืบหน้าจากการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ค่าเงินดอลลาร์และผลตอบแทนอ่อนค่าลง ซึ่งทำให้ค่าเงินสกุลอื่นปรับตัวแข็งค่าขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- รัสเซียขานรับยูเครนยื่นข้อเสนอยุติความขัดแย้ง แต่ชี้หนทางยังอีกยาวไกล โดยโฆษกทำเนียบเครมลิน ระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ความคืบหน้าครั้งใหญ่ และทั้งสองฝ่ายยังคงมีงานที่ต้องทำอีกมาก
- ยูเครนระบุว่าข้อเสนอการมีสถานะเป็นกลางดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อมีการหยุดยิงโดยสิ้นเชิง
- เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า มีการระดมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน และเมืองเชอร์นิฮิฟ บริเวณทางตอนเหนือ แม้ว่ารัสเซียได้ให้สัญญาว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารลงก็ตาม
- นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐไม่มั่นใจในคำมั่นสัญญาของรัสเซียที่ว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารในกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน และในเมืองเชอร์นิฮิฟ อย่างไรก็ตาม นายเคอร์บีกล่าวว่า การที่รัสเซียถอนกำลังทหารรัสเซียที่ถอยร่นออกจากกรุงเคียฟนั้นเป็นการ “กลับมาตั้งหลัก” ไม่ใช่การถอนทหารอย่างแท้จริง พร้อมกับแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้กำลังโจมตีครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของยูเครน
- ทำเนียบเครมลิน ระบุว่า การส่งออกพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ของรัสเซียอาจให้ชำระด้วยเงินสกุลรูเบิลทั้งหมด ซึ่งเป็นความพยายามของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ที่ต้องการให้ชาติตะวันได้รับผลกระทบและเจ็บปวด จากการใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
- สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) ต้องการกดดันให้จีนรักษาความเป็นกลางเกี่ยวกับจุดยืนในประเด็นที่รัสเซียรุกรานยูเครน ก่อนถึงการประชุมสุดยอดระหว่าง EU และจีนทางออนไลน์ในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ เป้าหมายของการประชุมสุดยอดครั้งนี้คือการรับประกันความเป็นกลางของจีน เพื่อไม่ให้จีนยื่นมือเข้าช่วยเหลือรัสเซีย
- จีนเป็นเจ้าภาพร่วมถกรัสเซีย-สหรัฐประเด็นสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีนร่วมหารือกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในวันพุธที่ผ่านมา ที่มณฑลอานฮุยของจีน ในประเด็นสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน
- เยอรมนีออกประกาศ “เตือนภัยระยะต้น” ตามแผนภาวะฉุกเฉินด้านการจัดหาก๊าซธรรมชาติซึ่งมีทั้งหมด 3 ระดับ โดยจะมีการจัดตั้งทีมรับมือวิกฤตขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ หลังจากที่รัสเซียระบุว่าจะผ่านร่างกฎหมายที่จะรับชำระค่าก๊าซธรรมชาติด้วยสกุลเงินรูเบิล
- กระทรวงกลาโหมอังกฤษได้ออกมาเปิดเผยว่า กองกำลังทหารรัสเซียบางหน่วยที่เผชิญความสูญเสียอย่างหนักในยูเครนต้องถอยร่นกลับประเทศและเบลารุส หลังรัสเซียให้สัญญาว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดันจากความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,228.81 จุด ลดลง 65.38 จุด หรือ -0.19%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,602.45 จุด ลดลง 29.15 จุด หรือ -0.63% และ
- Nasdaq ปิดที่ 14,442.27 จุด ลดลง 177.36 จุด หรือ -1.21%
- รายงานล่าสุดของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ “อังค์ถัด” ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อ 27 มีนาคมที่ผ่านมา เตือนว่า เศรษฐกิจของทั้งโลกกำลังชะลอตัวลงสู่ภาวะวิกฤต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนาอย่างหนัก สาเหตุสำคัญก็คือสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างรัสเซียกับยูเครน และการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้นตามมา ซึ่งส่งผลสะเทือนหนักหน่วงไปทั่วโลกในหลายแง่มุมมาก โดยเฉพาะการที่รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกหลักข้าวสาลี, ข้าวโพด, เรพซีด, เมล็ดและน้ำมันดอกทานตะวัน ภาวะขาดแคลนและราคาแพงที่ว่านี้เริ่มส่งผลกระทบทางสังคมให้เห็นกันแล้วในบางประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคแอฟริกาเหนือ และตะวันออกกลาง ประเทศที่ต้องนำเข้าอาหารเป็นส่วนใหญ่
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพุธ หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันนี้
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 3.58 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 107.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 3.22 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 113.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 มี.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล
- จากข้อมูลแหล่งข่าวภายในโอเปคพลัส ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่โอเปคพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตในระดับพอสมควร ที่ 432,000 บาร์เรลต่อวันสำหรับการผลิตเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนการทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของเลขาธิการโอเปค ในขณะที่ผ่านมา โอเปคพลัสทยอยปรับขึ้นกำลังการผลิตทุกเดือน เดือนละ 400,000 บาร์เรลตั้งแต่สิงหาคมปี 2021
- นักวิเคราะห์จาก Commonwealth Bank ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นฟื้นคืนกลับมา สะท้อนถึง ความเห็นของตลาดที่ยังมีข้อสงสัยอย่างมากในความคืบหน้าของการเจรจารัสเซีย-ยูเครน
- บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน JBC Energy ชี้ว่า มีโอกาสที่ตลาดจะสูญเสียกำลังการผลิตน้ำมันกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับยุโรปย่ำแย่ลงและหากยุโรปแบนน้ำมันรัสเซีย แม้ว่าบริษัทเองยังประเมินว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 27,560 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,404,912 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 3,628,347 ราย เสียชีวิต 85 ราย เสียชีวิตสะสม 25,130 ราย
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติใช้งานวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 4 ของบริษัทไฟเซอร์/ไบออนเทค และโมเดอร์นากับประชาชนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันความเสี่ยงจากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ทั้งนี้ วัคซีนเข็มที่ 4 นั้นจะฉีดห่างจากเข็มที่ 3 อย่างน้อย 4 เดือน เพื่อป้องกันอาการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงและลดโอกาสในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคโควิด-19
- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ได้กลายเป็นไวรัสสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐแล้ว โดยไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 คิดเป็น 54.9% ของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 39% ในสัปดาห์ก่อนหน้า และ 27.8% ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า
- เซี่ยงไฮ้ของจีนประกาศขยายพื้นที่ล็อกดาวน์เพิ่มเติมในทางตะวันออกของเมือง ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิม หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 5,982 ราย
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.25 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.31 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.15-33.40 บาทต่อดอลลาร์
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 65 และ 66 จะอยู่ที่ 4.9% และ 1.7% ตามลำดับ โดยอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 5% ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ในปี 65 จากราคาพลังงานและการส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหารเป็นหลัก ก่อนที่จะปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ในปี 66 ส่วนหนึ่งจากราคาพลังงานที่คาดว่าจะไม่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
- รมว.คลัง ยังคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 65 ที่ 3.5-4.5% ขณะที่ภาคการส่งออกขยายตัวที่ระดับ 5% แต่เชื่อว่าหากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการประสานและเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานในทุกส่วน ก็จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของภาคการส่งออกของไทยในปีนี้ให้ขยายตัวได้มากกว่าเป้าหมาย
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest , Prachachat