• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565

    18 กุมภาพันธ์ 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ จากสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนและข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 1.5% มาอยู่ที่ระดับ 1,897.21 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 30.50 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 1,902 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 1.14% ปิดที่ 23.875 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,019.44 ตันภาพรวมเดือนกุมภาพันธ์ ซื้อสุทธิ 1.69 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 43.78 ตัน


  • นักเศรษฐศาสตร์จาก UBS คงเป้าหมายราคาทองคำที่ระดับ 1,650 เหรียญภายในสิ้นปีนี้ ในกรณีมุมมองเชิงบวกที่สุด เฟดมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เช่น การใช้ QE รอบใหม่ หรือปล่อยให้เงินเฟ้อพุ่งสูง มีโอกาสที่ราคาทองคำอาจปรับขึ้นได้สูงถึง 1,950 เหรียญ ในกรณีเลวร้ายที่สุด เฟดมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินเข้มงวดกว่าที่คาด ราคาทองคำอาจปรับตัวลงถึงระดับ 1,350-1,450 เหรียญ


  • ผู้อำนวยการของ Gold Silver Central กล่าวว่า ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,845 - 1,880 เหรียญ และคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในกรอบดังกล่าว จนกว่าสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองจะคลี่คลายลง และคำมั่นของเฟดที่จะขจัดสภาพคล่องโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น


  • นักวิเคราะห์ของ TD Securities เผยว่า รัสเซียได้เสริมกองกำลังทหารและยังไม่มีการถอยทัพ ซึ่งเป็นส่วนช่วยหนุนให้แก่ราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองยังคงเป็นความเสี่ยงหลักต่อความไม่แน่นอนในตลาดทองคำ 


  • นักวิเคราะห์จาก Externity กล่าวว่า วิกฤติยูเครนสร้างแนวโน้มขาขึ้นให้กับทองคำ เพิ่มเติมจากแรงเดิมจากเงินเฟ้อ สามารถสังเกตุได้จากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน SPDR ETF พุ่งสูงขึ้น


  • นักวิเคราะห์จาก UBS ชี้ว่า ทองคำได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ในยุโรปตะวันออกที่กลับมาตึงเครียดใหม่อีกครั้ง ในขณะที่ราคาพาลาเดียมจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันจากแต่เป็นปัจจัยจากความกังวลด้านอุปทาน ในขณะที่ทองคำได้รับแรงหนุนจากปัจจัยการเป็นสินทรัพย์หลบเลี่ยงความเสี่ยง


  • กรมศุลกากรสวิสเซอร์แลนด์ เปิดเผบข้อมูล ยอดส่งออกทองคำจากสวิสเซอร์แลนด์ไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ประจำเดือนมกราคม ปรับตัวพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2016 โดยมียอดส่งออกไปจีน 70 ตันเพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่ 14.5 ตัน ในขณะที่ยอดส่งออกไปยังอินเดียลดลง อยู่ที่ 11.6 ตัน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 28 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.18 จุด หรือ -0.19% มาอยู่ที่ระดับ 95.81 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.084% มาอยู่ที่ระดับ 1.956%


  • เฟดส่งสัญญาณอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังเพิ่มต่อเนื่อง เฟด เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 25-26 ม.ค. โดยระบุว่า แม้กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าควรมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ, ตลาดแรงงาน และการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ แต่การพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้น จะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเงินเฟ้อและข้อมูลด้านอื่น ๆ ในการประชุมแต่ละครั้ง และเฟดจะกลับมาประเมินไทม์ไลน์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมแต่ละครั้ง โดยจากรายงานการประชุม ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า หากเงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลงตามที่เฟดคาดการณ์ไว้ ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่คณะกรรมการเฟดจะยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ในปัจจุบัน


  • นักวิเคราะห์จาก ActivTrades ชี้ว่า รายงานการประชุมเฟดในวันก่อน เผยถึงสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มนโยบายการเงินเข้มงวดน้อยกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับลดลงเล็กน้อย และหนุนราคาทองคำ


  • นักเศรษฐศาสตร์คาดแบงก์ชาติตลาดเกิดใหม่ในเอเชียไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยตามเฟด นักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ออฟอเมริการะบุว่า บรรดาธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียนั้นไม่เร่งรีบที่จะดำเนินการตามเฟด แม้เฟดจะเปลี่ยนแนวทางมาคุมเข้มนโยบายการเงินในเชิงรุกก็ตาม ทั้งนี้ ธนาคารกลางส่วนใหญ่ในตลาดเกิดใหม่ของเอเชียมีแนวโน้มจะยึดมั่นต่อนโยบายของตนเองและให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศมากยิ่งขึ้น เพราะแทบไม่กังวลเรื่องการที่ต้องล้าหลังในด้านการคุมเข้มนโยบาย


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐยืนยันว่ารัสเซียพร้อมที่จะบุกโจมตียูเครนทุกขณะ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,312.03 จุด ลดลง 622.24 จุด หรือ -1.78%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,380.26 จุด ลดลง 94.75 จุด หรือ -2.12% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,716.72 จุด ลดลง 407.38 จุด หรือ -2.88%


  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 23,000 ราย สู่ระดับ 248,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 219,000 ราย


  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 4.1% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 1.638 ล้านยูนิต โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และสภาพอากาศที่หนาวเย็น


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 2% หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง  1.44% ปิดที่ 91.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2% ปิดที่ 92.87 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ อาจส่งผลให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาดโลกได้กว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นราว 1% และสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน


  • ผู้อำนวยการเจทีดี เอเนอร์ยี่ เซอร์วิส (JTD Energy Services) ระบุว่าเนื่องจากธุรกิจน้ำมันลงทุนด้านการสำรวจน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้น้ำมันที่มีอยู่ลดน้อยลง และตลาดเผชิญภาวะขาดแคลนอุปทาน จึงมีแนวโน้มที่อาจเห็นราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล หรืออาจจะสูงถึง 150 ดอลลาร์


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • เกิดเหตุยิงปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารยูเครน และกลุ่มกบฎฝักใฝ่รัสเซีย ในภาคตะวันออกของรัสเซีย นำไปสู่ความกังวลต่อชาติตะวันตกว่ารัสเซียอาจบุกยูเครนวันใดวันหนึ่ง ยังไม่มีรายงานรายละเอียดของการปะทะดังกล่าวที่ชัดเจนและเป็นกลาง อย่างไรก็ตาม รายงานเบื้องต้นระบุว่า การปะทะดังกล่าวเป็นระดับปกติที่เกิดขึ้นในความขัดแย้งที่มีมายาวนานถึง 8 ปี


  • นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัสเซียเตรียมการโจมตียูเครน โดยจะมีการใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พร้อมระบุว่า รัสเซียได้ตรึงกำลังทหารกว่า 150,000 นายตามแนวชายแดนยูเครน รวมทั้งมีกำลังทหารในเบลารุส และคาบสมุทรไครเมียที่พร้อมโจมตีในอีกไม่กี่วัน


  • นายไบรอัน โอทูล อดีตที่ปรึกษาระดับอาวุโสของผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมทรัพย์สินในต่างประเทศ (OFAC) ของกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า มาตรการลงโทษขั้นรุนแรงที่สุดที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะตอบโต้รัสเซียในกรณียกพลบุกโจมตียูเครนก็คือ การออกมาตรการคว่ำบาตรภาคธนาคารของรัสเซียไม่ให้เข้าถึงสกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ธนาคารรัสเซียไม่สามารถทำธุรกรรมด้วยเงินสกุลดอลลาร์ได้


  • นักเศรษฐศาสตร์จาก ING วิเคราะห์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์ในยูเครนจะไม่ความชัดเจนในทิศทางมากนักในช่วง 2-3 วันถัดจากนี้ และอาจจะเปลี่ยนเป็นเกมการเมืองระยะยาว ซึ่งหมายถึงความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศจะยังคงส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ต่อไปยาวนานขึ้น


  • ภาพถ่ายทางดาวเทียมจากบริษัทแม็กซาร์ เทคโนโลยีของสหรัฐเปิดเผยให้เห็นว่า กองทัพรัสเซียได้เคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์บางส่วนออกจากชายแดนยูเครนแล้ว แต่ก็มีการขนส่งอาวุธใหม่เข้ามา โดยหลักฐานดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัสเซียยังคงตรึงกำลังทหารและมียุทโธปกรณ์จำนวนมากตามแนวชายแดนยูเครน แม้กองทัพรัสเซียกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ว่ามีการถอนกำลังทหารบางส่วนออกไปก็ตาม


  • บรรดารัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เข้าร่วมประชุมอาเซียนในวันนี้ที่ประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นประธานปีนี้ ท่ามกลางความขัดแย้งในอาเซียนเกี่ยวกับวิธีการฟื้นฟูเสถียรภาพในเมียนมาหลังเกิดรัฐประหารในปีที่แล้ว โดยที่ตัวแทนของรัฐบาลทหารเมียนมาถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ จนกว่าเมียนมาจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อปีที่แล้วว่าจะสงบศึกในประเทศและอนุญาตให้อาเซียนได้ดำเนินการตามแผนสันติภาพตามที่ตกลงกันไว้


ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19


·      สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,066 ราย ผู้ป่วยสะสม 451,042 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 2,674,477 ราย เสียชีวิต 27 ราย เสียชีวิตสะสม 22,565 ราย หายป่วยเพิ่ม 12,511 ราย 


  • ฮ่องกงเตรียมระดมตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้วิธีสกัดจำนวนผู้ติดเชื้อแบบเดียวกับจีน หลังเผชิญปัญหาในการควบคุมการระบาดระลอกที่รุนแรงที่สุดอยู่ในขณะนี้ การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในฮ่องกงขณะนี้ทำให้ต้องมีการตรวจหาเชื้อขนานใหญ่เป็นครั้งแรกในฮ่องกง ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันยังเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยสื่อท้องถิ่นของฮ่องกงคาดว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันพฤหัสบดีเพิ่มถึง 5,000 ราย ขณะที่ในวันพุธอยู่ที่ 4,285 ราย และจีนอาจจะส่งผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ความช่วยเหลือฮ่องกง รวมถึงส่งรถฉีดวัคซีนซึ่งดัดแปลงสำหรับใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงพิจารณาว่าจะบังคับให้ประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อขนานใหญ่หรือไม่


  • สิงคโปร์กลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง หลังจากหยุดชะงัก เนื่องจากการแพร่ระบาดของสายพันธ์ุ โอมิครอน กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า นอกเหนือจากการเปิดประเทศแล้ว รัฐบาลยังจะฟื้นฟูและขยายโครงการท่องเที่ยวสำหรับประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หรือ Vaccinated Travel Lane (VTL) กับประเทศอื่น ๆ ด้วย โดยจะเพิ่ม ฮ่องกง, กาตาร์, ซาอุดิอาระเบีย, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้ามาใหม่ภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ดี สิงคโปร์จะปรับมาตรการควบคุมพรมแดนสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน และยกเลิกข้อกำหนดการขออนุญาตเข้าประเทศสำหรับผู้ที่มีถิ่นพำนักในสิงคโปร์ เพื่อทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศสามารถเดินทางได้ง่ายมากขึ้น


  • ทางการสหรัฐฯเตรียมรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ท่ามกลางเชื้อไวรัสโอมิครอนที่ลดลง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ เตรียมรับมือสำหรับการแพร่ระบาดใหม่ของโควิด-19 ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่ลดลง รวมถึงการปรับปรุงแนวทางของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ได้แก่การสวมหน้ากากและการเพิ่มขีดความสามารถในการทดสอบของสหรัฐฯ
    แผนดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่รัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดเกี่ยวกับโควิด-19 เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อลดลง จากรายงาน CDC เผยว่ายอดผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยลดลง 40% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรายวันลดลง 28% และการเสียชีวิตเฉลี่ยต่อวันลดลง 9% 


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทแข็งค่าจนหลุดแนวรับสำคัญโดยยังคงได้รับแรงหนุนจากโฟลว์ขายทำกำไรรทองคำ รวมถึงแรงซื้อหุ้นไทยสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติ หนุนให้ผู้ส่งออกบางรายเร่งเข้ามาขายเงินดอลลาร์ กดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.14 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  32.18 บาทต่อดอลลาร์


  • สรรพสามิต ลดเป้าจัดเก็บรายได้ทั้งปี รับผลชะลอปรับโครงสร้างภาษี-ลดภาษีน้ำมัน อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2565 ของกรมสรรพสามิต อยู่ที่ 5.97 แสนล้านบาท โดยในส่วนนี้มีการรวมรายได้จากการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ซึ่งไม่สามารถทำได้ตามกำหนด จำนวน 3 หมื่นล้านบาท กรมฯ จึงได้หารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอลดเป้าหมายการจัดเก็บในส่วนนี้ลง ดังนั้นเป้าหมายการเก็บรายได้ของกรมฯ ในปีงบประมาณ 2565 จึงอยู่ที่ 5.6 แสนล้านบาท โดยเป้าหมายดังกล่าว ยังไม่รวมผลกระทบจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งจะทำให้รายได้หายไปอีก 1.7 หมื่นล้านบาท


ที่มาจาก :   ReutersFXstreet, Infoquest , Guardians

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com