• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2564

    9 ธันวาคม 2564 | Gold News



ทองคำทรงตัวท่ามกลางนักลงทุนสนใจเฟด-เงินเฟ้อ

 

·         ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวแถว 1,784.01 เหรียญ อ่อนตัวหลังไปทำสูงสุดบริเวณ 1,792.90 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ตลาด Comex ปิดทรงตัวบริเวณ 1,785.50 เหรียญ

 

·         หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก Blue Line Futures กล่าวว่า มีแรงกดดันเดียวสำหรับตลาดทองคำเวลานี้คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้จะเป็นการปรับขึ้นอย่างจำกัดก็ตาม

ภาพรวมราคาทองคำคาดจะแกว่งตัวในกรอบ 1,780 – 1,800 เหรียญ เชื่อว่าตลาดน่าจะรอสัญญาณจากประชุมเฟดระหว่าง 14- 15 ธ.ค. เป็นสำคัญ รวมถึงการประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในคืนวันศุกร์นี้

 

·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ปรับขึ้นมาที่ 1.508ขานรับข้อมูลอัพเดตด้านวัคซีนในการต้านสายพันธุ์ Omicron หลังผลทดสอบของ Pfizer ชี้ การได้รับวัคซีน 3 เข็มยังให้ประสิทธิภาพต้านไวรัสดังกล่าวได้ดี 

ภาพรวมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง 3 วันทำการ ถือเป็นการปรับขึ้นยาวนานที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนต.ค.

 

·         CEO บริษัทยา Pfizer ยังระบุอีกว่า การฉีดวัคซีนเข็ม 4 อาจจำเป็นในเร็วๆนี้ เพื่อต้าน Omicron

 

·         Reuters รายงานข้อมูลจากกลุ่มภาคธนาคารต่างๆ และบริษัทการเงิน รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Blue-Chip พยายามหาแนวทางสนับสนุนกิจกรรมการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากทองคำและซิลเวอร์ หลังเผชิญภาวะขาดทุนหรือได้กำไรอย่างไม่คาดคิดบ่อยครั้ง จากภาวะแกว่งตัวรวดเร็วของตลาด

 

·         ActivTrades ระบุว่า ทองคำเคลื่อนไหวแคบๆ ท่ามกางดอลลาร์ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อจากกระแสเฟดที่จะคุมเข้มทางการเงิน จึงเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันราคาทองคำ

 

·         นักวิเคราะห์จากหน่วยงานอิสระบางราย มองว่า ทองคำมีการเผชิญแรงขายและแรงซื้อค่อนข้างหนักแม้ตลาดจะเคลื่อนไหวเบาบาง ก็อาจทำให้เกิดการแกว่งตัวอย่างมากได้

 

·         ซิลเวอร์ปิด -0.2ที่ 22.43 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด +0.8% ที่ 958.83 เหรียญ

 

·         พลาเดียมปิด -0.1% ที่ 1,855.31 เหรียญ

 

·         ดอลลาร์อ่อนค่า หุ้นขึ้น รับตลาดบรรเทาความกังวล Omicron ที่อาจไม่ส่งผลคุกคามเท่าการระบาดในช่วงก่อนหน้า

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.404% ที่ 95.879 จุด

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.75% ที่ 1.1347 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินเยนแข็งค่าอีก 0.1% ที่ 113.68 เยน/ดอลลาร์


·         
WHO ระบุว่า สายพันธุ์ Omicron อาจเปลี่ยนแปลงรูปแบบการระบาดของ Covid-19 ได้ และจะเห็นถึงการพบจำนวนยอดติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่าในแอฟริกาใต้ ในช่วงที่ Omicron กำลังระบาดเวลานี้

 

·         อังกฤษกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดและสั่ง Work From Home อีกครั้ง ท่ามกลางการระบาดของ Omicron

 

·         JPMorgan เล็งเห็นเศรษฐกิจโลกปี 2022 จะฟื้นตัวได้อย่างเต็มรูปแบบ และน่าจะเห็นจุดสิ้นสุดการระบาดของ Covid

·         รายงานการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่สหรัฐฯ เดือนต.ค. ขยายตัวเพิ่ม 431,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11 ล้านตำแหน่งซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ท่ามกลางการลาออกของแรงงานที่ลดลงเล็กน้อย

แต่ภาพรวมจะเห็นถึงการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานที่ลดลง จึงยังสะท้อนว่าสถานการณ์การขาดแคลนแรงงานอาจยังวิกฤต และอาจกดดันการเติบโตด้านการจ้างงานและเศรษฐกิจนองค์รวมได้


·         ประธานคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะรอฟังถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ ว่าที่ประธานเฟดสมัยสอง และนางลาเอล เบรนาร์ด ว่าทีรองประธานเฟดคนใหม่ ในเดือนม.ค. นี้

 

·             นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ยอมรับข้อตกลง Red Lines ของนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ในกรณียูเครน หลังรัสเซียมีการจัดตั้งกองทัพบริเวณแนวพรมแดนยูเครน


·         รองประธานอีซีบี ชี้ เงินเฟ้อยูโรโซนอาจใช้เวลานานในการกลับสู่กรอบเป้าหมาย 2% แต่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อเวลานี้ ก็ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าจะกลายมาเป็นแรงกดดันในเรื่องค่าแรง

อย่างไรก็ดี คงต้องรอฟังถ้อยแถลงการตัดสินใจต่อแนวทางการดำเนินนโยบายของอีซีบีในวันที่ 16 ธ.ค. นี้  ท่ามกลางระดับเงินเฟ้อยูโรโซนที่แตะ 4.9% ในเดือนที่แล้ว เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ภาคเอกชนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าเงินเฟ้อยูโรโซนจะกลับสู่กรอบที่อีซีบีกำหนดได้จนกว่าจะเข้าสู่ช่วงปลายปี 2022

·         ธนาคารกลางแคนาดา (บีโอซี) ตัดสินใจคงดอกเบี้ยที่ 0.25% และมีสัญญาณเตือนถึงความไม่แน่นอนเรื่อง Omicron แต่มีการกล่าวย้ำว่าเงินเฟ้อจะสูงต่อในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า และน่าจะกลับสู่ระดับเป้าหมาย 2% ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี

 

·         ธนาคารกลางอินเดียคงดอกเบี้ย - มองเศรษฐกิจเติบโต

·         CBDC ระบุว่า ภาพรวม Digital Euro และ Swiss Franc ทดสอบแล้วประสบความสำเร็จที่ดี แม้จะยังไม่ได้ออกในนาม CBDC ในทันที ท่ามกลางบรรดาธนาคารกลางบางแห่งที่ยังกังวลว่าสินทรัพย์ประเภท Crypto จะเป็นภัยคุกคามได้


·         หุ้น China Evergrande ทรุดทำ New Low ท่ามกลางวิกฤตหนี้ครั้งใหม่ ขณะที่ Kaisa บริษัทอสังหาฯจีนรายใหญ่อีกแห่ง “ผิดนัดชำระหนี้”

 

·         ‘เงินบาท’ วันนี้เปิด’แข็งค่า’ ที่33.45บาทต่อดอลลาร์

นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันนี้ ที่ระดับ  33.45 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.48 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์


สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดอาจช่วยหนุนให้ นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาเป็นฝั่งซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยมากขึ้นได้ และอาจพอช่วยหนุนให้ เงินบาทแข็งค่าขึ้น และเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาเก็งกำไรฝั่งเงินบาทแข็งค่าของผู้เล่นต่างชาติ ที่สะท้อนผ่านยอดซื้อสุทธิบอนด์ระยะสั้นราว 6.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝั่งซื้อบอนด์ระยะสั้นสุทธิ นับตั้งแต่ตลาดปรับฐานจากความกังวลการระบาดของ โอมิครอน


นอกจากนี้ หากพิจารณาสัญญาณเชิงเทคนิคัลจะพบว่า เงินบาทก็มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ไม่สามารถอ่อนค่าทะลุระดับ 34.00 บาท/ดอลลาร์ไปได้ โดยการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา นอกเหนือจากฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาตินั้น เราเชื่อว่าอาจมาจากโฟลว์ขายเงินดอลลาร์ของผู้ส่งออกในช่วงปลายปีที่ช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท


·         ด้านสถานการณ์ Covid ในไทย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4,203 ราย เสียชีวิตอีก 49 ราย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com