• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2564

    1 ธันวาคม 2564 | Gold News



ทองคำอ่อนตัวจากถ้อยแถลงประธานเฟดเชิง Hawkish

ราคาทองคำปิดแดนลบหลังจากที่ช่วงต้นตลาดปรับขึ้นไปกว่า 1% ทะยานเหนือ 1,800 เหรียญ รับข่าวความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของสายพันธุ์ Omicron ก่อนจะปิดแดนลบจากถ้อยแถลงของประธานเฟด

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.7% ที่ 1,773.21 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -0.5% ที่ 1,776.5 เหรียญ

 

·         นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ทุกคคนมีความเซอร์ไพร์สเล็กน้อยต่อท่าทีของประธานเฟดที่เป็นไปในเชิง Hawkish มากขึ้น ซึ่งเฟดอาจมีแนวโน้มที่จะมีการเผยเป็นนัยมากขึ้นในเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ภาพระยะยาว ทองคำอาจยังได้รับอานิสงส์จากการที่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ระบาด

 

·         ซิลเวอร์ปิด -0.1% ที่ 22. 86 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด -2.6% ที่ 938.50 เหรียญ
·         พลาเดียมปิด -3.5% ที่ 1,732.50 เหรียญ



·         รายงานจาก BofA Global Research กล่าวว่า แนวโน้มปี 2022 จะเห็นได้ถึงการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นของแผงโซลาเซลล์ที่น่าจะมาเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาซิลเวอร์ได้

ขณะที่แพลทินัมรีบาวน์และมีการซื้อขายที่จะปรับสู่สภาวะปกติหลังเผชิญกับการขาดแคลนชิปในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ และพลาเดียมก็ดูจะได้รับอานิสงส์จากประเด็นดังกล่าวเช่นกัน

 

·         ดอลลาร์แข็งค่าต่อรับถ้อยแถลงประธานเฟดที่มองความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น สะท้อนท่าที Hawkish จึงเห็นดัชนีดอลลาร์ปิด +0.1% ที่ 96.331 จุด

 

·         ประธานเฟด กล่าวถึงการที่เฟดอาจจะหารือเรื่องการเร่งลด QE ในการประชุมเดือนธ.ค. นี้

ในการปรากฎตัวของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ต่อหน้าคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐฯ มีการระบุถึงแนวความคิดที่จะลดการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนที่อาจจะเร่งลดได้มากกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน ที่เพิ่งประกาศไปในการประชุมช่วงต้นเดือนพ.ย.

นายโพเวลล์ ยังมีการบ่งชี้ ถึงการที่เฟดจะให้ความสนใจต่อการต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อและผลกระทบเชิงลบรวมไปถึงความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะก่อให้เกิดอุปสรรคต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากการระบาดของสายพันธุ์ Omicron Covid-19

 

·         “ริชาร์ด แคลริด้า” รองประธานเฟด ระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อสูงปีนี้ ไม่ถือว่าเป็น “ความสำเร็จ” และเราอาจเผชิญเงินเฟ้อสูงกว่าเป้า 2% ต่อในปีหน้า

ขณะที่สมาชิกเฟดส่วนใหญ่ไม่ได้พอใจกับการที่เงินเฟ้อทะยานเหนือเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเงินเฟ้อดูจะสูงกว่าเป้าหมายมากประมาณ 
4% หรือ 5%

 

·         U.S.10 Yield ทรุดต่ำกว่า 1.45% จากกระแสข่าว Omicron

 

·      ที่ปรึกษาองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) รับรองกระบวนการรักษา Covid ด้วยยาเม็ดของบริษัท Merck แม้ว่าจะเล็งเห็นถึงประสิทธิภาพที่ลดลงและคำถามด้านความปลอดภัย ท่ามกลางสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาด

 

·         CEO ของ Moderna ยังระบุกับ Financial Times ถึงความคาดหวังที่จะเห็นวัคซีนให้ประสิทธิภาพน้อยลงในการต้านสายพันธุ์ใหม่ และอาจใช้เวลาหลายเดือนในการพัฒนาและขนส่งวัคซีนที่สู้กับ Omicron ได้เฉพาะ

 

·         บริษัท Regeneron  ระบุว่า กระบวนการรักษาด้วย Antiboday อาจสะท้อนถึงประสิทธิภาพที่ลดลงอีกสำหรับสายพันธุ์ Omicron

 

·         EMA ชี้ การทบทวนข้อมูลวัคซีนสู้ Omicron อาจได้รับการอนุมัติใน 3-4 เดือนนี้

 

·         บราซิลถือเป็นชาติแรกในแถบละตินอเมริกาที่พบรายงานการติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron

 

·         เงินเฟ้อสูง และการกลับมาของ Covid กระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ

รายงานจาก Conference Board สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯปรับตัวลดลงทำต่ำสุดรอบ 9 เดือน ในเดือนพ.ย. ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพ และความเปราะบางทางเศรษฐกิจจาก Omicron จากนี้

แต่ภาพรวมมุมมองความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4/2021 ณ ปัจจุบัน ยังคงสะท้อนถึงความแข็งแกร่ง




ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. ปรับตัวลงแตะ 109.5 จุด ถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ก.พ. หลังต.ค. ขยายตัวได้ 111.6 จุด



รายงานดัชนีวัดราคาบ้าน 20 เขตของสหรัฐฯ สะท้อนราคาบ้านเพิ่มขึ้น 19.1% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ย. ลดลงหลังเดือนส.ค. ขยายตัวได้ 19.6%

 

 

·         เงินเฟ้อยูโรโซนปรับขึ้นทำสูงสุดประวัติศาสตร์แตะ 4.9% เดือนพ.ย. ก่อให้เกิดคำถามว่าอีซีบีจะดำเนินการด้านนโยบายอย่างไรต่อไป

 

·         ค่าเงินลีราตุรกีทรุดทำต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลัง “เออโดแกน” ประธานาธิบดีตุรกียังคัดค้านการขึ้นดอกเบี้ย และหนุนการลดดอกเบี้ยมากขึ้นเป็นสองเท่า

ค่าเงินลีราทำต่ำสุดที่
 13.47 ดอลลาร์/ดอลลาร์ ระหว่างวันทำต่ำสุดประวัติการณ์ที่ 13.45 ดอลลาร์/ลีรา ท่ามกลางความกังวลเรื่องนโยบายการเงินของประเทศ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับสายพันธุ์ Omicron

 

·         OPEC+ เปิดฉากเริ่มเจรจาช่วง วันท่ามกลางราคาน้ำมันร่วง

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวฐานเศรษฐกิจ

- ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ "แข็งค่า" ที่ระดับ  33.67 บาท/ดอลลาร์

 

นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย ระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท แม้ว่า ในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ แต่ยังคงมองว่า ในระหว่างวันเงินบาทยังคงมีแรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าอยู่ จากความกังวลปัญหาการระบาดของ Omicron

 

สัญญาณเชิงเทคนิคในระยะสั้นยังคงชี้ว่าเงินบาทยังมีแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ นอกจากนี้ การย่อตัวลงของราคาทองคำสู่ระดับ 1,775 เหรียญ หลังประธานเฟดสนับสนุนการเร่งลดคิวอี อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดทองคำบางส่วน เข้ามาเก็งกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำในระยะสั้น ทำให้โฟลว์การซื้อทองคำบนสกุลเงินดอลลาร์ตามจังหวะ Buy on Dip อาจกดดันค่าเงินบาทได้ในช่วงนี้

 

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55-33.75 บาท/ดอลลาร์


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com