• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564

    19 พฤศจิกายน 2564 | Gold News
     

·         ทองมีแนวโน้มปิดสัปดาห์แดนลบ จากกระแสเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

 

ราคาทองคำวันนี้แกว่งตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่มีแนวโน้มปิดสัปดาห์แดนลบครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ จากเงินเฟ้อพุ่ง หนุนโอกาสเฟดทำการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด จึงเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ

นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก หนึ่งในสมาชิกเฟดที่มีสิทธิโหวตนโยบายในปีนี้ กล่าวว่าเมื่อวานถึงการ “เปิดกว้าง” ต่อการปรับนโยบายการเงินในปีหน้า หากเงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง

·         สวิสเซอร์แลนด์มีการส่งออกทองคำไปยังจีนในเดือนต.ค. “เพิ่มขึ้น” นับตั้งแต่ก.ค. ปี 2018 ขณะที่การส่งออกทองไปอินเดีย “ลดลง” จากเดือนก.ย.

 

·         Kitco ระบุว่า ทองคำเดือนพ.ย. ปรับขึ้นได้กว่า 100 เหรียญ แต่ ณ ขณะนี้ราคากำลังเคลื่อนไหวสะสมพลัง



สำหรับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทองคำปรับขึ้นมายืนเหนือ 1,800 เหรียญได้ และบรรดานักวิเคราะห์หวังเห็นทองไปสู่เป้าหมาย 1,900 เหรียญ

 

·         Capital Economics คาด “ท่าทีเฟด” จะเป็นตัวกดดันทองลงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

รายงานจาก Capital Economics ระบุว่า แม้จะมีความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ แต่ทองคำก็ไม่มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นได้ต่อในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ท่ามกลางเฟดที่เริ่มต้นคุมเข้มทางการเงิน

ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อสูง ของสหรัฐฯ อาจเป็ฯอุปสรรคต่อตลาดที่จะทำให้เราเห็นอุปสงค์สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่า การคุมเข้มที่เพิ่มมากขึ้นของเฟดจะเป็นตัวทำให้อัตราดอกเบี้ยแท้จริงขยับตัวสูงขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพียงพอที่จะมีผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

·         นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Commerzbank ชี้  ซิลเวอร์เผชิญภาวะขาดแคลนอุปทาน

อ้างอิงรายงานจาก
Silver Institute ที่ระบุภาวะอุปทานซิลเวอร์ลดลงเมื่อไม่นานมานี้ และมีแนวโน้มจะเห็นอุปทานซิลเวอร์ลดลงมาแถว 7 ล้านออนซ์อีกครั้งในปีนี้ ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกที่อยู่ระดับดังกล่าวนับตั้งแต่ปี 2015

ขณะที่ภาพรวมของอุปสงค์ซิลเวอร์ ถูกคาดว่าจะโตดไ 15
% ที่ระดับ 1.29 พันล้านออนซ์ ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี

 

·         เศรษฐกิจสหรัฐฯปรับขึ้นแข็งแกร่ง ท่ามกลางจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง และการผลิตปรับตัวสูงขึ้น

 

·         สภาผู้แทนสหรัฐฯ เลื่อนลงมติร่างโครงสร้างพื้นฐาน 1.75 ล้านล้านเหรียญของไบเดน

การเลื่อนโหวตร่างงบประมาณจะเป็นคืนวันศุกร์นี้ 20.30น. (ตามเวลาประเทศไทย)

 

·         “เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ “ยัน” แผนค่าใช้จ่ายด้นาสังคมและภูมิอากาศ 1.75 ล้านล้านเหรียญ ต้องได้รับการอนุมัติ “เต็มจำนวน”

ทั้งนี้ กฎหมาย "Build Back Better" อาจเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดระดับหนี้สหรัฐฯ จากการประเมินสำนักงานงบประมาณสหรัฐฯ(CBO), คณะกรรมาธิการร่วมด้านการจัดเก็บภาษี และกระทรวงการคลัง  ประกอบกับแผนดังกล่าว อาจสร้างรายได้ให้แก่สหรัฐฯมากกว่า “2 ล้านล้านเหรียญ” ที่จะมีการได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรมร่วมกันจากประชาชนที่ร่ำรวยของสหรัฐฯ และบริษัทขนาดใหญ่

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ อาจมีการเพิ่มทุนมากขึ้นสำหรับการต่อสู้กับผู้เสียภาษีที่ไม่ใช่ภาษีของรัฐบาล เพื่อให้เกิดรายได้รัฐฯเพิ่มอีก 4 แสนล้านเหรียญ แม้ว่ารายละเอียดนี้จะไม่ได้ถูกรวมในการประเมินของ
CBO ก็ตาม

 

·         Reuters เผย มุมมองบรรดาบริษัทจัดอันดับ ชี้ แผนค่าใช้จ่ายไบเดนจะไม่เป็นการเพิ่มแรงกดดันด้าน “เงินเฟ้อ”

 

·         เยอรมนีประกาศใช้ “มาตรการเข้มงวดรอบใหม่” สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ท่ามกลางยอดติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศที่ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

·         ญี่ปุ่นเผยแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินสูงเป็นประวัติการณ์ 4.90 แสนล้านเหรียญ ท่ามกลางทั่วโลกที่มีแนวโน้มยุติ QE

 

·         Reuters Poll เผย แนวโน้มดัชนี Core CPI ของญี่ปุ่น มีแนวโน้มสะท้อนเงินเฟ้อขยายตัวได้อย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 1 ปี

 

·         ธนาคารกลางจีน (PBoC) คงดอกเบี้ยเงินกู้ แม้บรรดาสมาชิกธนาคารจะให้ความสนใจเรื่อง “ความเสี่ยงภาคอสังหาริมทรัพย์”

 

·         การอุปโภคบริโภคอุตสาหกรรมไฟฟ้าในจีนเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี  นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนของปีนี้

 

·         Reuters Poll สะท้อนมุมมอง ยอดส่งออกไต้หวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 20

 

·         สภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของอินเดีย คาด เศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวได้ 7% - 7.5% ในช่วงปี 2022 – 2023

 

 

·         ยอดงบดุลไตรมาสที่ 3/2021 ของอินโดนีเซีย มียอดเกินดุลมากสุดรอบ 12 ปี

 

·         การส่งออกก๊าซของเยอรมนีไปยังท่อส่งน้ำมัน Yamal ยังคงที่ แม้ระดับราคาจะผันผวน

 

·         ราคาน้ำมันมีสเถียรภาพมากขึ้น แม้ตลาดจะแกว่งตัวตามโกอาสการปล่อยน้ำมันสำรองด้านยุทธศาสตร์ นำโดยสหรัฐฯ และจีน เป็นต้น

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 28 เซนต์ หรือ +0.3% บริเวณ 81.52 เหรียญ/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 19 เซนต์ บริเวณ 79.20 เหรียญ/บาร์เรล

 

ที่มา: Kitco, CNBC, Reuters


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com