• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564

    18 พฤศจิกายน 2564 | Gold News

   


ราคาทองคำปิดปรับตัวขึ้นท่ามกลางตลาดกังวล “เงินเฟ้อ” หนุน Safe-Haven

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.9% ที่ระดับ 1,865.66 เหรียญ
หลังจากที่ช่วง 2 วันก่อนหน้า ราคาปรับตัวลดลงหลังปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง 7 วันทำการ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.9% ที่ระดับ 1,870.20 เหรียญ

 

·         กองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม 0.88 ตัน หลังจากไม่ได้ทำอะไรมาต่อเนื่อง 3 วันทำการ โดยปัจจุบันถือครองทองคำเพิ่มมาที่ 976.87 ตัน



 

ภาพรวมกองทุนทองคำ SPDR ยังคงมีการเทขายต่อเนื่อง 5 เดือนติดต่อกัน โดย ณ ปัจจุบัน เดือนพ.ย. ขายออกแล้ว 5.27 ตัน  ถือเป็นการเทขายครั้งที่ 9 ในรอบ 11 เดือน ตลอดทั้งปี มีการถือครองทองคำในสถานะ “ขายสุทธิ” 193.87 ตัน

 

·         ผู้อำนวยการฝ่ายการซื้อขายจาก High Ridge Futures กล่าวว่า ราคาทองคำและซิลเวอร์ยังได้รับอานิสงส์จากแรงกดดดันด้านเงินเฟ้อระดับสูง แต่หากสมาชิกเฟดต่างๆมีถ้อยแถลงในเชิงการส่งสัญญาณเร่งการลด QE เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ หรือเชื่อว่าควรปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดก็จะกลายมาลด “แรงกดดันเงินเฟ้อ” และกดดันตลาดทองคำแทน

 

·         เฟดจะเริ่มต้นทำ Tapering QE ในเดือนนี้ และมีการคาดการณ์กันว่าจะจบการดำเนินการในช่วงราวกลางปี 2022 ขณะที่การประชุมเฟดวาระต่อไปจะเกิดขึ้นช่วงกลางเดือนธ.ค. (14 – 15 ธ.ค.)

 


·         นักวิเคราะห์จาก Kinesis Money มองว่า โอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยยังคงเป็นความเสี่ยง่สำหรับตลาดทองคำ และทองคำจะกลับเป็นขาขึ้นได้อย่างชัดเจนหากสามารถ Break เหนือ 1,875 เหรียญได้

 

·         เงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นเวลานี้ โดยส่วนใหญ่เป็นผลพวงจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงยังสร้างความกังวลให้แก่ประเทศเศรษฐกิจอื่นๆ นอกจากสหรัฐฯด้วยเช่นกัน

 

·         เงินเฟ้ออังกฤษทะยานทำสูงสุดรอบ 10 ปี หนุนกระแสคาดการณ์บีโออีอาจตัดสินใจทำการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

 

·         แคนาดามีการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อรายปีปรับขึ้นทำสูงสุดตั้งแต่ก.พ. ปี 2003 ในเดือนต.ค. ที่ผ่านมา

 

·         สถาบัน Silver Institute เผย อุปสงค์ซิลเวอร์ทั่วโลกจะพุ่งขึ้นทำสูงสุดตั้งแต่ปี 2015 โดยคาดว่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นมาที่ 1.029 พันล้านออนซ์ในปีนี้ คิดเป็น +15% เมื่อเทียบกับปี 2020

 

·         ราคาซิลเวอร์ปิด +1.1ที่ระดับ 25.06 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด -0.1ที่ระดับ 1,060.40 เหรียญ

 

·         พลาเดียมปิด +1.2% บริเวณ 2,184.51 เหรียญ

 

·         กระแสเฟดขึ้นดอกเบี้ยดูจะกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่ปัญหาห่วงโซ่อุปทานยังเป็นอุปสรรคต่อการค้าปลีก


·         ข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้านใหม่สหรัฐฯ ร่วง – ข้อมูลการก่อสร้างเพิ่มขึ้นรวดเร็ว แม้จะเผชิญวิกฤตการขาดแคลนอุปทาน


ข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้านในสหรัฐฯปรับตัวลดลงเกินคาดในเดือนต.ค. แตะระดับ 1.52 ล้านยูนิต หรือลดลงไปกว่า -3.9% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ข้อมูลในเดือนก่อนหน้าถูกปรับทบทวนลงมาที่ 1.53 ล้านยูนิต ซึ่งข้อมูลล่าสุดถือเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 4 เดือนติด ทำต่ำสุดตั้งแต่ ส.ค. ปี 2020

ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างทะยานทำสูงสุดประวัติการณ์ 12.3% เมื่อเทียบรายปี


ยอดการขออนุมัติก่อสร้างบ้านปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค.ที่ระดับ 1.65 ล้านยูนิต


·         นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ระบุว่า การทำ Tapering QE จะเสร็จสิ้นการดำเนินการในช่วงกลางปี 2022  แม้ว่าเฟดจะเริ่มพิจารณาเงินเฟ้อ ที่อาจปรับตัวสูงขึ้นนานกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

·         นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกผู้ว่าการของเฟด กล่าวว่า Stablecoins ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบของธนาคารอย่างเต็มรูปแบบ

แต่ “จำเป็น” ที่ต้องมีกรอบการกำกับดูแลและมาตรการที่เข้มงวดว่า Stablecoin จะเป็นรูปแบบหนึ่งในการชำระเงินที่มี “ความปลอดภัย”

 

·         สมาชิกบีโออี เชื่อมั่นว่า “เงินเฟ้ออังกฤษ” จะสามารถอยู่ภายใต้การควบคุม และกลับสู่ระดับเป้าหมายที่บีโออีกำหนดไว้ที่ 2%

ขณะที่วันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการบีโออี เริ่มแสดงความวิตกกังวลว่าตลาดอาจสูญเสียความเชื่อมั่นต่อบีโออีในการต่อสู้กับเงินเฟ้อระดับสูง จึงเห็นท่าทีการส่งสัญญาณที่อาจเกิดขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

 

·         อีซีบี “เตือน” ปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์และตลาดการเงิน จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภูมิภาค พร้อมย้ำแนวทางการสนับสนุนใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำพิเศษ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเวลานี้

 

·         Reuters เผย สหรัฐฯ เรียกร้อง ญี่ปุ่น, จีน และนานาประเทศ ร่วมพิจารณาการปล่อยน้ำมันสำรองส่วนเกินของประเทศ เพื่อช่วยลดราคาพลังงานและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวขึ้นทำสูงสุดรอบ 7 ปี ในช่วงปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางอุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าช่วงก่อนไวรัสระบาดและเป็นการปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าอุปทาน  ขณะที่กลุ่ม OPEC+ ยังตรึงแนวทางการทยอยเพิ่มกำลังการผลิตที่ 400,000 บาร์เรล/วัน ในแต่ละเดือน ไม่สนใจเสียงเรียกร้องของนายไบเดน ที่ต้องการให้ช่วยกันร่วมลดราคาสูงกระทบประชาชนและเศรษฐกิจเวลานี้
 

·         สภาคองเกรสยังไม่ลงรอยเรื่องมาตรการเทคโนโลยีกับจีน ส่งผลให้สหรัฐฯเลื่อการลงมติร่างกฎหมายความมั่นคงของประเทศ มูลค่า 7.5 แสนล้านเหรียญ

 

·         China Evergrande ทำการขายหุ้นใน HengTen มูลค่า 273 ล้านเหรียญ

 

·         COVID-19 UPDATES:

 


ติดเชื้อสะสมทั่วโลกปรับขึ้นแตะ 255.67 ล้านราย และเสียชีวิตสะสม 5.137 ล้านราย ด้านรักษาหายสะสมอยู่ที่ระดับ 231 ล้านราย

 

·         Pfizer ยินยอมมอบสูตรให้ 95 ประเทศทั่วโลก ผลิตยา "แพ็กซ์โลวิด" แต่ไม่มีไทย

ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้การอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพ็กซ์โลวิดเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยคาดว่าจะอนุมัติให้กับยาโมลนูพิราเวียร์ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. และหลังจากนั้นจึงจะอนุมัติให้กับยาแพ็กซ์โลวิด

 

·         สถานการณ์ระบาดในไทยล่าสุด:


- รายงานวันนี้พบติดเชื้อเพิ่ม 6,901 ราย ตาย 55 ราย ATK อีก 2,106 ราย

- ภาพรวมไทยยังเจอโควิดทุกจังหวัด เปิดประเทศ บินเข้าไทย 5.5 หมื่นแล้ว 10 ประเทศเข้าไทยยังพบเชื้อโควิด


ศบค.เผยคนไทยอีก 11 ล้านคน ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด ชี้ 10 จังหวัดติดเชื้อสูงแต่ยังฉีดน้อย รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ฉีดได้แค่ 17.7 % แนะประชาชนแจ้งศูนย์ฉีดวัควีน


- ศบค. เปิด10 ประเทศเข้าไทย พบ “รัสเซีย-อังกฤษ” ติดโควิดมากสุด

 

·         เงินบาทสวิงสลับอ่อน-แข็งรายวัน ตามทิศทางดอลลาร์-เก็งกำไรทอง

นักบริหารการเงิน มองค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 32.63 บาท/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ชี้แนวโน้มช่วงนี้สวิงสลับอ่อน-แข็งรายวัน หลังดอลลาร์อ่อนค่า-นักลงทุนเก็งกำไรทอง จับตาสหรัฐฯ เลือกประธานเฟดคนใหม่

วันนี้คาดเงินบาทจะมีกรอบระหว่าง  32.55-32.70 บาท/ดอลลาร์

 

·         มุมมองเศรษฐกิจไทย:

หัวหน้านักเศรษฐศษสตร์กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และหัวหน้าทีวิจัยเศรษฐกิจธนาคารกรุงศรี ชี้ เศรษฐกิจไทยผ่านวิกฤต แต่คนไทยส่วนใหญ่กำลังวิกฤต

นอกจากนี้ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยจะผ่านจุดต่ำสุดแล้วช่วงไตรมาสที่ 3/2021 ที่ผ่านมา แต่เศรษฐกิจยังอยู่ในสภาวะ “เปราะบาง” คาดจีดีพีไทยปี 2565 อาจโตได้ 0.5 – 0.7จากเศรษฐกิจไทยปี 2563 ที่ติดลบ -6.1% จึงถือว่าโอกาสเติบโตในปี 2565 น้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจที่หดตัวลงมา


แนะจับตา 3 สัญญาณอันตราย


1. เรื่องสุขภาพ


2. เศรษฐกิจโลก


3. ความเสี่ยงที่กังวลมากขึ้นในเรื่อง “เงินเฟ้อ”

ดังนั้น ปีหน้าจึงเป็นปีแห่งความ “ท้าทาย” สำหรับธปท. เพราะจะเริ่มเห็นสัญญาณเงินเฟ้อสูงขึ้นแต่เศรษฐกิจไทยยังไม่ดี



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com