MTS Help Center

ดอลลาร์แกว่งตัวรอเงินเฟ้อสหรัฐฯ บททดสอบสำคัญเรื่อง “ดอกเบี้ย” เฟด

ค่าเงินเยนทำสูงสุดรอบ 1 เดือน ขณะที่ดอลลาณ์เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับแข็งค่ามากสุด โดยเหล่าเทรดเดอร์กำลังรอคอยการประกาศรายงานข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ และสัญญาณแนวโน้มของจีน ในขณะที่ Bitcoin ทำสูงสุดประวัติการณ์

ในวันพรุ่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของตลาดที่จะมีการประกาศ

- ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ต.ค.

- ข้อมูลดัชนีราคาภาคการผลิตจีน เดือน ต.ค.
เพราะจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงโอกาสที่ธนาคารกลางต่างๆ จะตัดสินใจเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่

ค่าเงินเยน ปรับแข็งค่าขึ้น 0.4% ในวันนี้ที่ระดับ 112.80 เยน/ดอลาร์

ค่าเงินยูโรแข็งค่าต่อ 0.2% มาที่ 1.1606 ดอลลาร์/ยูโร หลังสัปดาห์ที่แล้วทำต่ำสุดรอบ 15 เดือนที่ 1.15135 ดอลลาร์/ยูโร

ดัชนีดอลลาร์ อ่นอค่าล่ง 0.2% ที่ 93.878 จุด เคลื่อนไหวกรอบกลางของเดือนต.ค.

Fed Funds Futures ลดแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยจากเดือนก.ค. ปีหน้า เป็นช่วง “ก.ย.” หรือ “ต.ค.” ปีหน้า

บรรดานักวิเคราะห์จาก Standard Chartered คาดหวังจะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และน่าขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกช่วง Q3/2022

ค่าเงินปอนด์ล่าสุดทรงตัวที่ 1.3580 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ทำต่ำสุดบริเวณ 1.3425 ดอลลาร์/ปอนด์ เมื่อวันศุกร์

·         เงินบาทแข็งค่ามากสุดรอบ 2 เดือน ขณะที่หุ้นไทยขยับขึ้นแม้ปริมาณการซื้อขายน้อยก่อนทราบประชุมกนง.  ประกอบกับเหล่าเทรดเดอร์จับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ

·         Investing ชี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรุนแรง หลุดแนวรับลงมาอยู่ที่ 32.7 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาท แข็งค่าในวันนี้ โดยล่าสุดหลุดแนวรับที่ 33.00 บาท ในช่วงบ่ายปรับตัวลงมาอยู่ที่ 32.765 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 8 สัปดาห์ โดยปัจจัยหลักมาจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์

ค่าเงินบาทหลุดแนวรับที่ 33 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ตลาดมีแนวโน้มว่านักลงทุนต่างชาติบางส่วนอาจแลกเงินเข้ามาลงทุนหุ้นกลุ่ม Reopening หนุนเศรษฐกิจในประเทศ หลังสถานการณ์โควิดในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย

·         Bitcoin และ Ether ทะยานทำสูงสุดใหม่ประวัติการ์ รับเม็ดเงินที่ไหลหนักสู่ตลาด Cryptocurrency

Bitcoin ทำสูงสุดที่ 68,564 เหรียญในเอเชีย
Ether ทำสูงสุดช่วงต้นตลราดที่ 4,825 เหรียญ

อย่างไรก็ดี ภาพรวมของทั้ง 2 เหรียญยอดนิยมมีการปรับขึ้นมากกว่าเท่าตัวตั้งแต่เดือนต.ค. และนับตั้งแต่เริ่มเดือนต.ค. ขยับขึ้นมาแล้วเกือบ 70%

ที่มา: CNBC, Reuters