• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 ตุลาคม 2564

    12 ตุลาคม 2564 | Gold News

ทองขึ้น จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

 

·         ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวสูงขึ้นของเงินเฟ้อ แม้จะถูกจำกัดจากการปรับแข็งค่าของดอลลาร์และกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะเริ่มประกาศทำ Tapering QE ในเดือนหน้า

 

·         ราคาทองคำตลาดโลก +0.3% ที่ระดับ 1,758.25 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. +0.1% ที่ระดับ 1,758.20 เหรียญ

 

·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

 

·         หุ้นส่วนผู้จัดการของ SPI Asset Management กล่าวว่า ราคาทองยังแกร่งและมีแนวโน้มจะได้รับปัจจัยหนุนจากภาวะ Stagflation กับประเด็นการเติบโตทางเศรษบกิจ

 

·         อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่ได้ทำอะไรมากก่อนรายงานการประชุมเฟดในเดือนก.ย. ที่ผ่านมา

 

·         ความกลัวเรื่องเงินเฟ้อที่เกิดจากวิกฤตพลังงานทั่วโลก และปัญหาหนี้ที่ China Evergrande ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชีย

 

·         ขณะที่ตลาดกำลังรอคอยรายงานประชุมเฟดในวันที่ 21-22ก.ย. และข้อมูลเงินเฟ้อที่จะประกาศในสัปดาห์นี้

 

·         ราคาซิลเวอร์ +0.1% ที่ระดับ 22.59 เหรียญ

·         ราคาแพลตินัม +0.2% ที่ระดับ 1,010.38 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียม -0.4% ที่ระดับ 2,104.01 เหรียญ หลังปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.ที่บริเวณ 2,182.67 เหรียญเมื่อวานนี้

 

·         "เยลเลน"  รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยว่า ผลการสอบสวนนางจอร์เจียฟวา  ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ถูกหลักกฎหมาย

 

 

·         ไอเอ็มเอฟ แสดงความเชื่อมั่นต่อ "นางคริสตาลีนา จอร์เจียฟวา" ในฐานผู้นำไอเอ็มเอฟต่อไป


·         พนักงานของอังกฤษเพิ่มขึ้น 207,000 คนในเดือนก.ย. ทำให้การจ้างงานปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะสิ้นสุดโครงการช่วยเหลือค่าจ้างของรัฐบาล

ด้านอัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.5% ในช่วงสามเดือนถึงเดือนส.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Reuters คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงเหลือ 4.5% จากเดิม 4.6% ในช่วงสามเดือนถึงเดือนก.ค.

 

·         การใช้จ่ายในเดือนก.ย.ของนักช้อปชาวอังกฤษอยู่ในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศติดอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนเชื้อเพลิง

British Retail Consortium กล่าวว่า การใช้จ่ายด้านการค้าปลีกสูญเสียโมเมนตัมมากขึ้นในเดือนที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งอ่อนแอกว่าการเพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนส.ค.อย่างมาก

  

·         จีนไม่ใช่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่กำลังเผชิญการขาดแคลนถ่านหินหรือ "วิกฤตด้านพลังงานเวลานี้

"อินเดีย" ก็กำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานเช่นกัน เนื่องด้วยโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ และปริมาณถ่านหินของอินเดียในคลังก็อยู่ระดับ "ต่ำ" เป็นอย่างยิ่งในสภาวะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ประกอบกับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ถ่านหิน ถือเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของการผลิตไฟฟ้าในอินเดีย

 

·         ข้อมูลอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ของจีนเดือนก.ย.ร่วงลง 19.6% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเป็นเวลานานทำให้การผลิตหยุดชะงัก

 

·         ข้อมูลจากสมาคมรถโดยสารจีน แสดงให้เห็นว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของสหรัฐฯ Tesla ขายรถยนต์ที่ผลิตในจีนได้ 56,006 คันในเดือนก.ย. ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มผลิตในเซี่ยงไฮ้เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว 

 

·         ผลสำรวจจาก Reuters เผย การเติบโตของการส่งออกของจีนเดือนก.ย.น่าจะชะลอตัวลงจากการควบคุมไฟฟ้า

 

·         รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมเปิดฉากเลือกตั้งในวันที่ 31 ต.ค. นี้ ซึ่งพรรครัฐบาลดูจะมุ่งเน้นไปยังการรณรงค์มาตรการเข้มงวดในการสิ้นสุดการระบาด ประกอบกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านความมั่นคงเพิ่ม

 

·         ญี่ปุ่นเผชิญกับความเหลื่อมล้ำมากขึ้นหลังใช้นโยบาย Abenomics

Reuters เผยข้อมูลที่สะท้อน ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ยอดขายรถหรูก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกรุงโตเกียว หลังมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบาย Abenomics มาเป็นเวลา ปี  แต่ความมั่งคั่งครั้งใหม่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เล็กๆของสังคมมากกว่าจะกระจายเป็นวงกว้าง  จึงส่งผลให้ญี่ปุ่นกำลังเผชิญความไม่เท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้นหลังจากใช้นโยบายดังกล่าว

 

·         ธนาคารกลางของเกาหลีใต้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% หลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในเดือนพ.ย. เพื่อควบคุมเงินเฟ้อและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น


·         ไต้หวัน เรียกร้อง ออสเตรเลียสนับสนุนข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาค เพื่อเข้าร่วมสนธิสัญญา CPTPP ทั่วแปซิฟิก ขณะที่จีนแสดงการคัดค้าน โดยไต้หวัน ระบุว่า การเข้าร่วมข้อตกลงจะสามารถช่วยเพิ่มการค้าด้านเทคโนโลยีระดับสูง รวมถึงความต้องการแร่ธาตุของออสเตรเลีย

 

·         มาเลเซีย หวังให้ "อาเซียน" มีมติเอกฉันท์ ต่อการบรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญานิวเคลียร์กับทางออสเตรเลีย

ทั้งนี้ มาเลเซีย หวังว่าจะเกิดฉันทามติที่ชัดเจนมากขึ้นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงอินโด-แปซิฟิกครั้งใหม่ ระหว่างออสเตรเลียสหรัฐฯ และอังกฤษ

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอัฟกานิสถาน แสดงความต้องการผูกสัมพันธ์อันดี แต่จำเป็นต้องใช้เวลาเรื่องการศึกษาสำหรับสตรี

ทั้งนี้ เขามีการหลีกเลี่ยงการยืนยันที่จะมอบการศึกษาแก่สตรี แม้จะมีข้อเรียกร้องจากนานาชาติในการให้เด็กๆ รับการศึกษาทุกคน

  

·         ดร. สก็อต ก็อททิเลียบ อดีตผู้อำนวยการ FDA สหรัฐฯ ระบุว่า "ยาเม็ด Covid-19" ของบริษัท Merck สร้างความแตกต่างได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ หากองค์กรอาหารและยามีการลงนามอนุมัติใช้ ก็อาจจะเป็นยาเม็ดต้าน Covid-19 ตัวแรก และคาดว่าชาวสหรัฐฯจะได้รับตัวยาดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้

 

·         นิวซีแลนด์พยายามผลักดันการเพิ่มการฉีดวัคซีน Covid-19 ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com