MTS Help Center

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.5% ที่ระดับ 1,760.30 เหรียญ
ถือเป็นการปิดปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ของตลาด Comex ปิด -0.4% ที่ 1,760.9 เหรียญ

·         ราคาทองคำระหว่างวันปรับตัวลดลงไปมากถึง -1.2% โดยได้รับแรงกดดันมาจาก

- ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ปิด +0.13% ปิดที่ 93.957 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ปรับขึ้นจากกังวลเงินเฟ้อ-เพดานหนี้สหรัฐฯ กลับมายืนเหนือ 1.5% อีกครั้ง ปิดแถว 1.5327%
- ตลาดหุ้นรีบาวน์ นำโดยดาวโจนส์ปิดทะยานกว่า 300 จุด รับหุ้นเทคโนโลยีฟื้น - หุ้นพลังงานขานรับราคาน้ำมัน
- นักลงทุนปรับลดสถานะรอคอยข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ Non-Farm Payrolls ศุกร์นี้ ที่อาจมีผลต่อการทำ Tapering QE ของเฟด

·         ผู้อำนวยการฝ่ายการซื้อขายจาก High Ridge Futures กล่าวว่า การปรับขึ้นของดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากที่เผชิญแรงเทขายในวันก่อนหน้า ดูจะเป็นปัจจัยที่กลับมาฉุดทองคำปรับตัวลง

 

·         นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank ชี้ ทองคำอาจขยับขึ้นได้บ้าง แต่ถ้าจะกลับมาเป็นขาขึ้นต้อง Break เหนือ แนวต้านสำคัญทางเทคนิคให้ได้ โดยเฉพาะระดับ DMA ราย 21 วัน

 

·         นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco กล่าวว่า การแข็งค่าของดอลลาร์ถือเป็นปัจจัยลบต่อตลาดโลหะมีค่า ขณะที่ความไม่แข็งแรงของตลาดหุ้นดูจะช่วยจำกัดการปรับลงของทองคำจากสภาวะ Safe-Haven ได้

 

·         ซิลเวอร์ปิด -0.3% ที่ 22.59 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด -0.5% ที่ 962.59 เหรียญ

·         พลาเดียมปิด +0.2% ที่ 1,909.33 เหรียญ

 

·         Bitcoin พุ่งกลับเหนือ 50,000 เหรียญอีกครั้งจากความต้องการของนักลงทุนสถาบัน

 

·         ไอเอ็มเอฟคาดจีดีพีโลกปีนี้มีโอกาสลดลงต่อ ย้ำถึงประเด็น "เงินเฟ้อ" - "ความแตกต่างด้านวัคซีน"

 

นางคริสตาลินา จอร์เจียฟวา ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ไอเอ็มเอฟ มองว่า จีดีพีโลกในปี 2021 นี้ อาจเติบโตได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ในเดือนก.ค.ที่ 6% โดยเป็นผลมาจาก
- ความเสี่ยงของระดับหนี้สิน 

- ปัญหาเงินเฟ้อ 

- ความแตกต่่างของแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากวิกฤต Covid-19

  

·         ข้อมูลกิจกรรมภาคบริการสหรัฐฯดีขึ้นแตะ 61.9 จุดในเดือนก.ย.

ขณะที่ยอดขาดุลการค้าพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ล่าสุดยอดขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นอีก 4.2% สู่ระดับสูงสุดประวัติการณ์ 7.33 หมื่นล้านเหรียญในเดือนส.ค.

ข้อมูลการค้าล่าสุดส่งผลให้เฟดสขาแอตแลนต้าทำการหั่นคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯไตรมาสที่ 3/2021 สู่ระดับ 1.3% จากเดิมที่คาดไว้ 2.3%  (จีดีพีไตรมาสที่ 2/2021 โตได้ 6.7%)

 

·         แหล่งข่าว เผย ทำเนียบขาวจะเชิญเชิญผู้นำด้านธุรกิจต่างๆ หารือร่วมกับ “ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อร่วมกันผลักดัน “รีพับลิกัน” เรื่องกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประเมินว่า หากไม่สามารถตกลงกันได้ภายใน 18 ต.ค.จะทำให้สภาคองเกรสผิดนัดชำระหนี้ โดยที่หนี้สินรัฐบาลในปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 2.84 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งทั้งหมดอาจทำให้เกิดความเป็นไปได้เชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

·         เยลเลน ย้ำ สหรัฐฯจะเผชิญภาวะถดถอยหากสภาคองเกรสไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ใน 2 สัปดาห์ มิเช่นนั้นเศรษฐกิจจะดิ่งลงสู่ภาวะถดถอย 

 

·         “ชัคส์ ชูมเมอร์ส” ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ กำหนดลงมติ “เพดานหนี้สหรัฐฯ” คืนนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น เพราะอาจเสี่ยงที่จะส่งผลเสียทางเศรษฐกิจและการผิดนัดชำระหนี้หากไม่สามารถตกลงกันได้

 

·         ขณะที่ “รีพับลิกัน” ยืนกรานจะทำการคัดค้านการดำเนินการดังกล่าว

 

·         Moody’s Investors คาดว่า สหรัฐฯจะทำการเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ที่อาจกระเทือนต่อแนวโน้มความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ที่ระดับ Aaa ในปัจจุบัน

 

·         ไบเดน ชี้ สหรัฐฯ เสี่ยงสูญเสียความได้เปรียบ หากปราศจากการใช้จ่ายด้านโครงสรางพื้นฐานขนาดใหญ่

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ  เตือนว่า “ความล้มเหลว” ในการผ่านแพ็คเกจค่าใช้จ่ายขนาดใหญ่เพื่อสังคมและโครงการต่างๆ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯตกต่ำลงได้ ท่ามกลางสมาชิกเดโมแครตที่ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเรื่องแพ็คเกจของเขา

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญ และแผนโครงสร้างพื้นฐานพื่อการลงทุนและสังคมอีก 3.5 ล้านล้านเหรียญ ขณะที่กำลังเผชิญกับโอกาสการปรับลดวงเงิน

 

·         USTR กำลังทำผลสำรวจความเห็นประชาชนเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีนำเข้าจีนจำนวน 549 รายการในปัจจุบัน

 

·         “เอลิซาเบธ วอร์เร็น” ส.ว.เดโมแครต ค้านการตั้ง “เจอโรม โพเวลล์” ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อสมัย 2 เนื่องจากเป็นบุคคล “ล้มเหลว” ในฐานะการเป็นผู้นำ รวมทั้งการจัดการกับข้อกำหนดด้านระบบการเงิน

 

·         ทำเนียบขาวเผย “ไบเดน” ดูจะมั่นใจต่อการดำรงตำแหน่งของประธานเฟด

 

·         บริษัทนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีน ผิดนัดการจ่ายชำระหนี้พันธบัตร เพิ่มควมตึงเครียดว่าจะเผชิญการขยายวิกฤตต่อจาก Evergrande

ล่าสุดบริษัท Fantasia Holdings และ Sinic Holdings ก็ดูจะเสี่ยงเผชิญกับสถานการณ์การขาดสภาพคล่องด้านกระแสเงินสด

ทั้งนี้ บริษัท Fantasia ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้พันธบัตรมูลค่า 207 ล้านเหรียญได้ จึงส่งผลกระทบงต่อการเคลื่อนไหวในตลาดฮ่องกง และทำให้เกิดคำสั่งระงับการซื้อขายหุ้นบริษัทดังกล่าวไปจนถึง 9 ก.ย.นี้ หลังหุ้นบริษัทดังกล่าวร่วงลงกว่า 60% ในปีนี้

 

·         ราคาก๊าซพุ่งทำสูงสุดประวัติการณ์ในยุโรปจากความกังวลด้านอุปทาน - น้ำมันดิบยังปิดสูงต่อเนื่อง

 

·         COVID-19 UPDATES:

ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 400,000 รายวานนี้ ส่งผลให้ยอดติดเชื้อทั่วโลกสะสมสูงถึง 236.56 ล้านราย แต่เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่ำหลักหมื่นต่อเนื่อง ล่าสุดสะสมที่ 4.83 ล้านราย

รักษาหายทั่วโลกสะสมรวมกว่า 213.68 ล้านราย

 

·         สถานการ์ณติดเชื้อในไทยวันนี้ เพิ่ม 9,866 ราย เสียชีวิต 102 คน

·         เงินบาทเปิดอ่อนค่าเช้านี้ 33.83 บาท/ดอลลาร์ คาดวันนี้แกว่งตัวกรอบ 33.75 – 33.90 บาท/ดอลลาร์ ยังมีโอกาสอ่อนกลับทดสอบ 34 บาท/ดอลลาร์ จนกว่าตลาดการเงินโดยรวมจะกล้ากลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น

 

นักบริหารการเงิน มองว่า วันนี้เงินบาทอาจอ่อนค่าต่อตามการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยเฉพาะหากการจ้างงานเอกชนสหรัฐฯ (ADP) ในคืนนี้ออกมาดีเกินคาด นอกจากนี้ ควรจับตาความผันผวนของราคาน้ำมันดิบด้วย

 

สำหรับสถานการณ์หุ้นไทยวานนี้ชะลอร้อนแรง เอฟเฟ็กต์หุ้นเทคสหรัฐดิ่ง “ราคาน้ำมันพุ่งประคองตลาด”

 

·         ที่ประชุมครม. ถกสถานการณ์น้ำมัน คาดพ้นหนาวนี้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นแน่

 

·         S&P Global Ratings คงอันดับความน่าเชื่อถือไทยที่ระดับ BBB+ มองแนวโน้มความน่าเชื่อถืออยู่ระดับมีเสถียรภาพ และคาดจีดีพีไทยปีนี้จะโตได้ 1.1% โดยเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ในปี 2023