• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 5 ตุลาคม 2564

    5 ตุลาคม 2564 | Gold News


ทองร่วง ดอลลาร์แข็ง ตลาดจับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ

 

·         ราคาทองคำร่วงลง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่อ่อนตัวลง ท่ามกลางตลาดที่กำลังรอคอยตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจทำถอนนโยบายการเงินของเฟด

 

·         ราคาทองคำตลาดโลก -0.6% ที่ระดับ 1,758.27 เหรียญ หลังจากปรับขึ้นไปแตะบริเวณ 1,770.41 เหรียญ เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. -0.6% ที่ระดับ 1,757.30 เหรียญ

 

·         ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้น ด้านตลาดตราสารทุนร่วงลงจากความกังวลเกี่ยวกับราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

·         นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสที่ OANDA กล่าวว่า หุ้นที่อ่อนตัวลงได้กระตุ้นให้นักลงทุนชาวเอเชียกลับเข้าซื้อดอลลาร์ และกดดันทองคำ โดยราคาทองคำจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,750-1,785.00 เหรียญ ก่อนทราบข้อมูลรายงานการจ้างงานสหรัฐฯ

 

·         ปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ

ความกังวลอัตราเงินเฟ้อ

ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เปราะบาง

วิกฤตหนี้ของ China Evergrande

ปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ

 

·         แม้ว่าความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจจะช่วยหนุนทองคำ แต่ทิศทางนโยบายการเงินของเฟดจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของราคาทองคำในที่สุด

 

·         ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรถูกคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในตลาดแรงงาน ซึ่งจะทำให้เฟดเริ่มลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนสิ้นปีนี้

 

·         Gold Price Forecast: ทองรอจุดสำคัญ $1750 หากต่ำกว่ามีโอกาสลงต่อ!

ราคาทองคำค่อนข้างผันผวนก่อนทราบข้อมูลจากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ที่จะเปิดข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภารบริการในคืนนี้

ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ก็ดูจะแกว่งตัวตามสภาวะความเชื่อมั่นแบบ Risk On หรือ Risk Off และมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ



วิเคราะห์ทิศทางทองคำจากกราฟ "รายวัน"

 

นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ทองคำมีการทดสอบเส้นสำคัญขาลงรายวันที่ DMA ราย 21 วัน บริเวณ 1,771 เหรียญ และ ณ ขณะนี้ ดูจะเคลื่อนไหวกลับลงมาทดสอบระดับสำคัญทางจิตวิทยา 1,750 เหรียญ

เส้น RSI ดูจะเปิดโอกาสให้ทองลงต่อ หลังเริ่มอ่อนตัวลงจากเส้นกลางลงมา จึงมีโอกาสเห็นทองปรับตัวลงได้

สำหรับจุดสูงสุดของทองเมื่อ 27 ก.ย. อยู่ที่ 1,745 เหรียญ หากผ่านไปได้ก็จะเจอแนวต้าน 1,750 เหรียญ  แต่ถ้าไม่ผ่านก็มีโอกาสเห็นทองคำปรับตัวลดลงมาต่อ อาจทดสอบแนวรับ 1,726 เหรียญได้

ดังนั้น หากทองคำจะเป็นขาขึ้น จำเป็นต้องยืนให้ได้เหนือเส้น DMA ราย 21 วัน จึงจะมีลุ้นขึ้นไปหาเส้น DMA 50 วัน บริเวณ 1,784 เหรียญได้  รวมทั้งอาจขึ้นต่อไปแถว 1,800 เหรียญ

 

·         FXStreet แนะจับตาทองอาจ "ลงลึก" หากต่ำกว่า $1750

นักวิเคราะห์จาก FXStreet กล่าวว่า ราคาทองคำช่วง 3 วันนี้มีการปรับขึ้น ท่ามกลางสัญญาณต่างๆ ดังนี้

ความกังวลเกี่ยวกับจีน

วิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

ความต้องการดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven

สัญญาณเทคนิคของทองคำรายวันยังอยู่ในภาวะ "Bearish"

สำหรับความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้เพียงเล็กน้อย แต่นักลงทุนยังคงมีท่าทีระมัดระวังต่อวิกฤตการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทนักพัฒนาจีนอีกแห่ง ได้แก่ Fantasia Limited

ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ท่ามกลางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ในช่วงที่เกิดความวิตกกังวลด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก และเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดอยู่


ดังนั้น ทองคำมีแนวโน้มจะผันผวนต่อจับตาตัวเลขภาคบริการสหรัฐฯในคืนนี้ ที่จะส่งผลต่อดอลลาร์และกระทบต่อทองคำได้ ซึ่งหากทองคำไม่สามารถยืนได้เหนือ 
1,750 เหรียญ มีโอกาสทดสอบ 1,726 เหรียญ แต่หากยืนได้มีลุ้นขึ้นต่อไปที่ 1,784 เหรียญ และ 1,800 เหรียญตามลำดับ

 

·         ราคาซิลเวอร์ -0.8% ที่ระดับ 22.48 เหรียญ

·         ราคาแพลิตันม -0.9% ที่ระดับ 958.83 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียม +0.1% ที่ระดับ 1,906.45 เหรียญ

 

·         ทองแดงอ่อนตัวจากดอลลาร์แข็งค่าของดอลลาร์ ท่ามกลางตลาดที่ซบเซาช่วงวันหยุดเทศกาลของจีน - รอ NFP ศุกร์นี้

สัญญาซื้อขายทองแดงในตลาดลอนดอนอ่อนตัวลง 0.2% แถว 9,235 เหรียญ/ตัน

สัญญาอลูมิเนียมยังคงทรงตัวบริเวณ 2,915 เหรียญ/ตัน

สัญญานิกเกิลปรับขึ้น +0.4% ที่ 18,000 เหรียญ/ตัน

สัญญาซื้อขายซิงค์ ปรับขึ้น +0.6% ที่ 3,034 เหรียญ/ตัน


·         ไบเดน เดินหน้าผลักดันการเพิ่มเพดานหนี้ภายใน "สัปดาห์นี้" และเรียกร้อง "รีพับลิกัน" ยกเลิกการคัดค้าน!

 

·         ข้อมูลเบื้องต้นของอุตสาหกรรมอังกฤษ เผยว่า การจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของอังกฤษในเดือนก.ย.ลดลง 35% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ 214,000 คัน ซึ่งถือเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดในรอบกว่า 23 ปี

 

·         รัฐบาลเยอรมนีชุดใหม่ กำลังเผชิญความท้ายทาย 3 เรื่องใหญ่ต่อเศรษฐกิจ

1. ความล้มเหลวในการจัดการปัญหาโครงสร้างเชิงลึกในระบบเศรษฐกิจ

2. ปัญหาการละเลยโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะและการลงทุน สำหรับการเปลี่ยนแปลงตามยุคดิจิทัล

3. แนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งผิดปกติ ที่ส่วนใหญ่เป็นการฟื้นตัวจากผลกระทบของ Covid-19 ภายใต้ภาพรวมที่ยังไม่สดใสมากนัก

สถาบัน Ifo เผยคาดการณ์เศรษฐกิจที่จะขยายตัวได้ 5.1% ในปี 2022 ถือเป็นระดับการขยายตัวที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจบูมมากสุดช่วงต้นปี 1990

 

·         ธนาคารกลางออสเตรเลียยังคงดอกเบี้ย 0.1% และตัดสินใจจะคงแนวทางดำเนินนโยบายแบบ Super Easy ผ่อนคลายต่อจนถึงปี 2024

 

·         แผนการค้าสหรัฐฯ-จีน ฉบับใหม่ อาจทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมกระตือรือร้นมากขึ้น

 

·         การผิดนัดชำระหนี้ของภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเชิงลึก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของบริษัท China Evergrande

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นของบรรดาบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯในจีน กำลังกัดกร่อนความเชื่อมั่นของบรรดานักลงทุน โดยที่สถาบันจัดอันดับความเชื่อมั่นหลายแห่งมีการ "Downgrade" อันดับความน่าเชื่อถือ ประกอบกับการเห็นความไม่แน่นอนมากขึ้นของ China Evergrande Group ที่ก่อให้เกิดการเทขายสินทรัพย์บริษัทเพิ่มมากขึ้นเพื่อระดมเงินสดมากขึ้น

 

·         ไต้หวัน ชี้ ถึงความจำเป็นต้องตื่นตัวต่อ "กิจกรรมทางทหาร" ที่เพิ่มมากขึ้นจากจีน หลังจีนส่งกองทัพอากาศกว่า 56 ลำ รุกล้ำน่านน้ำในเขตป้องกันความมั่นคงของไต้หวัน

 

·         ไต้หวันตำหนิกิจกรรมทางการทหารจีนอย่างหนัก หลังรุกล้ำน่านฟ้าด้วยกองทัพอากาศกว่า 56 ลำ

 

·         เจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงของสหรัฐฯ ยัน จะใช้ทุกเครื่องมือที่จำเป็นในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศต้านจีน

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงญี่ปุ่น หวังเห็น ตึงเครียด "จีน-ไต้หวัน" จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจา พร้อมกันนี้จะจับตาไปยังความไม่มีเสถียรภาพทางทหารที่ขยายวงกว้างระหว่าง 2 ประเทศข้างต้น

 

·         "คิชิดะ" นายกฯญี่ปุ่นคนใหม่ ยืนยัน สัมพันธ์กับชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ โดยตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับกรณีจีน

 

·         CNBC เผย นายกฯญี่ปุ่นคนใหม่ยืนยันจะตอกย้ำการเป็นพันธมิตรสำคัญกับสหรัฐฯ ด้วยการหารือกับ "ไบเดน"

 

·         ส.ว. ฝรั่งเศสเดินทางเยือนไต้หวัน ท่ามกลางตึงเครียดกับจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

·         อุตสาหกรรมสายการบินทั่วโลก คาดจะลดการขาดทุนในปีหน้าได้ราว 78% มูลค่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญ จากปัญหาการฟื้นตัวที่ชะลอตัวลง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com