MTS Help Center

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.4% ที่ 1,750 เหรียญ
แต่ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงปิดแดนลบต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.1% ที่ 1,751.7 เหรียญ

·         ราคาทองคำปิดปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับอานิสงส์หลักจาก

- ดอลลาร์อ่อนค่าหลุด 93 จุด  ทำต่ำสุดตั้งแต่ 17 ก.ย. บริเวณ 92.977 จุด
- นักลงทุนเลี่ยงลดถือครองสินทรัพย์เสี่ยง จากกรณีวิกฤต Evergrande
- กองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม

กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่ม 0.87 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำเพิ่มขึ้นที่ 993.52 ตัน

 

·         ปัจจัยกดดันราคาทองคำ
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 1.453% จากโอกาสเฟดคุมเข้มทางการเงิน
- โอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น
- ถ้อยแถลง “นายเจอโรม โพเวลล์” ประธานเฟด กล่าวหนุนการเริ่มต้นทำ Tapering QE เร็วๆนี้ และน่าจะยุติการดำเนินการราวกลางปี 2022

 ดังนั้น จึงอาจเห็นเฟดเริ่มต้นกระบวนการลด QE ในเดือนพ.ย. และจะจบลงกลางปีหน้า พร้อมด้วยนโอกาสมากขึ้นที่จะเห็นเฟดทำการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า

- ถ้อยแถลงสมาชิกเฟดประสานเสียง “พร้อมทำการ Tapering QE”
  นางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ กล่าวสนับสนุนการเริ่มต้นลด QE ใน
  เดือนพ.ย. นี้ และจบกระบวนการดังกล่าวช่วงกลางปีหน้า
  นางเอสเทอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ กล่าวหนุนการคุมเข้มทางการเงินเช่นกัน
  เนื่องจาก มองว่าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน

- ตลาดคาดอาจเห็นเฟดตัดสินใจประกาศเริ่มทำการลด QE ในการประชุมระหว่างวันที่ 2-3 พ.ย.

- ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯเดือนส.ค. ออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะ 1.5% ที่ระดับ 740,000 ยูนิตเมื่อเทียบรายปี แม้ราคาบ้านจะยังพุ่งสูง

- S&P500 และ Dow Jonse ปิดบวกต่อเนื่อง 3 วันทำการ แม้ว่ากฎการแบน Cryptocurrency ในจีนจะกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็ตาม

·         ราคาซิลเวอร์ปิด -0.6% ที่ 22.35 เหรียญ

·         พลาเดียมปิด -0.9% ที่ 1,965.54 เหรียญ (ปิดร่วงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่3)

·         ราคาแพลทินัมปิด -1.2% ที่ 976.85 เหรียญ

 

·         นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า ราคาทองคำสามารถฟื้นตัวกลับได้บางส่วนหลังดิ่งลงไปกว่า 1% ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จึงคาดว่าอาจเห็นราคาทองคำอ่อนตัวลงได้ต่อ และคาดว่าทองคำจะเป็นทิศทางขาลงจากท่าทีดำเนินนโยบายของเฟด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของ Evergrande

 

·         นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าวว่า การที่เฟดประกาศจะทำการ Tapering QE และขั้นตอนต่อไปคือการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถือเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันทองคำเพิ่มมากขึ้น

 

·         นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เผย ร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐฯวงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญจะ “ผ่าน” มติคองเกรสได้ในสัปดาห์นี้ แต่ยังมีความไม่แน่นอนต่อแผนวงเงิน 3.5 ล้านล้านเหรียญ

 

·         Evergrande พลาดกำหนดชำระเงิน ส่งผลให้ฝ่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เตือนถึงวิกฤตการขาดแคลนเงินสด

ทั้งนี้ การไม่สามารถชำระหนี้ดอกเบี้ยมูลค่า 83 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ซึ่งจะครบกำหนดไถถอนในปีหน้า ซึ่งมีกำหนดชำระในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤตหนี้สินของบริษัทที่สูงกว่า 3.05 แสนล้านเหรียญ ส่งผลให้ฝ่ายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทกล่าวเตือนถึงการเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน เว้นแต่บริษัทจะได้รับการอัดฉีดเงินสดอย่างรวดเร็ว สะท้อนว่า Evergrande เผชิญกับวิกฤตสภาพคล่องอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาเมื่อบริษัท Evergrande ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีระยะเวลาผ่อนผันการชำระหนี้เป็นเวลา 30 วัน ก่อนที่จะถือเป็นการ “ผิดนัดชำระหนี้” ของทางบริษัท

 

·         “อีลอน มัสก์” ผู้บริหาร Tesla ชี้ จีนยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนและบริษัทจะขยายฐานการลงทุนในประเทศจีนต่อ

 

·         “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน กล่าวเตือน “ความซับซ้อนและความรุนแรงของไต้หวัน” แต่สัญญาถึงความพร้อมที่จะเริ่มเจรจากับ นายอีริค ชู ผู้นำไต้หวันคนใหม่

 

·         พรรค SPD ของนางอังเกลาร์ ดูจะมีคะแนนสูสีผู้ท้าชิงจากพรรคคู่แข่งในศึกเลือกตั้ง 29 ก.ย.นี้

 

·         อิหร่านล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อตกลงฉบับเต็มในการจับตาเรื่องการพัมนาอาวุธนิวเคลียร์

 

·         COVID-19 UPDATES:

·         ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 232.57 ล้านราย เสียชีวิตรวมสะสมแตะ 4.76 ล้านราย ขณะที่ยอดรักษาหายทั่วโลกอยู่ที่209.19 ล้านราย

 

·         CEO บริษัท Pfizer คาดหวังจะเห็นการกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติน่าจะเริ่มขึ้นภายใน 1 ปี และอาจจำเป็นต้องเห็นการฉีดบูสวัคซีนเพิ่มมากขึ้นตามมา

 

·         สถานการณ์ในไทย พบรายงานยอติดเชื้อใหม่วันนี้ลดลงแตะ 10,288 ราย เสียชีวิตใหม่ 101 ราย

 

·         อ้างอิงจากสยามรัฐ

- เงินบาทอ่อนค่าสุดรอบกว่า 4 ปี-หุ้นไทยปรับขึ้นจากแรงซื้อกลุ่มธนาคาร

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาททยอยอ่อนค่าสอดคล้องกับแรงขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวมท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีน

 

นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่สะท้อนว่า เฟดอาจเริ่มชะลอวงเงินมาตรการ QE ในเร็วๆ นี้ (อาจเป็นเดือนพ.ย.) ขณะที่ dot plot ชุดใหม่ของเฟดบ่งชี้ว่า ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจมีการปรับขึ้นในปีหน้า อย่างไรก็ดีเงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามสกุลเงินเอเชียอื่นๆ

สัปดาห์นี้ จึงมองกรอบเงินบาทไว้ที่ 33.00-33.80 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- ผลการประชุมกนง.
- เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
- สถานการณ์โควิด
- รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนส.ค. ของธปท.
- สถานการณ์น้ำท่วมและการบริหารจัดการเยียวยาของภาครัฐ

ส่วนหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,645 และ 1,655 จุด ตามลำดับ

 

·         อ้างอิงจากประชาชาติ
ส่งออกพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย โต 10-20% เร่งตัดสินใจ CPTPP

 

·         อ้างอิงจาก Brand Inside