• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 24 กันยายน 2564

    24 กันยายน 2564 | Gold News

ทองขึ้น ดอลลาร์อ่อนค่า ตลาดกังวลปัญหา Evergrande

 

·         ราคาทองคำดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง โดยได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มระมัดระวังการลงทุน หลังประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท China Evergrande ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงก็เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำเช่นเดียวกัน

 

·         ราคาทองคำตลาดโลก +0.6% ที่ระดับ 1,753.50 เหรียญ หลังจากที่ราคาปรับลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. ที่บรเวณ 1,737.46 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. +0.3% ที่ระดับ 1,754.40 เหรียญ

 

·         ดัชนีค่าเงินดอลลาร์อยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

 

·         นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสประจำ OANDA กล่าวว่า  นักลงทุนชาวเอเชียเข้าหาทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาของบริษัท Evergrande ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเสริมว่าระยะสั้นราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะซื้อขายในกรอบระหว่าง 1,740-1,780 เหรียญ

 

·         หัวหน้าฝ่ายการจัดการที่ Wing Fung Precious Metals กล่าวว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับหนี้ของ บริษัท Evergrande กระตุ้นความต้องการทองคำมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นไปสู่ระดับ 1,750 เหรียญ

 

·         อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในระยะกลาง ยังถูกดดันจากการส่งสัญญาณการทำ Tapering QE ของเฟด หลังจากที่สัปดาห์นี้เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด

 

·         นักวิเคราะห์จาก UBS คาดว่า จะมีเม็ดเงินไหลออกจากกองทุน ETFs และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของทองคำ และยังคาดการณ์ราคาทองคำอาจจะปรับตัวลดลงมาสู่ระดับ 1,600 เหรียญในช่วงกลางปี 2022

 

·         ด้านกองทุน SPDR เมื่อวานนี้ลดการถือครองทองคำลงสู่ระดับต่ำาุดนนบัตั้งแต่เดือนเม.ย.ปี 2020 ที่แล้ว

 

·         ราคาซิลเวอร์ +0.9% ที่ระดับ 22.68 เหรียญ ภาพรวมรายสัปดาห์ +1.2%

·         ราคาพลาเดียม +1.1% ที่ระดับ 2,005.68 แต่ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3

·         ราคาแพลตินัม -0.7% ที่ระดับ 982.50 เหรียญ อย่างไรก็ดี ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับขึ้นประมาณ 4% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ สัปดาห์

 

·         ดอลลาร์อ่อนค่าลงไปใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์

ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงไปใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์เมื่อเทียบดับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ เนื่องจากความเชื่อมั่นด้านความเสี่ยงที่ดีขึ้น ท่ามกลางการคลายความกังวลเกี่ยวกับโอกาสผิดชำระหนี้ของกลุ่ม Evergrande ในประเทศจีน

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ระดับ 93.068 จุด หลังจากที่วันพฤหัสบดีร่วงลง 0.36% และแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.ที่ระดับ 92.977 จุด

ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.05% มาอยู่ที่ 110.385 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่แตะระดับ 110.435 เยน/ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.

ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่า 0.05% เป็น 1.1743 ดอลลาร์/ยูโร โดยฟื้นตัวต่อเนื่องจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ 1.16835 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวานนี้

ขณะเดียวกัน ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.07% ที่ 1.3734 ดอลลาร์/ปอนด์ ใกล้ระดับสูงสุดในช่วงก่อนหน้าที่ 1.3750 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา

 

·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 1.4406%


·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 30 ปี เพิ่มขึ้น 0.32% ที่ระดับ 1.9563%

 

·         นักวิเคราะห์ของ JPMorgan กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันกำลังหลีกเลี่ยงการซื้อขาย Bitcoin Future และมุ่งเป้าไปที่ Ethereum Futures แทน เนื่องจากความคาดหวังว่าสกุลเงินดิจิทัลเบอร์หนึ่งของโลกจะมีมูลค่าลดลง

 

·         นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ระบุถึงความคืบหน้าของการทำงานของเฟดเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลกลาง (CBDC)  “เรากำลังดำเนินการในเชิงรุกเพื่อประเมินว่าจะออก CBDC หรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้น จะต้องดำเนินการในรูปแบบใด” พร้อมทั้งไม่คิดว่าสหรัฐฯ ล้าหลังชาติอื่นๆ

 

·         ที่ปรึกษา CDC สหรัฐฯ มีมติแนะฉีดวัคซีน Pfizer เข็ม 3 สำหรับผู้สูงอายุ แต่ไม่หนุนฉีดกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และอาชีพเสี่ยงติดเชื้อ

CDC ของสหรัฐฯ มีมติแนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิดเข็ม หรือเข็มกระตุ้นจาก Pfizer-BioNTech แก่กลุ่มผู้สูงอายุที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป พร้อมด้วยผู้พักอาศัยในสถานดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ รวมถึงประชาชนในกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอาการป่วยรุนแรง

 

·         นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า ปัจจัยขับเคลื่อนหลายตัวของอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เป็นเพียงชั่วคราวและอัตราเงินเฟ้อน่าจะทรงตัวในปีหน้า

 

·         ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับค่าพลังงาน ค่าอาหาร และการปรับขึ้นภาษีส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวอังกฤษลดลงอย่างมากในเดือนนี้ เนื่องจากผู้คนเริ่มผิดหวังเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น

 

·         ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการขั้นต้นของเยอรมนีชะลอตัวลงในเดือนก.ย.

ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-บริการเบื้องต้นของเยอรมนี อยู่ที่ระดับ 55.3 ในเดือนก.ย. ลดลงจากระดับ 60.0 ในเดือนส.ค. และทำสถิติต่ำสุดในรอบ เดือน


·         นักวิเคราะห์ของ Nomura ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีจีนในปีนี้ เหลือ 7.7% จาก 8.2% โดยอ้างถึงผลกระทบของโรงงานต่างๆ ที่หยุดดำเนินการชั่วคราว ท่ามกลางปัญหาไฟฟ้าดับและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

 

·         บริษัท China Evergrande ขยับเข้าใกล้ภาวะล้มละลายอีกก้าวหนึ่งในวันนี้ และยังไม่มีวี่แววว่าจะมีเงินสดในมือพอที่จะชำระดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดอีก 47.5 ล้านดอลลาร์ ในวันที่ 29 ก.ย.ที่จะถึงนี้อีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัทเป็นหนี้มูลค่า 3.05 แสนล้านเหรียญ  และนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการล้มละลายของบริษัทที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงินของจีนและทั่วโลก

 

·         โพลล์สำรวจจาก Reuters แสดงให้เห็นว่า ผลผลิตโรงงานของญี่ปุ่นเดือนส.ค.มีแนวโน้มลดลงอีกครั้ง เนื่องจากภาคการผลิตของประเทศเผชิญกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งได้รับแรงกดดันจากปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกและการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า

ด้านยอดค้าปลีกเดือนส.ค.น่าจะปรับตัวลงเช่นกัน หลังจากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนก.ค. อ้างจากผลสำรวจ เน้นย้ำถึงความเปราะบางของการบริโภคภายในประเทศ


·         รัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนาของญี่ปุ่นกำลังดีขึ้น โดยสถานการณ์ฉุกเฉินหลายพื้นที่ของประเทศสามารถยกเลิกได้ในเร็วๆนี้

 

·         สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซีย (DOSM) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ระบุว่า รายได้จากการท่องเที่ยวของมาเลเซียในปี 2563 ร่วงลง 71.2% เหลือเพียง 5.24 หมื่นล้านริงกิต (ประมาณ 1.251 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฉุดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

 

·         น้ำมันดิบขึ้น - กังวลด้านอุปทาน ขณะที่จีนขายน้ำมันดิบสำรองครั้งแรก

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากความกังวลเรื่องอุปทานทั่วโลกหลังจากเกิดพายุรุนแรงในสหรัฐฯ บวกการขายน้ำมันดิบสำรองสู่สาธารณะครั้งแรกของจีนทำให้ราคาเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 12 เซนต์หรือ 0.2% ที่ระดัย 77.37 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนในวานนี้ และปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2018

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น เซนต์ หรือ 0.1% ที่ระดับ 73.36 เหรียญ/บาร์เรล หลังปิดบวกไป 1.5% จากช่วงก่อนหน้านี้ ทำสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.

 

·         หุ้นเอเชียผันผวน กังวล China Evergrande

หุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผันวน โดยได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากปัญหาทางการเงินของกลุ่มบริษัท China Evergrande  แม้ว่าความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนหุ้นสหรัฐฯและผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นได้ก็ตาม


หุ้น Evergrande -11%

หุ้นออสเตรเลีย +0.4% ขณะที่ดัชนีฮ่องกงส่วนใหญ่ทรงตัว

ดัชนี Nikkei +2% ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นทั่วโลกหลังจากที่ตลาดปิดทำการในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา

หุ้นกลุ่ม Blue chips +0.3% หลังจากการอัดฉีดเงินสดจากธนาคารกลางมูลค่า 270 พันล้านหยวน (4.2 หมื่นล้านเหรียญ) ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา

ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังจากที่ร่วงลง 0.7% ในสัปดาห์นี้ ภาพรวมสัปดาห์นี้ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3

ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับประเด็นหนี้สินของบริษัท China Evergrande ซึ่งพลาดกำหนดชำระดอกเบี้ยเมื่อวานนี้และเข้าสู่ช่วงระยะเวลาผ่อนผัน 30 วัน

 

·         ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนตอบสนองต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางและติดตามประเด็นความไม่แน่นอนของบริษัท China Evergrande





ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 -2% หลังจากเปิดตลาด ท่ามกลางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่และหุ้นทุกภาคส่วน ยอกเว้นกลุ่มสุขภาพเคลื่อนไหวในแดนลบ

 

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าว Thestandard

- ‘พาณิชย์’ เผยส่งออกไทยเดือน ส.ค. ขยายตัว 8.93% มองภาพรวมทั้งปียังโตสองหลัก ชี้บาทอ่อนช่วยหนุนการแข่งขัน

การส่งออกไทยเดือนสิงหาคม 2564 ยังขยายตัวได้ 8.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกในช่วง เดือนแรกขยายตัวแล้ว 15.25% คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวมกว่า 5.4 ล้านล้านบาท

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ

 

ศบค.ชุดเล็กชงคลายล็อกเพิ่ม 11 กิจการ ขยายเคอร์ฟิว ทุ่ม ถึง ตี 4

ศบค.ชุดเล็ก ชง ศบค.ชุดใหญ่ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก เดือนขยายเวลาเคอร์ฟิวเป็น ทุ่ม ถึง ตี คลายล็อกเพิ่มอีก 11 กิจการกิจกรรม ทั้งสปา โรงหนัง ติวเตอร์ ร้านอาหารเล่นดนตรี การแข่งขันกีฬา

 

 

- สุดารัตน์เดินสายการเมือง พบ มิตต์ รอมนีย์” แห่ง ริพับลิกัน” ช่วยสนับสนุนวัคซีน mRNA ให้ไทย

โดยได้หารือถึงความร่วมมือ ในด้านการค้า การลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ และในภูมิภาค โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด ที่ประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อแสวงหาแนวทางที่จะส่งเสริมการค้าระหว่างกัน

 

 

พาณิชย์เตรียมหารือยูเรเซีย เร่งหาแนวทางขยายความร่วมมือทางการค้า

พาณิชย์” เตรียมประชุมทางไกลกับคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (EEC) 27 ก.ย.นี้ เร่งหาแนวทางขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน หวังเป็นแนวทางจัดทำ FTA ในอนาคต.

 

 

เมื่อกระบวนการผลิต ชิป” ทำลายสิ่งแวดล้อมมหาศาล

 

ท่ามกลางปัญหาขาดแคลน เซมิคอนดักเตอร์” อย่างหนัก จากโควิด-19 ระบาดหนัก ทำให้โรงงานลผลิตชิปหลายแห่งก็ต้องหยุดชะงัก ประกอบกับมาตรการล็อกดาวน์ทำให้ความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงเครื่องเล่นเกมพุ่งกระฉูด ซึ่งเซมิคอนดักเตอร์ล้วนแต่เป็นชิ้นส่วนสำคัญของอุปกรณ์ดังกล่าว


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com