ทองคำทรุด – U.S. 10 Yield พุ่ง หนุน “ดอลลาร์แข็งค่า”
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -1.4% แตะ 1,797.49 เหรียญ ซึ่งเป็นอัตราการปิดรายวันที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ 9 ส.ค.
ขณะที่เช้านี้เคลื่อนไหวทดสอบแนวรับสำคัญ 1,794 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -1.8% ที่ระดับ 1,800.40 เหรียญ
· ราคาทองคำปรับตัวลดลงไปมากกว่า 1% ถือเป็นการร่วงลงรายวันที่มากที่สุดในรอบ 1 เดือน โดยได้รับผลกระทบจาก
1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ทะยานแตะ 1.385% ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่กลางเดือนก.ค. ก่อนปิดตลาด 1.37% หลังการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 3 เดือน และ 6 เดือน ถูกประมูลไปในระดับสูงสุดตั้งแต่ 14 ก.ค.
2) ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อ ปิด +0.6% แตะ 92.42 จุด
3) แรงเทขายทำกำไร
4) นักลงทุนปรับพอร์ตรอผลประชุมอีซีบีพฤหัสบดีนี้
5) เทรดเดอร์ “เริ่ม” กังวล หลังราคาไม่สามารถผ่านต้านสำคัญ 1,835 เหรียญไปได้
6) ราคากลุ่ม Precious Metal ปรับตัวลดลง
· ซิลเวอร์ปิด -1.6% ที่ระดับ 24.42 เหรียญ
· แพลทินัมปิด -2.6% ที่ระดับ 995.60 เหรียญ
· พลาเดียมปิด -2.1% ที่ 2,365 เหรียญ
· กองทุน SPDR ไม่ได้ทำอะไรมาต่อเนื่อง 3 วันทำการ ปัจจุบันยังถือครองทองคำที่ 998.52 ตัน
· นักกลยทุธ์อาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ตลาดทองคำเริ่มเห็นการอ่อนตัวกลับลงมาจากดอลลาร์แข็งค่าที่เป็นปัจจัยหลักกดดันทองคำ แต่กระแสที่เฟดจะทำการ Tapering QE ลดน้อยลงไป เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดทองคำมีแนวโน้มจะปรับขึ้นได้อีกครั้ง
· กำหนดการประชุมเฟดในเดือนนี้ จะอยู่ระหว่าง 21 – 22 ก.ย.
· นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank ระบุว่า ตลาดทองคำกำลังเริ่มเผชิญภาวะความกังวล หลังล้มเหลวในการฝ่าแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,835 เหรียญ ประกอบกับ บรรดานักลงทุนกำลังให้ความสนใจประชุมอีซีบี ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะเห็นการประกาศแนวทางการลดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวได้ดี
· รายงานผลสำรวจจากเฟดสาขานิวยอร์ก ชี้ แรงงานกำลังมีการเปลี่ยนตำแหน่งงานบ่อยมากขึ้น และมีการเรียกร้องค่าแรงที่ดีกว่า
ดังนั้น คาดการณ์เกี่ยวกับตลาดแรงงานนะยังคง “ฟื้นตัวต่อเนื่อง” และมีแนวโน้มจะเห็นการได้รับตำแหน่งงานมากขึ้นตลอด 4 เดือนข้างหน้า รวมถึงค่าแรงในประเทศสหรัฐฯที่จะปรับตัวสูงขึ้นด้วย
สัดส่วนแรงงานที่กลายมาเป็นคนว่างงานในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่าลดลงไป 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้วจะพบว่า ก.ค. 2020 มีรายงานคนตกงาน 10.5%
อย่างไรก็ดี ระดับล่าสุดที่อยู่ต่ำกว่า 0.5% ดูจะเป็นต่ำสุดตั้งแต่ช่วงพ.ย. ปี 2019 หรือช่วงก่อนการระบาดของไวรัส จึงส่งผลให้กลุ่มผู้ว่าจ้างมีกำลังจ้างานเพิ่มขึ้นรอบใหม่แตะ 5.9% ในเดือนก.ค. ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัวได้ราว 4.4%
· รัฐบาลญี่ปุ่น เผยข้อมูล จีดีพีญี่ปุ่นไตรมาสที่ 2/2021 จะถูกปรับคาดการณ์เพิ่มขึ้นมาที่ 1.9% สูงกว่าประมาณการณ์ครั้งแรกที่อยู่ระดับ 1.3% จึงช่วย “ยืนยัน” ถึงสภาวะการค่อยๆฟื้นตัวขึ้นได้จากวิกฤต Covid-19
· IAEA ระบุว่า อิหร่านกำลังขัดขวางการสอบสวนกิจกรรมที่เสี่ยงต่อกระบวนการตรวจสอบที่สำคัญ จึงกำลังสร้างความซับซ้อนสำหรับการเจรจาพลิกฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ ฉบับปี 2015
· ตอลิบานกำลังเสนอการจัดตั้งรัฐบาลอัฟกานิสถานชุดใหม่ แม้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยจะถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ
· ไบเดน แสดงความมั่นใจว่า “จีน” กำลังพยายามอย่างหนักในการจัดการด้านความร่วมมือกับตอลิบาน ตั้งแต่ที่เข้ากุมอำนาจอัฟกานิสถานได้เมื่อ 15 ส.ค.
ขณะเดียวกัน “ไบเดน” ก็มองว่า “จีนกำลังเป็นปัญหาแท้จริงสำหรับตอลิบาน” เพื่อเข้าควบคุมด้านการจัดการกับตอลิบาน เมหือนที่ปากีสถาน, รัสเซีย หรืออิหร่านเคยปฏิบัติ ที่จะส่งผลกระทบโดยเฉพาะกับจีดีพีของอัฟกานิสถาน
· COVID-19 UPDATES:
ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเมื่อวานนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 500,000 รายอีกครั้ง ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกแตะ 222.66 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตสะสมเข้าใกล้ 4.6 ล้านราย
สหรัฐฯกลับมาเป็นประเทศที่มียอดติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นเกือบ 100,000 ราย ล่าสุดเพิ่มขึ้นมาที่ 93,916 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมพุ่งแตะ 41.16 ล้านราย และกลับมาอยู่ลำดับผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มมากที่สุดของโลก
· ไบเดนเผยแผนจัด Delta Covid-19 ท่ามกลางยอดติดเชื้อใหม่ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อวานนี้ ทางทำเนียบขาว ระบุว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะทำการเสนอแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว 6 เดือนในการจัดการกับจำนวนผู้ติดเชื้อ Delta Covid-19 ที่กำลังเพิ่มขึ้นสูงในสหรัฐฯ รวมถึงการเพิ่มกระบวนการฉีดวัคซีนให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและเพิ่มมากขึ้น
สำหรับวันนี้ นายไบเดนมีกำหนดการเข้าพบกับทีมที่ปรึกษาด้าน Covid-19 ประจำทำเนียบขาว
รายงานล่าสุดจาก Reuters บ่งชี้ว่า สหรัฐฯมียอดติดเชื้อในประเทศสะสมแตะ 650,000 ราย และสัปดาห์ที่แล้ว ยอดติดเชื้อสะสมในประเทศพุ่งทะลุ 40 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย ประกอบกับตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามียอดติดเสียชีวิตรวมสูงกว่า 20,800 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากถึง 67% เมื่อเทียบกับช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า
· สถานการณ์ระบาดในไทยเสียชีวิตรายวันยังสูงล่าสุดเสียชีวิตเพิ่ม 228 คน และติดเชื้อมากขึ้น 14,176 ราย
ขณะที่ ศบค. เผย สถานการณ์โควิด-19 ในไทย ผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่ห่วงการคลายล็อกคนออกนอกบ้าน-หวั่นต.ค.นี้โควิดแตะ 30,000 คน
กรมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย จับตาโควิดสายพันธุ์ “มิว” ไทยสกัดตรวจพันธุกรรมไวรัสลากยาวยันสิ้นปี
· เงินบาทเปิดเช้านี้ “อ่อนค่า”ที่ระดับ 32.68 บาท/ดอลลาร์
นักบริการการเงินคาด เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.60 – 32.75 บาท/ดอลลาร์ แต่ยังหวั่นอาจเห็นเงินบาทผันผวนได้ หากนักลงทุนต่างชาติมีการทยอยขายทำกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึง ทยอยขายทำกำไรในสถานะถือครองเงินบาทไว้ จากการเก็งกำไรเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน บรรดานักลงทุนกำลังรอปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะสถานการณ์แนวโน้ม Covid-19 ในประเทศ ที่ล่าสุด ศบค. ออกโรงเตือนระวังการระบาดระลอกใหม่ช่วงเดือนต.ค. และผลประชุมอีซีบี ที่อาจส่งสัญญาณทำ Tapering QE จึงอาจกระทบต่อตลาดการเงิน ท่ามกลางทิศทางของดอลลาร์และยูโรที่ยังไม่มีความชัดเจน
· อ้างอิงจาก E-Finance Thai
- ครม.รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้ฟื้นตัวช้า คาดขยายตัว 1.8%
ครม.รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทย Q2/64 ของ กนง. มองเศรษฐกิจไทยปีนี้ฟื้นตัวช้า โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 1.8% ในปี 64 และ 3.9% ในปี 65 มองระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอน ทั้งการระบาดโควิด-19 และ เม็ดเงินเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจน้อยกว่าคาด
· อ้างอิงจากการเงินการธนาคาร
- วิจัยกรุงศรีคาดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 เสี่ยงติดลบอีกครั้ง
วิจัยกรุงศรีรายงานว่า การใช้จ่ายในประเทศและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคมได้รับผลกระทบมากขึ้นจากการระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรง
ทางด้าน ธปท.ปรับมาตรการทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ สะท้อนการมุ่งเน้นใช้นโยบายการเงินที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ
อ่านต่อ: https://www.moneyandbanking.co.th/article/news/krungsriresearch-thai-economy-07092021/
· อ้างอิงจากเดลินิวส์
- ปั้น 4 นิคมฯใหม่ติดสปีดเศรษฐกิจไทย ชี้ในอีอีซี ลงทุนแล้วกว่า 2 ล้านล้าน
ผู้ว่ากนอ. เผยว่า ได้เร่งเดินหน้าโครงการสำคัญๆ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ที่คาดว่า จะเปิดดำเนินการได้ในปี 67 ตามแผนที่วางไว้ เพื่อดึงดูดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย แบ่งพื้นที่รองรับการลงทุนอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ 301.70 ไร่ อุตสาหกรรมการแพทย์ 182.84 ไร่ อุตสาหกรรมดิจิทัล 163.93 ไร่ และอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 75.17 ไร่ โดยผลประโยชน์ทางตรงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังเริ่มมีการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค คือ การสร้างมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในประเทศต่อปีอยู่ที่ 53,000 ล้าน