• ค่าเงินบาทวันนี้เปิดทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 3 ปี ที่ระดับ 33.46 บาท/ดอลลาร์

    10 สิงหาคม 2564 | Economic News
  

ค่าเงินบาทวันนี้เปิดทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 3 ปี ที่ระดับ 33.46 บาท/ดอลลาร์





แนวโน้มเงินบาทยังอ่อนค่าอยู่จากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

- การระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศ
Momentum ของค่าเงินดอลลาร์ยังเป็น “ขาขึ้น” จากสมาชิเฟดหนุน QE
แรงกดดันจาก “แรงซื้อดอลลาร์” ของกลุ่มผู้นำเข้า ที่อาจเข้ามาเร่งปิดความเสี่ยง จากความกังวลว่า “เงินบาทอาจอ่อนค่าเร็วและแรง”

 

·         นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 33.30 - 33.60 บาท/ดอลลาร์ ท่ามกลางตลาดที่ยังคงติดตามสถานการณ์โควิดในประเทศ ขณะที่ยอดติดเชื้อที่ต่ำกว่า 20,000 ราย อาจเป็นผลมาจากการตรวจหาเชื้อที่ลดลงจาก 70,000 รายต่อวัน กลับมาที่ 50,000 รายต่อวัน

 

·         นายพูน พานิชพิบูลย์  นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย คาดระยะสั้นๆ อาจเห็นเงินบาทอ่อนค่าไปถึง 34 บาท/ดอลลาร์ได้ไม่ยาก หากสถานการณ์ระบาดในไทยยัง “เลวร้าย” ต่อเนื่อง และ “ดอลลาร์อยู่ในทิศทางขาขึ้น”

อย่างไรก็ดี ยังมองไม่เห็นโอกาสที่เงินบาทจะพลิกกลับเทรนด์มาแข็งค่าได้ในเร็วนี้ ทำให้ ค่าเงินบาทยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้อย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์การระบาดจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งก็อาจจะต้องรอในช่วงต้นเดือนกันยายน

 

·         ศบค.รายงานสถานการณ์ยอดติดเชื้อ Covid-19 ในไทยล่าสุด

พบยอดติดเชื้อใหม่ 19,843 ราย เสียชีวิตใหม่ทำ New High 235 ราย




สถานการ์ณล่าสุด





 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวมติชน

‘หยวนต้า’ ชี้จีดีพีไทย 64 ติดลบแน่ หลังโควิดกระทบ 2 เดือน ฉุดเม็ดเงินสูญ 1.3-1.7 แสนลบ.

หากประเมินจากภาพการระบาดโควิดระลอกใหม่ในต่างประเทศ จะพบว่าใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จะเข้าสู่จุดสูงสุด (พีก) ในระบาด จึงเชื่อว่าเดือนสิงหาคมนี้ น่าจะเห็นจุดพีกของการระบาดโควิดในไทย ทำให้ความบอบช้ำมากที่สุดจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3 นี้ โดยจากการประเมินผลกระทบจากโควิดและล็อกดาวน์ พบว่าเม็ดเงินจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจ ประมาณ 1.3-1.7 แสนล้านบาท แต่ที่ผ่านมาเห็นการออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐบาล อาทิ การสนับสนุนค่าไฟฟ้า การช่วยจ่ายค่าเทอม และการชดเชยค่าจ้างแรงงานต่างๆ นั้น คิดเป็นเม็ดเงินใหม่ที่เข้ามาในระบบเศรษฐกิจมีประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ใกล้เคียงกับเม็ดเงินที่สูญหายไป และเข้ามาสนับสนุนได้ทันเวลา แต่จะต้องเร่งให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาหมุนได้เร็วที่สุด เพื่อให้เดินหน้าต่อได้เร็วที่สุด

 

ทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ในช่วงที่ผ่านมามีเม็ดเงินไหลเข้ามาในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวสูงมาก เนื่องจากไทยเป็นประเทศหลักในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ขณะนี้เนื่องจากภาคท่องเที่ยวไทยยังไม่ฟื้น และเศรษฐกิจไทยยังถูกกระทบจากโควิดอยู่ ทำให้ครึ่งปีหลัง คาดหวังแค่ให้เม็ดเงินไหลออกน้อยกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมาก็พอ หลังจากช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ฟันด์โฟลว์ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท โดยหากประเมินในช่วงที่ผ่านมาพบว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องมาตลอดในช่วง 5 ปีย้อนหลัง ซึ่งถือเป็นการทุบทุกสถิติที่มีอยู่เดิม โดยขณะนี้เราหวังพึ่งพาเงินทุนในประเทศเป็นหลัก เพราะเม็ดเงินต่างชาติไหลออกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากพิจารณาปริมาณเงินทุนในประเทศ ยังเชื่อว่าเพียงพอในการสนับสนุนตลาดหุ้นไทยได้

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ค.64 อยู่ที่ระดับ 78.9 ปรับตัวลดลงจากระดับ 80.7 ในเดือน มิ.ย.64 ค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำที่สุดในรอบ 14 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 63 โดยมีปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของโควิดที่ยังไม่คลี่คลายและกระจายวงกว้างไปทั่วประเทศ

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด (Modern Trade Sentiment Index : MTSI) ประจำไตรมาสที่ ปี 64 อยู่ที่ระดับ 45.3 ลดลงจากไตรมาส ปี 64 ที่ระดับ 46.3 ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบ ที่มีการระบาดเป็นวงกว้างและรวดเร็ว จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน และผู้เสียชีวิตที่สูงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว และบริการต่างๆ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com