MTS Help Center

ส.ว. สหรัฐฯ เผยแผนโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านเหรียญ หลังเจรจาร่วมกันนานหลายเดือน

รายงานจาก Reuters ระบุว่า บรรดาวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ มีการเปิดเผย แผนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญ ที่เป็นข้อเสนอจากทั้ง 2 พรรค สำหรับการลงทุนในถนน, สะพาน, ท่าเรือ, ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และแผนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

ก่อให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า อาจผ่านมติสภาได้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นแผนโครงสร้างพื้นฐานที่มีการทำงานร่วมกันด้วยงบจำนวนมากในรอบ 10 ปี

สำหรับแผนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ามหาศาลนี้ มีเป้าหมายเพื่อใช้เป็นงบสำหรับสภาคองกเรสนานหลายปี ตามแผนข้อเสนอขั้นต้นของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ร่างแผนลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ

ส.ว. สหรัฐฯ ระบุว่า ร่างแผนดังกล่าวจำนวน 2,702 หน้า จะรวมไปถึง

งบ 5.5 แสนล้านเหรียญ ถือเป็นแผนค่าใช้จ่ายครั้งใหม่ในรอบ 5 ปี สำหรับถนน, ทางรถไฟ, สถานีรถไฟฟ้า และการเปลี่ยนท่อประปาตะกั่ว ที่ได้รับอนุมัติก่อนหน้านี้ 4.5 แสนล้านเหรียญ

นายชัค ชูมเมอร์ส ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบว่า ความคืบหน้าที่รวดเร็วในการแก้ไขร่างแผนโครงสร้างพื้นฐาน จึงอาจทำให้เราเห็นการ “ผ่านร่าง” แผนดังกล่าวได้ภายในไม่กี่วัน

อย่างไรก็ดี สมาชิกพรรครีพับลิกันยังคงวิจารณ์แผนดังกล่าวว่า “มีมูลค่าสูงมากเกินไป”

ทั้งหมดนี้ ยังไม่ชัดเจน สำหรับข้อตกลงที่เจรจาร่วมกันระหว่างสองพรรค ว่าจะถูกเสนอยื่นแก้ไขหรือไม่ และนี่อาจจุดชนวนความไม่พอใจของกลุ่มผู้แทนเจรจาที่สามารถตกลงร่วมกันได้

หากร่างดังกล่าว “ผ่าน” วุฒิสภาได้ ลำดับต่อไปจะเป็นการส่งต่อให้ “สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ” ทำการพิจารณาต่างดังกล่าว โดยที่พรรคเดโมแครตวิจารณ์แผนนี้ว่าน้อยเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับข้อเรียกร้องในวงเงิน 3.5 ล้านล้านเหรียญ ที่จะรวมถึงแผนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านทรัพยากรมนุษย์ “Human Infrastructure" ในการเพิ่มงบสำหรับภาคการศึกษา, สวัสดิการเด็ก, การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ และความจำเป็นขั้นพื้นฐานอื่นๆ

“ซูซาน คอลลินส์” สมาชิกวุฒิสภาจากรีพับลิกัน เผย มีสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 10 ราย มีแนวโน้มจะให้การสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว สำหรับการลงมติขั้นสุดท้ายของวุฒิสภา

ท้ายที่สุดนี้ แผนดังกล่าวถูกคาดว่าจะร่างแล้วเสร็จในกระบวนการสุดท้ายเพื่อให้พร้อมต่อการลงมติ “ในวันอาทิตย์นี้” และจะอนุญาตให้ทางส.ว. เดินหน้าพิจารณาได้เร็วที่สุดในช่วงค่ำวันอาทิตย์

ดังนั้น จึงมีโอกาสเห็นร่างกฎหมายนี้ผ่านสภาได้ช่วงปลายสัปดาห์นี้

ที่มา: Reuters