• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2564

    30 กรกฎาคม 2564 | Gold News





ทองคำปรับขึ้นกว่า 1% จากเฟดคงท่าที Dovish

· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1.3% ที่ 1,830.11 เหรียญ
หลังระหว่างวันทำสูงสุดตั้งแต่ 15 ก.ค. บริเวณ 1,832.40 เหรียญ


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. เทรดวันสุดท้ายด้วยการปิด +1.8% ที่ 1,831.2 เหรียญ


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ของ COMEX ปิดปรับขึ้นแรงกว่า 31.2 เหรียญ ที่ระดับ 1,831.5 เหรียญ


· ราคาทองคำปรับขึ้นไปกว่า 1% จากกลุ่มนักลงทุนที่ค่อนข้างตอบรับกับท่าทีของประธานเฟด ที่ยังคงบ่งชี้ว่า เฟดยังไม่มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ และจะยังใช้นโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป

นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับอานิสงส์จาก


- ดอลลาร์อ่อนค่า ทำต่ำสุดรอบ 1 เดือน

ดัชนีดอลลาร์ปิด -0.48% ที่ 91.98 จุด เป็นต่ำสุดตั้งแต่ 29 มิ.ย.

ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้น +0.39% ที่ระดับ 1.1886 ดอลลาร์/ยูโร


- กองทุนทองคำ SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่มมากถึง 5.82 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 1,031.46 ตัน เป็นระดับการถือครองทองคำทีมากที่สุดในรอบ 9 วันทำการ (16 ก.ค. 64)

อย่างไรก็ดี ภาพรวมเดือนก.ค. กองทุนทองคำ SPDR ขายทองสุทธิ 14.32 ตัน เป็นเดือนที่กลับมาขายอีกครั้ง หลังเข้าซื้อต่อเนื่อง 2 เดือนติดช่วง พ.ค. - มิ.ย.

ส่งผลให้ภาพรวมปีนี้ กองทุนทองคำ SPDR ขายทองออกมาสุทธิ 139.28 ตัน




- ประมาณการณ์จีดีพีสหรัฐฯไตรมาสที่ 2 ครั้งที่ 1 ออกมาแย่กว่าคาด โดยขยายตัวได้เพียง 6.5% หลังไตรมาสแรกขยายตัวได้ 6.4%




- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯออกมาแย่กว่าคาดที่ระดับ 400,000 ราย ขณะที่สัปดาห์ก่อนหน้าปรับทบทวนเพิ่มขึ้นมาที่ 424,000 ราย




- Pending Home Sales หรือจำนวนยอดขายที่รอปิดการขายของสหรัฐฯ แย่กว่าคาดในเดือนมิ.ย. ที่ระดับ -1.9% สู่ระดับ 112.8 จุด ขณะที่เดือนก่อนหน้าปรับขึ้นได้กว่า 8.3%


- PRECIOUS METALS ปิดแดนบวก

- ซิลเวอร์ปิดพุ่งแรงกว่า +2.8% ที่ระดับ 25.62 เหรียญ เป็นระดับปิดสูงสุดตั้งแต่ 16 ก.ค.

- แพลทินัมปิด +0.1% ที่ระดับ 1,065.61 เหรียญ

- พลาเดียมปิด +0.8% ที่ระดับ 2,647.62 เหรียญ

ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์จาก Reuters มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาพลาเดียม เพราะคาดจะขึ้นได้ต่อจากภาวะขาดแคลนวัตถุดิบเป็นเวลานาน จึงคาดราคาอาจขึ้นต่อไปปิดสูงสุดประวัติการณ์ได้


· นักวิเคราะห์จาก High Ridge Futures กล่าวว่ เงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่เฟดเฝ้าจับตาควบคู่กับการจ้างงานที่ยังไม่บรรลุเป้าหมายได้ในระยะสั้นๆ จึงส่งผลบวกต่อราคาทองคำ และการขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่การขึ้นเพียงชั่วคราว แต่ดูจะขึ้นได้อย่างยั่งยืน


· นักวิเคราะห์จาก ANZ Research กล่าวว่า ความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นในการดำเนินนโยบาย รวมถึงเงินเฟ้อ และความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดหุ้นที่มากขึ้น ดูจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ ที่ทำให้มีการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย


· ผลสำรวจจาก Reuters Poll ชี้ ราคาทองคำมีโอกาสยืนเหนือ 1,830 เหรียญได้เพียงเล็กน้อยในช่วงที่เหลือของปี ก่อนจะอ่อนตัวลงจากระดับดังกล่าวในปีหน้า


· ส.ว. สหรัฐฯ หนุนโอกาสร่างโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น!

เมื่อวานนี้บรรดาสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เตรียมหารือรายละเอียดแผนโครงสร้างพื้นฐานตามร่างข้อตกลงของผู้แทนทั้งสองพรรคในวงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญที่ได้รับแรงหนุนจากานายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงมแนวโน้มว่าจะเห็นการดำเนินการร่วมกันต่อในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพื่อให้ตกลงกันในการผลักดันออกมาเป็นมาตรการบังคับใช้

สำหรับการลงมติวงเงินดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 22.00น. (ตามเวลาไทย) คืนนี้


· การฟื้นตัวจากสถานการณ์ของ Covid-19 ในสหรัฐฯ หนุนให้ S&P Global Ratings ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือบริษัทหลายแห่งในสหรัฐฯทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แตะ 121 แห่ง ในช่วงไตรมาสที่ 2 ขณะที่ไตรมาสแรกปรับเพิ่มมาแล้ว 220 แห่ง

หลังจากที่ครึ่งปีแรกของปี 2020 ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือไปกว่า 715 แห่ง อันเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสระบาด


· รายงานจากคณะกรรมาธิการยุโรป เผย ข้อมูลความเชื่อมั่นเศรษฐกิจยูโรโซนทำสูงสุดเป็นประวัติการ์ในเดือนก.ค. แตะ 119 จุด สูงสุดตั้งแต่ที่เคยมีการเริ่มเก็บข้อมูลในปี 1985 ขณะที่เดือนมิ.ย. อยู่ที่ 117.9 จุด


· Reuters รายงานมุมมองสมาชิกบีโอเจมีโอกาสหารือกันเชิงลึกเรื่องเป้าหมายเงินเฟ้อปีนี้

สมาชิกบอร์ดบริหารของบีโอเจ เผย บีโอเจอาจมีการปรับลดเงื่อนไขและเริ่มต้นหารือการปรับกลยุทธ์ใหม่ที่อาจส่งผลต่อเป้าหมายของเงินเฟ้อในช่วงสิ้นปีนี้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Covid-19 ระบาด

ขณะเดียวกัน บีโอเจอาจยังไม่ขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ยกเว้นแต่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจญี่ปุ่น


· CORONAVIRUS UPDATES:

ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกรายวันยังเพิ่มสูงกว่า 650,000 ราย ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกทะลุ 197 ล้านรายได้วานนี้ สำหรับยอดเสียชีวิตสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 4.21 ล้านราย



· ยอดติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นกว่า 87,000 ราย – “ไบเดน” เตรียมมอบเงินรางวันให้แก่ผู้เข้ารับฉีดวัคซีน รวมทั้งอาจมีกฎใหม่สำหรับพลเมืองของประเทศ

ทั้งนี้ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน Covid มิเช่นนั้นจะต้องเผชิญกับกฎการตรวจหาเชื้อ, การใส่หน้ากากอนามัย และการจำกัดการเดินทาง โดยนายไบเดนมีวัตถุประสงค์ให้ชาวอเมริกาทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีน เนื่องจาก Delta Covid-19 กำลังระบาดและส่งผลให้เกิดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน


· CDC สหรัฐฯ แนะชาวอเมริกาสวมใส่หน้ากากอนามัยกว่า 70% ของพื้นที่ในสหรัฐฯ


· อิสราเอลเสนอฉีดวัคซีน Pfizer เข็ม 3 เพื่อบูสการต้านไวรัส Covid-19 ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป


· สถานการณ์ในไทยยังหนัก!!

เช้านี้พบไทยติดเชื้อพุ่งไม่หยุด 17,345 ราย เสียชีวิต 117 คน

รวมติดเชื้อสะสมในประเทศสูงถึง 578,375 ราย และเสียชีวิตรวมสะสม 4,679 ราย


ขยับอันดับติดเชื้อใหม่อยู่ที่ 12 ของโลก และเสียชีวิตไทยสูงสุดเป็นอันดับที่ 17 ของโลก



ขณะเดียวกันยังพบติดเชื้อใหม่ในไทยมากสุดในเอเชียเป็นอันดับ 5




และเสียชีวิตสูงสุดในเอเชียเป็นลำดับที่ 9



การฉีดวัคซีนในประเทศไทย



· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.80-33.00 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทอ่อนค่าอยู่ในกรอบ 32.83-32.92 บาท/ดอลลาร์ จากแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามา เนื่องจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศยังไม่ดีขึ้น ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ




 อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- สศค. คาด ณ สิ้นปี 64 ค่าเงินบาทจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 31.48 บาท/ดอลลาร์ โดยอ่อนค่าลงจากปี 63 ที่ -0.6% เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ ที่กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 64

ทั้งนี้ เงินบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า จากผลของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้จากการท่องเที่ยวยังไม่เข้ามาประกอบกับมีแนวโน้มไหลออกของเงินทุนต่างประเทศ


- กระทรวงการคลัง ปรับลด GDP ของไทยในปี 64 ลงเหลือขยายตัว 1.3% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.3%

เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเดินทางระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก คาดปีนี้ส่งออกจะขยายตัว 16.6% ส่วนในปี 65 คาดว่า GDP จะเร่งตัวขึ้นเป็น 4-5% หลังประเมินว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น


- ปลัดสาธารณสุข คาดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทย ระหว่างส.ค.-ธ.ค.64 โดยหากล็อกดาวน์ 1 เดือน คาดว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงต้นเดือน ต.ค. และหากล็อกดาวน์ 2 เดือน คาดว่าจะสามารถชะลอจุดสูงสุดของการใช้ทรัพยากรถึงปลายเดือนพ.ย. และหากมาตรการล็อกดาวน์ได้ผล และร่วมกับมาตรการวัคชีนในผู้สูงอายุได้ผลดี และดำเนินการได้รวดเร็ว ในเวลาไม่เกิน 2 เดือน น่าจะช่วยคงให้ความชุกของการใช้เครื่องช่วยหายใจไม่เกิน 1,500 ราย/วัน และอุบัติการณ์การเสียชีวิตไม่เกิน 200 ราย/วัน ไปจนถึงเดือนธ.ค.


- ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้หารือถึงมาตรการล็อกดาวน์ที่จะครบกำหนด 14 วัน ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ โดยจะพิจารณาเสนอให้ขยายเวลาต่อไปอีกเบื้องต้นเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งอาจจะมีการประกาศผ่อนปรนมาตรการบางจุด หรือเพิ่มความเข้มข้นในบางมาตรการ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com