• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2564

    22 กรกฎาคม 2564 | Gold News





ทองคำทำต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ จากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่กลับมาอีกครั้ง

· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.4% ที่ระดับ 1,803.11 เหรียญ


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิด -0.4% down at $1,803.40 เหรียญ


· ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 2 วันทำการ โดยที่ราคาทองคำทำต่ำสุดวานนี้บริเวณ 1,793.59 เหรียญ ซึ่งเป็นต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ อันเป็นผลกระทบจาก
- ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาเพิ่มสูงขึ้น อาทิ ตลาดหุ้น
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รีบาวน์ ใกล้ 1.3% โดยปิดตลาด 1.29%


· การเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัส Delta Covid-19 ดูจะสร้างความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก และกดดันความเชื่อมั่นสินทรัพย์เสี่ยงให้ดิ่งลึกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่าน ก่อนจะเห็นตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนรีบาวน์กลับ จึงกดดัน “ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย”


· ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาดจาก Blue Line Futures กล่าวว่ การฟื้นตัวของตลาดหุ้น, อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และราคาน้ำมัน กลับมากระทบตลาดทองคำอีกครั้ง และก่อให้เกิดสัญญาณ “Reflationi Trade” ซึ่งไม่ถือว่าเป็นผลดีต่อราคาทองคำ


อย่างไรก็ดี แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ดูจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับซิลเวอร์, แพลทินัมและพลาเดียม ที่ถูกใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ


· ราคาซิลเวอร์ปิด +1.1% ที่ 25.19 เหรียญ

· ราคาพลาเดียมปิด +1% ที่ 2,659.89 เหรียญ

· ราคาแพลทินัมปิด +1% to $1,077.03 เหรียญ


· ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายจาก High Ridge Futures กล่าวว่า ตลาดทองคำกลับมาเผชิญแรงเทขายอีกครั้ง แต่ภาพรวมตลาดทองคำก็ยังเป็นในทิศทางเชิงบวกมากกว่าตลาดอื่นๆ เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้เกี่ยวกับเฟดที่มองเงินเฟ้อชั่วคราว อาจเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ แต่การที่จำนวนยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้เฟดต้องคงนโยบายผ่อนคลายต่อไป และนี่ถือเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ


· สมาชิกเฟดจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า




· ขณะที่อีซีบีจะประชุมในวันนี้



· กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,028.55 ตันต่อเนื่อง 4 วันทำการ


· ทองคำเคลื่อนไหวกรอบแคบ ตลาดจับตาประชุมอีซีบี

FXStreet รายงานว่า ราคาทองคำปัจจุบันยังคงเคลื่อนไหวกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนรอสัญญาณใหม่ๆที่จะเข้ามาหนุนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ต่อไปของตลาดทองคำ โดยเฉพาะการประชุมของอีซีบีช่วงค่ำวันนี้


อีซีบีถือเป็น 1 ใน 4 ธนาคารกลางขนาดใหญ่ที่มักส่งผลต่อตลาด โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสคาดกาณณ์ว่า อีซีบีอาจส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลง “กลุยทธ์การดำเนินนโยบายการเงินครั้งใหม่” และสัญาณชี้นำอื่นๆ


ในช่วงต้นเดือนก.ค. คณะกรรมาธิการของอีซีบี เผยถึงการปรับเพิ่มเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% และอาจมีการยอมให้เงินเฟ้อเหนือระดับเป้าหมายได้บางช่วง และการเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นสัญญาณชี้นำต่อแนวทางการกำหนดนโยบายของอีซีบี เนื่องจากมีมุมมองว่าการปรับขึ้นของเงินเฟ้อดูจะเป็นเพียงภาวะ “ชั่วคราว” เท่านั้น จึงสามารถยอมให้ปรับขึ้นเหนือกว่าเป้าหมายได้


สำหรับการประชุมวันนี้ อีซีบีถูกคาดว่าอาจยังไม่ปรับท่าทีการผ่อนคลายทางการเงินมากนัก และหลังจากจบประชุมอีซีบีวันนี้ ตลาดก็จะสนใจต่อการประชุมเฟดเป็นลำดับต่อไปในวันที่ 27 – 28 ก.ค.


· อีซีบีถูกคาดว่าจะให้การสนับสนุนทางการเงินเป็นเวลานานต่อไป รวมทั้งหนุนเงินเฟ้อ

แม้ว่าการหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้“น่าจะยังไม่มีการประกาศมาตรการใหม่ใดๆ”


· Bitcoin ปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดยืนเหนือ 32,000 เหรียญ รีบาวน์กลับหลังเผชิญแรงขายทำกำไร


· “Elon Mask” เผย Tesla จะกลับมาเริ่มต้นให้บริการรับ Bitcoin สำหรับการชำระค่าสินค้าและบริการโดยส่วนใหญ่ของบริษัท หนุนให้ Ethereum ปรับขึ้นต่อตามด้วย

Ethereum ระหว่างวันฟื้นตัวได้ก่อนที่จะทราบถ้อยแถลงของนายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารจาก Tesla และล่าสุดขยับขึ้นได้กว่า 12% ใกล้สูงสุดรายวันที่เคยทำไว้


· รีพับลิกันค้านการอภิปรายแผนโครงสร้างพื้นฐาน จึงอาจกลับมาเจรจากันใหม่ในสัปดาห์หน้า


· สำนักงบประมาณแห่งชาติสหรัฐฯ (CBO) คาดการผิดนัดชำระหนี้จะเกิดขึ้นได้ในเดือนต.ค. - พ.ย. หากไม่สามารถจำกัดระดับหนี้ในระดับสูงได้


· CORONAVIRUS UPDATES:




ทั่วโลกติดเชื้อสะสมใกล้ทะลุ 193 ล้านราย ล่าสุดแตะ 192.78 ล้านราย

สำหรับยอดเสียชีวิตสะสมทั่วโลกแตะ 4.14 ล้านราย




· สหรัฐฯขยายเวลาจำกัดการเดินทางไปยังแคนาดา และพรมแดนเม็กซิโก จนถึง 21 ส.ค. นี้

· พุ่งอีก! ไทยทำ New High ไม่หยุด ติดโควิดเพิ่ม 13,655 ราย ดับเพิ่ม 87 ราย




ขยับอันดับติดเชื้อใหม่อยู่ลำดับที่ 13 ของโลก ล่าสุดไทยมียอดติดเชื้อสะสมสูงถึง 453,132 ราย และเสียชีวิตสะสมในประเทศมากถึง 3,697 ราย

ครองอันดับติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดของเอเชียเป็นอันดับที่ 4




และเสียชีวิตใหม่เพิ่มมากที่สุดในแถบเอเชียอยู่ลำดับที่ 7 คงเดิม




· ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาด “อ่อนค่า”ที่ระดับ 32.85บาท/ดอลลาร์

นักบริหารการเงิน มองว่า เงินบาทมีโอกาสค่าเงินบาทมีแนวโน้มจะพลิกกลับ “แข็งค่า”เนื่องจากปัญหาการระบาดของ COVID-19 ในไทยยังมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น และจุดเลวร้ายสุดของการระบาดยังมาไม่ถึง

สำหรับวันนี้คาดว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.75-32.90 บาท/ดอลลาร์


· อ้างอิงจากสำนักข่าว PPTV, Bright TV และผู้จัดการออนไลน์

- นายกฯ ขอพิจารณาล็อกดาวน์ กทม. 7 วัน ชี้ถ้าเจ็บแล้วจบก็จะทำ


- ไทยเตรียมเจรจาขอเข้า "โครงการ COVAX" จัดหาวัคซีนสำหรับปี 2565

ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงการเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ในปี 2565 ประเทศไทยยังอยู่ในการเข้าร่วมกับ โครงการโคแวกซ์ เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าร่วมลงนามเพื่อจัดหาวัคซีนร่วมกัน

ซึ่งขณะนี้ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เตรียมการและเริ่มเจรจาร่วมถึงประสานงานไปที่องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (The Vaccine Alliance หรือ กาวี Gavi) เพื่อที่จะ ขอเจรจาจัดหาวัคซีนยร่วมกับโคแวกซ์ เพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในส่วนของปี 2565 เพิ่มเติมจากการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนโดยลำพัง ซึ่งหากมีข้อสรุปจะนำเสนอต่อคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องต่อไป


- สมาคมศูนย์การค้าไทย ชง 4 ข้อเสนอจี้นายกฯ เร่งเยียวยาผู้ประกอบการ

ทั้ง พยุงการจ้างงาน-กระตุ้นการลงทุน-เยียวยา-ลดค่าใช้จ่าย พร้อมชี้ชัดแผนเปิด-ปิด ในแต่ละสถานการณ์ตามเฟสให้ชัดเจน หวังตั้งรับ ลดผลกระทบที่เกิดจากคำสั่งเปลี่ยนแปลงกระทันหัน


- ครม.เห็นชอบแนวทางและขั้นตอนขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 จำนวน 124,291.8472 ล้านบาท


อ้างอิงจากสำนักข่าวช่อง 7 สี

- เศรษฐกิจไทยอ่วม ฟื้นตัวช้า ถดถอยยาว

Nikkei เพิ่งจัดอันดับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิด 19 ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกผ่านตัวชี้วัด COVID-19 Recovery Index ซึ่งตัวชี้วัดดังกล่าว วัดความสามารถแต่ละประเทศในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านการบริหารจัดการ 3 ด้าน ได้แก่

1) ด้านบริหารจัดการการระบาด
2) ด้านกระจายวัคซีน
3) ด้านความสามารถในการเคลื่อนย้ายทางสังคม

ประเทศที่อยู่อันดับสูงกว่า แปลว่า “มีแนวโน้มฟื้นตัวดีกว่า” เนื่องจากคุมการระบาดได้ดี มีผู้ติดเชื้อน้อย มีอัตราการฉีดวัคซีนมาก และสามารถผ่อนคลายมาตรการทางสังคม เช่น เว้นระยะห่างได้ ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจ

ทั้งนี้ จากการจัดอันดับ 120 ประเทศ ณ 30 มิ.ย. 2564 พบว่าไทยอยู่ที่อันดับ 118 หรือที่สามจากสุดท้าย โดยจีนอยู่ในอันดับ 1 มีสัญญาณฟื้นตัวดีสุด ขณะที่อันดับของไทย เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ความสามารถในการฟื้นตัวต่ำสุด ต่ำกว่าทั้ง ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

ล่าสุด ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. หลายสถาบันเริ่มหั่นตัวเลขประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย เช่น


- ธนาคารกรุงศรีฯ ที่ปรับลด GDP คาดการณ์ปีนี้จาก 2.0% เหลือ 1.2% โดยเหตุผลหลักมาจากการติดเชื้อที่เพิมขึ้น และมาตรการรัฐที่ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจหรืออุปสงค์ในประเทศ นอกจากนี้ยังคาดว่า ณ เดือน ส.ค. ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่จะอยู่ที่ 15,000 คนต่อวัน


- KKP Research ที่ปรับลด GDP คาดการณ์ปีนี้เหลือ 0.5% จากเดิมประเมินไว้ที่ 1.5% ทั้งยังห้อยท้ายว่า ในกรณีเลวร้าย GDP อาจถึงขั้นติดลบ


- ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวเพียง 1.8% เท่านั้น


- ธนาคารโลก ที่ปรับลด GDP คาดการณ์ของไทยจาก 3.4% (คาดการณ์ ณ มี.ค. 2564) เหลือ 2.2% เหตุผลหลักจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปีนี้ ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี

ธนาคารโลกยังประเมินว่า โควิด 19 ทำให้จำนวนประชากรไทยที่ตกอยู่ใต้เส้นความยากจนเพิ่มขึ้น เพิ่มจาก 6.2% ในปี 2562 เป็น 7.4% ในปี 2563 หรือราว 700,000 คน หากคิดเป็นอัตราความยากจน อัตราความยากจนในชนบทเพิ่มสูงกว่าในเมือง อัตราความยากจนในเมืองเพิ่มขึ้น 1 % ในชนบทเพิ่มขึ้น 1.6% โดยเฉพาะในภาคอีสาน ที่อัตราความยากจนเพิ่มขึ้นมากสุด

ที่น่าสนใจคือ ขณะที่เศรษฐกิจไทยหดตัวกว่าเดิม หลายประเทศรอบบ้านเรากลับเติบโตดี เช่น เวียดนาม คาดว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะโตที่ 7.6% กลับไปเท่าระดับก่อนโควิด หรือสิงคโปร์ ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะโตที่ 6.4%

ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ถดถอยและฟื้นตัวช้า ไม่เห็นปลายทางที่สามารถคุมการระบาดได้ในระยะเวลาอันใกล้ ธุรกิจและผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs ต้องเตรียมรับมือให้ดี


- พิษโควิด เขย่าเศรษฐกิจไทยนานแค่ไหน?

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI เห็นว่าความเสียหายจากวิกฤตโควิด-19 ระลอกนี้ ที่สถานการณ์ไปไกลถึงขั้นล็อกดาวน์ และไม่มีใครมั่นใจเจ็บแล้วจบ จึงคาดว่าอาจยืดเยื้อถึง 6 เดือน และต้องใช้เงินเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจเดือนละ 100,000 ล้านบาท รวม 600,000 ล้านบาท


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com