• “David Tice” เตือนช่วงเวลา “อันตราย” สำหรับการลงทุนในหุ้นและ Bitcoin ตอนนี้ ภาพระยะยาวเป็นตลาดหมี! – แต่ทองคำยังสดใส!

    20 กรกฎาคม 2564 | Gold News


“David Tice” เตือนช่วงเวลา “อันตราย” สำหรับการลงทุนในหุ้นและ Bitcoin ตอนนี้ ภาพระยะยาวเป็นตลาดหมี! – แต่ทองคำยังสดใส!

 


นายเดวิด ไทซ์ อดีตผผู้จัดการกองทุน Prudent Bear Fund และผู้ทำการขายกองทุนในสภาวะขาลงในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ได้ทำการเปิดเผยมุมมองส่วนตัวว่าการลงทุนในตลาดระยะยาวเวลานี้ ขณะที่ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของกองทุน AdvisorShares Ranger Equity Bear ETF ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการสูงถึง70 ล้านเหรียญ และกองทุนดังกล่าวมีการเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มเพียง 3% ในเดือนท่แล้ว ต่างจากช่วง ปีก่อนที่เข้าซื้อไว้ถึง 62%

เขากล่าว เตือน’ ว่า ภาวะการลงทุนใน ดัชนี S&P 500 ตลอดจน หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ รวมทั้ง Bitcoin ว่ากำลังเข้าสู่ “ความอันตรายอย่างมาก” ในเวลานี้

ทั้งนี้ ตลาดค่อนข้างเผชิกับสภาวะ Overprice เกี่ยวกับการคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคต ที่เราอาจเห็นระดับหนี้เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้ ท่ามกลางตลาดพันธบัตรที่เคลื่อนไหว “ค่อนข้างแปลกมาก” และอัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลง

ดังนั้น เขาจึงมองว่า ตลาดน่าจะเป็นขาลง ในสภาวะที่ภาพรวมดูจะเป็นขาขึ้น โดยเวลานี้ดูจะเห็นได้ถึงภาวะแรงเทขายที่จะเกิดขึ้นต่อไป และบ่อยครั้งมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน Hedge Fund ของ Morand-Tice Capital Management ยังมอง “ตลาดขาลง” แต่มองว่าเป็นเวลาของหุ้นกลุ่มโลหะและเหมืองมากกว่า

และเขาแนะนำว่า ทองคำและซิลเวอร์เป็นขาขึ้น และเชื่อว่านี่จะเป็น “หนึ่งในโอกาส” รอบกว่าสิบปี ที่จะเห็นสินทรัพย์ทั้งสองนี้ขึ้นได้เป็นเวลานาน

สำหรับนักลงทุนที่ปราศจากวินัยทางการเงินและตลาดการเงินต่างๆ โดยทองคำก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่ดี และตลอดระยะเวลากว่า 5,000 ปี ที่ทองคำและซิลเวอร์ ที่ค่อนข้างตอบโจทย์กับการใช้ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน

นอกจากนี้ นายไทซ์ คาดว่า ทองคำมีโอกาสขึ้นได้จากระดับปัจจุบันได้อีกกว่า 10% โดยน่าจะไปถึง 2,000 เหรียญได้ในช่วงเดือนธ.ค.

อย่างไรก็ดี เขาเปรยว่า อาจจะเข้าถือทองคำ โดยเฉพาะการถือหุ้นเหมืองทองและซิลเวอร์ และจะเห็นว่าบริษัทพวกนี้ไม่เคยมีหุ้นที่ราคาถูกกว่านี้ และจากผลประกอบการที่ได้แค่อัตราเปอร์เซ็นเพียงหลักเดียว ต่อไปนี้อาจได้มากขึ้น 15-20%  สำหรับผลประกอบการที่ได้ เมื่อประเมินจากราคาในเวลานี้ แต่หากคุณถือครองจากสิ่งที่เราคิด ก็อาจเห็นผลประกอบการรายปีเพิ่มไปแตะ 20% ได้ เนื่องจากราคาทองคำและมุมมองต่อบริษัทที่ค่อนข้างมีโอกาสที่จะไปในแนวโน้มสดใส


ที่มา: CNBC

 

* หมายเหตุ: บทความดังกล่าวเป็นการนำเสนอความเห็นนักวิเคราะห์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำการลงทุนแต่ประการใด นักลงทุนจึงควรศึกษาและโปรดใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจลงทุน *

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com