• สถานการณ์ระบาดในไทย พบ Delta ร้อยละ 32 - ติดเชื้อในกทม. 52% เป็นสายพันธุ์ Delta

    7 กรกฎาคม 2564 | Economic News
  

ศบค.เตือน ‘เครื่องช่วยหายใจไม่พอ’ ชี้ไทยพบพันธุ์ ‘เดลต้า’ ร้อยละ 32 ‘อัลฟ่า’ 66 วอน เข้มอนามัย  และเปิดเผยว่าโควิดในกทม. 52% เป็นสายพันธุ์เดลต้า แนะสวมหน้ากากอนามัยสองชั้นแม้ได้รับวัคซีนแล้ว

 

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า โดยภาพรวมประเทศไทย จากจำนวนสุ่มตรวจ 2,238 ตัวอย่าง


เป็นสายพันธุ์อัลฟ่า 65.1 เปอร์เซ็นต์สายพันธุ์เดลต้า 32.2 เปอร์เซ็นต์ และ สายพันธุ์เบต้า 2.6 เปอร์เซ็นต์

สรุป กรุงเทพมหานคร พบเชื้อสายพันธุ์เดลต้า เป็นส่วนใหญ่ ถึง 52 เปอร์เซ็นต์


ภูมิภาคยังคงเป็น สายพันธุ์อัลฟ่า ถึง 77 เปอร์เซ็นต์


โดยสายพันธุ์เดลต้า มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น พบว่า ในช่วงเวลาตั้งแต่ เมษายน เจอ 10 เปอร์เซ็นต์กลางมิถุนายน เจอ 16 เปอร์เซ็นต์ต้นเดือนกรกฎาคม 32 เปอร์เซ็นต์

·         อ้างอิงจากผู้จัดการออนไลน์

- ญี่ปุ่นเตรียมบริจาควัคซีน 'แอสตร้าเซนเนก้า’ ถึง ‘ไทย’ 1 ล้านโดสในสัปดาห์นี้


โควิดระบาดรอบ4 สัญญาณล็อกดาวน์อีกรอบ!?

ได้เห็นการแถลงของ ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร รองประธานคณะที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงข่าวประเด็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เห็นสัญญาณการ“ล็อกดาวน์” เต็มรูปแบบอาจกลับมาให้เห็นอีกรอบ


โดยให้รอดูตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ ในวันที่ 11-12 กรกฎาคมนี้ หากจำนวนยังพุ่งสูงมีผู้ติดเชื้อเกิน 5 พันรายแบบนี้ก็มีโอกาสที่ต้องควบคุมขั้นสูงสุด ก่อนที่จะเอาไม่อยู่ และเกินกำลังของระบอบสาธารณสุขรองรับได้ ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เขาบอกว่าอยู่ในระดับที่บุคลากรทางการแพทย์รับมือได้ต้องไม่เกินจำนวน 500-1,000 คนต่อวัน

 

·         อ้างอิงจาก The Bangkok Inside

หมอแล็บแพนด้า’ เตือนภายใน 1-2 เดือน โควิดสายพันธุ์เดลตา เข้าไทย 100%

- จังหวัดนนทบุรี พบผู้ติดเชื้อโควิด วันนี้ติดเชื้อใหม่ 200 ราย

 

·         อ้างอิงจากข่าวสด

แพทย์นิติเวช ยันเอง ชันสูตรศพพบติดโควิดอื้อ ชี้ตัวเลขจริงเยอะกว่านี้มาก

สรุปคือจะบอกว่า สถานการณ์หนักมาก ผู้ป่วยกับตายที่เห็นนี่ไม่เป็นตัวเลขจริงแน่นอน มีเยอะกว่านั้นมาก มีคนที่ไม่ได้ swab ตรวจอีกเยอะ ส่วนคนตายก็มีเยอะกว่านี้ เพราะก็มีหลายๆ เคสที่ไม่ได้ swab แพทย์นิติเวชบางที่ก็ไม่สามารถ swab ตรวจให้ได้หมดแม้ว่ามีประวัติเสี่ยง เพราะไม่สามารถเบิกเงินค่า swab จากศพที่ตายในที่เกิดเหตุ


พนักงานบริษัท ติดโควิดระนาว พบไทม์ไลน์ เดินทางไปพบลูกค้าทั่วกรุง

 

·         อ้างอิงจากไทยรัฐ

- เพื่อไทยเล็งฟ้อง "ตู่" บริหารวัคซีนห่วย ชี้ผิดปมละเว้น "สิระ" ไม่ขอโทษ ซัดกลับศุภชัย

ตามที่พรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตนโยบายวัคซีนทางเลือกของรัฐบาล ที่จะให้ภาคเอกชนจัดหาวัคซีนคุณภาพดีเอง อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 47 ล่าสุดพรรคเพื่อไทยประกาศพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายเอาผิดรัฐบาล ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้ได้

 

·         อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

สมาคมนักวิเคราะห์ฯ หั่นเป้าจีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 2.11%


สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ลดคาดการณ์จีดีพีปี 64 เหลือโต 2.11% มองปัจจัยบวกการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก-การฉีดวัคซีนโควิด แต่การลดมาตรการ QE-การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ-ฟันด์โฟลว์ไหลออก-การเมืองไทย จะกดดันดัชนี มองเป้าสิ้นปี 1,647 จุด


ส่วนทิศทางการลงทุนในครึ่งปีหลัง จะได้ผลบวกที่ชัดเจนมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยมีผู้โหวตท่วมท้นถึง 85% รองลงมาคือ แนวโน้มสถานการณ์วัคซีนในไทย มีผู้โหวต 61% ส่วนปัจจัยด้านลบมาจากท่าทีการลดมาตรการสภาพคล่อง (QE) ทั่วโลก และแนวโน้มการจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ เร็วขึ้นกว่าคาดการณ์เดิม ทั้ง 2 ปัจจัยมีผู้โหวตชัดเจนถึง 81% เท่ากัน นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยลบจากกระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ต่างชาติที่ไหลออก และปัจจัยการเมืองไทยที่มีผู้โหวตมากเท่ากันถึง 69%

 

·         อ้างอิงไทยโพสต์

สรท.คาดส่งออกปี 64 โต 7%หลังประเทศคู่ค้าฟื้นตัววอนรัฐเร่งกระจายฉีดวัคซีน


นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท. คาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโตมากกว่า 7% โดยการส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้อยู่ที่ 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีโอกาสเติบโตถึง 10% โดยส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกันนี้หากต้องการส่งออกทั้งปีอยู่ที่ 15% การส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจากนี้อยู่ที่ 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โอกาสอาจจะน้อยเนื่องจากต้องมีหลายปัจจัยประกอบกับผู้ส่งออกต้องผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่


ทั้งนี้ การส่งออกจะโตได้ต้องมีปัจจัยบวกที่สนับสนุน ได้แก่  การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก ประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายตามปกติ


 สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อการส่งออก ได้แก่
1. แรงงานขาดแคลน 

2. สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีความรุนแรงในประเทศ

3.ปริมาณปัจจัยการผลิตที่ไม่เพียงพอและมีต้นทุนเพื่มสูงขึ้น

4. ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลนและอัตราค่าระวางที่ทรงตัวในระดับสูง


อ่านต่อhttps://www.thaipost.net/main/detail/108804

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com