ระดับหนี้จีนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
รายงานจาก CNBC พบว่า ระดับหนี้สินของจีนปรับตัวขึ้นในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งใน "ความท้าทาย" ครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจจีนภายใต้การเฉลิมฉลองการจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ครบรอบ 100 ปี ในสัปดาห์นี้
ระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นของจีน อาจเป็นภัยใหญ่ที่คุกคามเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของจีน ท่ามกลางจีนที่พยายามจะลดระดับหนี้ที่ขยายตัวอย่างมากในประเทศ แต่การพยายามลดระดับหนี้สินดูจะประสบปัญหาตั้งแต่เผชิญกับวิกฤต Covid-19 เมื่อปีที่ผ่านมา
การระบาดของ Covid-19 ในปีที่แล้วได้กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ขณะเดียวกัน แต่ก็ช่วยหนุนให้กลุ่มผู้กำหนดนโยบายของจีนดำเนินการปล่อยเงินกู้กับบริษัทต่างๆได้ง่ายยิ่งขึ้น ผลที่ตามมา คือ "ระดับหนี้ของจีนที่เพิ่มสูงขึ้น" เรียกได้ว่าระดับสูงสุดประวัติการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2020
ระดับหนี้จีนที่พุ่งสูงเป็น "ประวัติการณ์"
จีนเผชิญระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลกในปี 2007 และ ปี 2008 ด้วยการใช้มาตรการอัดฉีดทางการเงินจำนวนมหาศาล ตลอดจนการปล่อยกู้ในภาคธนาคาร
ระดับหนี้ของจีนค่อนข้างทรงตัวในช่วงหลายปีก่อนที่จะกลับมาทะยานเหนือ All-Time High คิดเป็นเกือบ 290% ของจีดีพีช่วงไตรมาสที่ 3/2020

แต่ "จีน" ไม่ใช่ประเทศเดียวที่เผชิญระดับหนี้สินของประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นมหาศาล แต่หลายๆประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ, จีน, และหลายๆประเทศในยุโรป ก็เผชิญระดับหนี้-ต่อ-จีดีพี เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน จากการที่รัฐบาลทั่วทุกมุมโลกมีการเพิ่มงบค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือ "ภาคธุรกิจ" และ "ภาคครัวเรือน" ซึ่งความท้าทายที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุมาจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
หนี้จีนทะยาน
แต่ระดับหนี้ในจีนก็แตกต่างจากของสหรัฐฯและญี่ปุ่น
ข้อมูลจาก BIS เผยว่า ภาคบริษัทต่างๆ ในจีน ที่นับรวมภาคการขนส่งขนาดใหญ่ คิดเป็นระดับหนี้ที่สูงเกินกว่า 160% ของจีดีพี จีน ขณะเดียวกัน ระดับหนี้ภาครัฐไม่ได้มีเพียงแค่จีน แต่สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีในสหรัฐฯ และญี่ปุ่นก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน




ทั้งนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ดูจะกระทบต่อจีนที่พยายามควบคุมระดับหนี้สินในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ให้ต้องหยุดชะงักไปในปีที่ผ่านมา
ผลที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่า สภาพการเงินทางสังคมโดยรวม (ที่เป็นมาตรวัดสินเชื่อและสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ) ปรับขึ้น 11% จากปีที่แล้วในช่วงสิ้นเดือนพ.ค. ขณะที่เดือนก่อนขยายตัว 11.7%
บรรดานักเศรษฐศาสตร์จาก Barclays คาดว่า การขยายตัวทางสินเชื่อในจีนจะอยู่ระหว่าง 10 - 10.5% ภายในช่วงสิ้นปีนี้ เมื่อเทียบกับระดับ 13.3% ในช่วงสิ้นปี 2020
การขยายตัวทางเศรษฐกิจจีน
ระดับหนี้สินที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลก ดูจะช่วยพยุงให้จีนกลายเป็นประเทศเดียวที่สามารถขยายตัวก้าวนำประเทศญี่ปุ่น ที่เคยอยู่อันดับที่ 2 ของโลกได้ และทำให้จีนเป็นรองแค่เพียง "สหรัฐฯ" ที่เดียว"
ณ ขณะนี้ จีนมุ่งเน้นไปยังเป้าหมายการเป็น "ประเทศที่พัฒนาแล้ว" โดยเมื่อเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานธิบดีจีน กล่าวว่า "มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจีนตะขยายตัวได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในปี 2035"
นักวิเคราะห์บางราย ยังมองว่า จีนอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจได้ และการลดระดับหนี้อาจจะกระทบกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีต่อๆไปได้ ขณะที่การเปลี่ยนผ่านของการอุปโภคบริโภคอาจสะท้อนถึงผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี ยังมีอุปสรรคต่างๆที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ไม่น่าจะเป็น "อุปสรรค" เนื่องจากน่าจะเป็นเพียงสภาวะ "ชั่วคราว" ที่เกิดขึ้นกับจีนเท่านั้น แต่สิ่งเดียวที่กำลังเป็นประเด็นมาโดยตลอดก็คือ จีนจะสามารถแซงประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างสหรัฐฯ ได้หรือไม่
ที่มา: CNBC