• ระดับหนี้จีนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

    29 มิถุนายน 2564 | Economic News
  

ระดับหนี้จีนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

รายงานจาก CNBC พบว่า ระดับหนี้สินของจีนปรับตัวขึ้นในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งใน "ความท้าทาย" ครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจจีนภายใต้การเฉลิมฉลองการจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ครบรอบ 100 ปี ในสัปดาห์นี้


ระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นของจีน อาจเป็นภัยใหญ่ที่คุกคามเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของจีน ท่ามกลางจีนที่พยายามจะลดระดับหนี้ที่ขยายตัวอย่างมากในประเทศ แต่การพยายามลดระดับหนี้สินดูจะประสบปัญหาตั้งแต่เผชิญกับวิกฤต Covid-19 เมื่อปีที่ผ่านมา


การระบาดของ Covid-19 ในปีที่แล้วได้กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ขณะเดียวกัน แต่ก็ช่วยหนุนให้กลุ่มผู้กำหนดนโยบายของจีนดำเนินการปล่อยเงินกู้กับบริษัทต่างๆได้ง่ายยิ่งขึ้น ผลที่ตามมา คือ "ระดับหนี้ของจีนที่เพิ่มสูงขึ้น" เรียกได้ว่าระดับสูงสุดประวัติการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2020


ระดับหนี้จีนที่พุ่งสูงเป็น "ประวัติการณ์"

จีนเผชิญระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลกในปี 2007 และ ปี 2008 ด้วยการใช้มาตรการอัดฉีดทางการเงินจำนวนมหาศาล ตลอดจนการปล่อยกู้ในภาคธนาคาร

ระดับหนี้ของจีนค่อนข้างทรงตัวในช่วงหลายปีก่อนที่จะกลับมาทะยานเหนือ All-Time High คิดเป็นเกือบ 290% ของจีดีพีช่วงไตรมาสที่ 3/2020



แต่ "จีน" ไม่ใช่ประเทศเดียวที่เผชิญระดับหนี้สินของประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นมหาศาล แต่หลายๆประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ, จีน, และหลายๆประเทศในยุโรป ก็เผชิญระดับหนี้-ต่อ-จีดีพี เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน จากการที่รัฐบาลทั่วทุกมุมโลกมีการเพิ่มงบค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือ "ภาคธุรกิจ" และ "ภาคครัวเรือน" ซึ่งความท้าทายที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุมาจากการระบาดของไวรัสโคโรนา


หนี้จีนทะยาน

แต่ระดับหนี้ในจีนก็แตกต่างจากของสหรัฐฯและญี่ปุ่น

ข้อมูลจาก BIS เผยว่า ภาคบริษัทต่างๆ ในจีน ที่นับรวมภาคการขนส่งขนาดใหญ่ คิดเป็นระดับหนี้ที่สูงเกินกว่า 160% ของจีดีพี จีน ขณะเดียวกัน ระดับหนี้ภาครัฐไม่ได้มีเพียงแค่จีน แต่สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีในสหรัฐฯ และญี่ปุ่นก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน



ทั้งนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ดูจะกระทบต่อจีนที่พยายามควบคุมระดับหนี้สินในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ให้ต้องหยุดชะงักไปในปีที่ผ่านมา

ผลที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่า สภาพการเงินทางสังคมโดยรวม (ที่เป็นมาตรวัดสินเชื่อและสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ) ปรับขึ้น 11% จากปีที่แล้วในช่วงสิ้นเดือนพ.ค. ขณะที่เดือนก่อนขยายตัว 11.7%

บรรดานักเศรษฐศาสตร์จาก Barclays คาดว่า การขยายตัวทางสินเชื่อในจีนจะอยู่ระหว่าง 10 - 10.5% ภายในช่วงสิ้นปีนี้ เมื่อเทียบกับระดับ 13.3% ในช่วงสิ้นปี 2020


การขยายตัวทางเศรษฐกิจจีน

ระดับหนี้สินที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลก ดูจะช่วยพยุงให้จีนกลายเป็นประเทศเดียวที่สามารถขยายตัวก้าวนำประเทศญี่ปุ่น ที่เคยอยู่อันดับที่ 2 ของโลกได้ และทำให้จีนเป็นรองแค่เพียง "สหรัฐฯ" ที่เดียว"

ณ ขณะนี้ จีนมุ่งเน้นไปยังเป้าหมายการเป็น "ประเทศที่พัฒนาแล้ว" โดยเมื่อเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานธิบดีจีน กล่าวว่า "มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจีนตะขยายตัวได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในปี 2035"

นักวิเคราะห์บางราย ยังมองว่า จีนอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจได้ และการลดระดับหนี้อาจจะกระทบกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีต่อๆไปได้ ขณะที่การเปลี่ยนผ่านของการอุปโภคบริโภคอาจสะท้อนถึงผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย


อย่างไรก็ดี ยังมีอุปสรรคต่างๆที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ไม่น่าจะเป็น "อุปสรรค" เนื่องจากน่าจะเป็นเพียงสภาวะ "ชั่วคราว" ที่เกิดขึ้นกับจีนเท่านั้น แต่สิ่งเดียวที่กำลังเป็นประเด็นมาโดยตลอดก็คือ จีนจะสามารถแซงประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างสหรัฐฯ ได้หรือไม่


ที่มา: CNBC


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com