MTS Help Center

ทองคำอ่อนตัวลงต่ำกว่า 1,900 เหรียญ หลังดอลลาร์รีบาวน์ – อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับขึ้น

ทองคำปรับลงต่ำกว่าระดับสำคัญ 1,900 เหรียญ แม้ว่าจะมีคาดการณ์ว่าเฟดจะใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตลาดได้รับแรงกดดันจาก

- แรงเทขายทำกำไร

- การรีบาวน์ของดอลลาร์เหนือ 90 จุดอีกครั้ง

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ทรงตัวในกรอบ และมีการดีดกลับขึ้นมาแถว 1.58% หลังการประมูลผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี

- กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ ทำการเทขายทองคำ 2.04 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,044.08 ตัน

ภาพรวมเดือนพ.ค. เป็นเดือนแรกที่มีสถานะเข้าซื้อสุทธิ 27.04 ตัน หลังจากที่ 7 เดือนขายต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ภาพรวมตั้งแต่ต้นปี – ปัจจุบัน SPDR มีสถานะขายสุทธิที่ +126.66 ตัน

• ทองคำตลาดโลกปิด -0.3% ที่ระดับ 1,893.20 เหรียญ หลังช่วงต้นตลาดทำสูงสุดตั้งแต่ 8 ม.ค. ที่ระดับ 1,912.50 เหรียญ

• สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด +0.2% ที่ 1,901.2 เหรียญ

• สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิดปรับขึ้น 3.3 เหรียญ ที่ระดับ 1,903.8 เหรียญ

• สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ดังกล่าวในตลาด Comex จะหมดอายุลงในวันที่ 27 พ.ค. นี้

• นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโส กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯและดอลลาร์ที่ปรับแข็งค่าดูจะทำให้นักลงทุนบางส่วนก้าวออกจากทองคำ แต่ภาพรวมทองคำยังเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นได้เป็นอย่างดี และค่อนข้างมีโอกาสไปแตะระดับเป้าหมายระยะสั้น 1,950 เหรียญ

• บรรดาสมาชิกเฟดหลายรายยังคงย้ำถึงท่าทีการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน นำโดย

นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ล่าสุด กล่าวถึงการที่เฟดจะสามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อได้หากการปรับขึ้นนั้นออกนอกเส้นทาง ดังนั้น การปรับขึ้นของเงินเฟ้อจึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นางแมรี ดาร์ลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก แสดงความมั่นใจต่อการปรับขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังย้ำว่า เวลานี้ “ไม่ใช่” เวลาสำหรับการหารือเรื่องการก้าวออกจากนโยบายการเงิน

• Reuters เผย ถ้อยแถลง “นายแรนดัล ควอเลส” รองประธานเฟดด้านการกำกับดูแลภาคธนาคาร ส่งสัญญาณเปิดกว้างต่อการเจรจาเรื่องการเข้าซื้อพันธบัตร โดยการลดการเข้าซื้อบางส่วนตามโครงการฉุกเฉินเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าแผนของเฟดในการจัดการกับการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อและการขยายตัวจะเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ดี เขามีการเผยถึงการเตรียมรับมือ กรณีเกิด “ความเสี่ยง” ที่เพิ่มมากขึ้นด้านเงินเฟ้อ และแนวทางที่เฟดอาจจำเป็นต้องเริ่มการทยอยปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน

• นักวิเคราะห์จาก TD Securities กล่าวว่า นักลงทุนยังคงจับตาสัญญาณเตือนด้านเงินเฟ้อ ขณะที่ภาพรวมกลุ่มสินค้าโลหะมีค่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่ระยะถูกเทขายออกในช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางตลาดที่คลายความกังวลว่าการขึ้นของเงินเฟ้อจะบังคับให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย

• เวลานี้ตลาดกำลังจับตารายงานข้อมูล “จีดีพีสหรัฐฯ”, “จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์” และ “ข้อมูลการใช้จ่ายผู้บริโภค” สัปดาห์นี้

• พลาเดียมปิด -0.8% ที่ 2,747.59 เหรียญ

• ซิลเวอร์อ่อนตัวลง 1.1% ที่ 27.68 เหรียญ

• แพลทินัมปิด +0.4% ที่ 1,187.51 เหรียญ

· รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดมุมมองคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนโดยย้ำถึงการอ่อนตัวของการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชน รวมทั้งเงื่อนไขทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ เนื่องจากการประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน

อย่างไรก็ดี รัฐบาลญี่ปุ่นจะทำการประกาศการปรับทบทวนข้อมูลจีดีพีไตรมาสแรกในวันที่ 8 มิ.ย.นี้

· อิหร่านประกาศแบนเหมือง Bitcoin ท่ามกลาง ปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าและพลังงาน

ทั้งนี้ รัฐบาลอิหร่านประกาศห้ามการขุด Bitcoin เป็นเวลาเกือบ 4 เดือน จากสภาวะเมืองหลักๆ และหลายๆจังหวัดของประเทศเผชิญปัญหาด้านพลังงานไฟฟ้า โดยจะมีผลตั้งแต่ตอนนี้จนถึง 22 ก.ย. นี้

ขณะที่ Bitcoin และ Ether วานนี้รีบาวน์กลับมาได้ราว 1% และเริ่มทรงตัว หลังจากที่ผันผวนมาตลอดช่วงปลายสัปดาห์

· เหตุปราบปรามเรื่อง Cryptocurrency ในจีน ดูจะเร่งให้เกิดการเคลื่อนย้ายเครื่องมือขุดเจาะเหมืองจากศูนย์กลางขุดในเอเชียไปยัง “เหมืองอเมริกาเหนือ” แทนอย่างรวดเร็ว

ท่ามกลางกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในอนาคต

· Reuters รายงานว่า จีนยังเดินหน้าเข้าซื้อสินค้าสหรัฐฯซึ่งเพียงพอต่อการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่ง

· สหรัฐฯมุ่งความสนใจไปยังการประชุม Quad ช่วงเดือนก.ย. - พ.ย. ที่มุ่งเน้นความร่วมือ “แผนโครงสร้างพื้นฐาน” ในแถบ Indo-Pacific

สหรัฐฯต้องการที่จะจัดการประชุม (Quad Quadrilateral Security Dialogue) หรือความร่วมมือด้านความมั่นคงของประเทศมหาอำนาจทั้ง 4 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลียที่มุ่งเน้นไปยังความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานกับจีน สำหรับความร่วมมือกันตามนโยบาย “อินโด-แปซิฟิก”

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังให้คำมั่นว่า นานาประเทศมีการตอบรับในทางที่ดีในการร่วมมือกับ Quad สำหรับการประชุมครั้งแรกเมื่อเดือนมี.ค. พร้อมให้คำมั่นที่จะร่วมมือกันด้านการจัดการวัคซีน Covid-19, สภาพภูมิอากาศ และความมั่นคง

· รายงานผลประกอบการภาคธนาคารสหรัฐฯปรับขึ้น 2% ท่ามกลางการปรับแนวโน้มการขาดทุนด้านสินเชื่อในอนาคตลดลง

· ผู้นำเบลารุส เผย การคุมตัวนักข่าวคนดังกล่าวมาจากแผน “การปฏิวัตินองเลือด”

ท่ามกลางภัยคุกคามด้านการขู่ฆ่าและการจับกุม ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างสื่อฝ่ายค้านในเบลารุสและต่างประเทศเวลานี้

· CORONAVIRUS UPDATES:

รายงานการติดเชื้อสะสมทั่วโลกทะลุ 169 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมทะลุ 3.51 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย

สถานการณ์ในไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นหลักพันต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 3,226 ราย รวมสะสมในประเทศแตะ 135,439 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตวันก่อนทะลุ High ใหม่ 41 ราย แต่วานนี้พบผู้เสียชีวิตใหม่เพิ่มเพียง 26 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 832 ราย

ล่าสุด “หมอนิธิพัฒน์” โรงพยาบาลศิริราช สุดทน ออกโรงอัดแพทย์ที่จงใจปิดข้อมูลภาพรวมการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำกว่าความเป็นจริง พร้อมติดแฮชแท็กเอาแพทย์ของนักการเมืองคืนไปส่งแพทย์ของประชาชนคืนมา เนื่องจาก หมอพวกนี้ถือว่าจงใจปกปิดข้อมูลทำให้ภาพรวมการเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้ภาคความมั่นคงและภาคประชาชนไม่เห็นความสำคัญของปัญหาที่แท้จริง และไม่กวดขันเข้มงวดเพื่อช่วยลดการสูญเสียของการระบาดในวงกว้าง

ด้าน “อนุทิน” รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ย้ำ 7 มิ.ย.คนไทยได้รับวัคซีนโควิด-19 ถ้วนหน้า ขณะที่ กทม. เริ่มเปิดลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนโควิด ผ่านเว็บ www.ไทยร่วมใจ.com

· ยอดติดเชื้อในฝรั่งเศสลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราผู้ป่วยและการเสียชีวิตก็ลดน้อยลง

· CDC สหรัฐฯ เผยทีมบริหารไบเดนฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้แล้วกว่า 289.2 ล้านโดส

· อียูคาดหวังจะได้รับวัคซีน Covid-19 เพิ่มนับพันล้านโดสในช่วงก.ย. นี้ สะท้อนให้เห็นความมั่นใจที่เพียงพอต่อการผลักดันการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรตามเป้าหมายแรก 70% ในกลุ่มสูงอายุได้ภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้

ทั้งนี้ ประมาณช่วงสิ้นปีนี้ อียูมีการคาดการณ์กันว่าจะได้รับวัคซีนเพิ่มไม่น้อยกว่า 452 ล้านโดส จะส่งผลให้มีการรับวัคซีนในภูมิภาครวมกว่า 1.5 พันล้านโดส จากบริษัท Pfizer, J&J, AstraZeneca และ Moderna

รวมทั้งอาจได้รับวัคซีนเพิ่มจากผู้ผลิตในเยอรมนี CureVac และผู้ผลิตสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Sanofi ที่เพิ่งมีการลงนามข้อตกลงกับทางอียูนับแสนล้านโดส

· อียูจ่อฟ้อง “AstraZeneca” จากข้อหาละเมิดสัญญาส่งมอบวัคซีน Covid-19 จากความล้มเหลวในการจัดหาอุปทานด้านวัคซีนให้แก่ 27 ประเทศในยูโรโซน

· ไบเดน สั่งพิจารณาทบทวนแหล่งกำเนิด Covid-19 ใกล้ชิด หลังจากที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ รายงานถึงเชื้อดังกล่าวแพร่มาจากห้องแล็บของจีนในเมืองอู่ฮั่น

· อดีตผู้ช่วยนายกฯอังกฤษ เผย รัฐบาลล้มเหลวในการรับมือแก้ปัญหา Covid-19

· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 31.20 - 31.40 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทปิดตลาดอ่อนค่าสุดของวัน เคลื่อนไหวสวนทางกับภูมิภาคที่มีทิศทางแข็งค่า เป็นผลมาจากประเด็นการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาและ flow ไหลออกจากต่างชาติที่เทขายพันธบัตรและหุ้น

· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ

- หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี คาดว่า ปัจจัยวัคซีนมีส่วนอย่างมากต่อการอ่อนค่าของเงินบาท โดยหากยังฉีดได้แค่วันละ 1.5 แสนโดสจนถึงสิ้นปี เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้แค่ 2.2% ซึ่งถือว่าต่ำ ในจังหวะที่ประเทศอื่น ๆ ฟื้นตัวเร็วกว่า จึงอาจเป็นแรงกดดันเงินบาทอ่อนค่าไปที่ 32 บาทได้

· อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

- รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการระบาดของไวรัสโคโรนารอบ 3 ส่งผลให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจหลัก เช่น การท่องเที่ยว บริการดับหมด เหลือเพียงการส่งออกที่เติบโตดี โดยการส่งออกเดือน เม.ย.ขยายตัวถึง 13.09% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนทำให้ภาคเอกชนปรับประมาณการปีนี้จากเดิม 3-5% เป็น 4-6%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวโพสทูเดย์

- วิจัยกรุงศรีฯ ปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาไทยในปีนี้เหลือ 3.3 แสนคน ภายใต้การคาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัวที่ 2%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- กระทรวงพาณิชย์ เผยการส่งออกของไทยในเดือนเม.ย. 64 ขยายตัวได้ 13.09% ถือเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงสุดในรอบ 36 เดือน หรือ 3 ปี นับตั้งแต่เม.ย.61

แต่หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกไทยเดือนเม.ย.64 จะขยายตัวสูงถึง 25.70% ซึ่งการขยายตัวของการส่งออกไทย เป็นไปตามการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการผลิตและการส่งออกโลก

- รมว.คลัง กล่าวถึงการออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มอีก 5 แสนล้านบาท ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว จะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 64 และปี 65 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 1.5% จากกรณีฐานที่ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสภาพัฒน์ ประมาณการไว้ในช่วง 1.5-2.5%