• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม2564

    21 พฤษภาคม 2564 | Gold News


ดอลลาร์อ่อน - US.10Yield ร่วง หนุนทอง

 

·         ราคาทองคำเคลื่อนไหวทรงตัว โดยปิดทำระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 4 เดือนในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งได้รับแรงหนุนจาก

- การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ 0.46% ที่บริเวณ 89.792 จุด

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลงที่ 1.634%

- กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเข้าซื้อทองคำเพิ่ม 5.82 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,037.09 ตัน


·         เนื่องจากเหล่านักลงทุนไม่ได้สนใจการกล่าวย้ำของเฟดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะลดการใช้มาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น 0.6% ที่บริเวณ 1,880.22 เหรียญ

·         ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ระดับ 1,881.90 เหรียญ

 

·         รายงานการประชุมของเฟดแสดงให้เห็นว่สมาชิกเฟดบางราย คาดว่า หากการฟื้นตัวยังคงดำเนินต่อไปก็อาจ เหมาะสมที่จะ เริ่มหารือเกี่ยวกับแผนการปรับการซื้อสินทรัพย์

 

·         หัวหน้าฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ประจำ TD Securities กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย

 

·         มุมมองเกี่ยวกับเฟดที่จะหารือเกี่ยวกับการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ในความเป็นจริงแล้วยังไม่มีแนวโน้มจะลดแนวทางการผ่อนคลายทางการเงินได้ในทันที

 

·         ขณะที่ราคาทองคำยังปรับตัวสูงขึ้นได้ แม้ว่ารายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาลดลงก็ตาม

 

·         นักวิเคราะห์อาวุโสของ Kitco Metals กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่มีปัญหาเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับตลาดทองคำ เพราะนักลงทุนจะซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ

 

·         บรรดานักเศรษฐศาสตร์ มอง ทองยังคงมีราคาถูก แต่อาจปรับขึ้นทำ All-Time High ได้ หากทะลุผ่าน 1,900 เหรียญในเร็วๆนี้

 

หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกจาก TD Securities กล่าวว่า ทองคำมีการปรับขึ้นได้อย่างร้อนแรงตั้งแต่ปีที่แล้ว และเชื่อว่าเมื่อราคากลับตัวลงมา ก็ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเกิดความกังวล

 

ทั้งนี้ ทองคำที่มีความสัมพันธ์กับดอลลาร์ และจะเห็นได้ว่าทุกๆการอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น และเชื่อว่าสกุลเงินหลักอื่นๆ เช่น ยูโร เมื่อเทียบสกุลเงินดอลลาร์ มีแนวโน้มว่าจะแข็งค่าได้มากกว่า และจะเป็นประโยชน์ต่อทอง

 

JPMorgan กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันลดความสนใจใน Bitcoin กลับมาถือทองคำ หลังจากที่เคยมองว่า Bitcoin เป็น Digital Gold ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อได้

 

·         พลาเดียมปิด -0.1% ที่ 2,866.67 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด +0.9% ที่ 1,201.96 เหรียญ

 

·         ซิลเวอร์ปิด +0.5% ที่ 27.90 เหรียญ

 

 

 

·         ไอเอ็มเอฟ เผยแผนประเมินทิศทางเศรษฐกิจครั้งต่อไปที่จะรวมถึงสภาพภูมิอากาศและเทคโนโลยีด้านดิจิทัล

 

·         Coin Metrics ระบุว่า Bitcoin ปรับตัวลดลง 0.7% เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 39,000 เหรียญ ในช่วงก่อนหน้านี้ และรีบาวน์กลับมา 9% เหนือระดับ 42,000 เหรียญ

 

โดย Bitcoin เคลื่อนไหวในแดนลบหลังจากที่กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการเพื่อปราบปรามตลาดและธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลและกล่าวว่าจะต้องมีการโอนเงินมูลค่า 10,000 เหรียญหรือมากกว่านั้นเพื่อรายงานไปยัง Internal Revenue Service

 

ขณะที่สกลุเงินดิจิทัลตัวอื่น เช่น Ether เพิ่มขึ้น 3% หลังจากพุ่ว 13% ก่อนหน้านี้

Dogecoin เพิ่มขึ้น 7% หลังจากเพิ่มขึ้น 17% เป็น 42 เซนต์ โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยถลงของนาย Elon Musk CEO ของบริษัท Tesla


·         ทางการจีนเปิดเผยว่า เรือรบสหรัฐฯลำหนึ่งได้รุกล้ำเข้าสู่น่านน้ำของจีนอย่างผิดกฎหมายในทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นกรณีข้อพิพาทล่าสุดเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนของจีนในน่านน้ำแห่งนี้

 

·         นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯต้องปกป้องเส้นทางเดินเรือและความปลอดภัยในทะเลอาร์กติกและทะเลจีนใต้ เนื่องจากประเทศต่างๆ เช่น รัสเซียและจีน กำลังพยายามที่จะควบคุมพื้นที่ทางทะเลมากขึ้น

 

·         รัฐสภายุโรปยุติการให้สัตยาบันสนธิสัญญาการลงทุนฉบับใหม่กับจีน จนกว่าจีนจะยกเลิกการคว่ำบาตรนักการเมืองของยุโรปทำให้ข้อพิพาทในความสัมพันธ์ระหว่างจีนและยุโรปตึงเครียดมากขึ้น และปฏิเสธไม่ให้ บริษัทในสหภาพยุโรปเข้าถึงจีนได้มากขึ้น

 


·         สหรัฐฯยังคงขยายเวลาจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดนในกรณีที่ไม่มีเหตุจำเป็นออกไปอีกอย่างน้อย 1 เดือนจนถึงวันที่ 21 มิ.ย. ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในระลอกที่ 3

 

สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

ยอดติดเชื้อใหม่สะสมทั่วโลกยังสูงถึง 642,885 ราย รวมสะสม 165.83 ล้านราย

เสียชีวิตสะสมทั่วโลกแตะ 3.44 ล้านราย




·         อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ระบาดระลอกใหม่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง 2,636 ราย แยกเป็นทั่วไป 1,965 ราย และเรือนจำ 671 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 90,722 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 25 ศพ

 

·         กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น อนุมัติวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของบริษัท Moderna และ AstraZenecaในวันนี้



นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.30 - 31.45 บาท/ดอลลาร์

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

นายกรัฐมนตรีไทย เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดหลังศบค.มีการยกระดับมาตรการเข้มข้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาซึ่งครบ 2 สัปดาห์แล้วที่จะติดตามผลการแพร่ระบาด รวมทั้งจะพิจารณา

ความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 12 ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 31 พ.ค.นี้

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณ 64 จะอยู่ที่ราว 58.7-59.6% ของจีดีพีภายใต้สมมติฐานที่รวมกรอบ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาทแล้ว โดยคาดว่าจะมีการกู้จริงประมาณครึ่งหนึ่งของวงเงินทั้งหมด ณ สิ้นปีงบประมาณ 64

ทั้งนี้ แม้ว่าระดับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณนี้จะยังไม่ถึง 60% ของจีดีพีแต่การกู้เงินเพิ่มเติมเป็นการเร่งระดับหนี้สาธารณะให้เข้าใกล้เพดานหนี้ที่ 60% ของจีดีพีเร็วกว่าที่เคยประเมินซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐจำเป็นต้องเตรียมขยายเพดานหนี้สาธารณะในระยะเวลาอันใกล้

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวมติชน

หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยภายใต้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาระลอก ว่า คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตระดับ 1-2% หรืออาจน้อยกว่านี้หากรัฐบาลไม่สามารถกระจายวัคซีนได้ตามเป้าหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งซ้ำเติมประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มฐานรากที่มีปัญหาหนี้สินอยู่ก่อนแล้วให้เพิ่มพูนมากขึ้น สะท้อนต่อหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้ให้ปรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ระดับหนี้ครัวเรือนของไทยจะแตะ 91% แล้ว เพิ่มขึ้นจากหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส ปี 63 สูงเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ร้อยละ 89.3 ของจีดีพี



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com