MTS Help Center

ตลาดหุ้นทั่วโลกชะลอตัววันนี้ หลังจากที่ปิดแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว

ทองคำทำสูงสุดในรอบ 3 เดือน รับอานิสงส์หลักติดเชื้อประเทศแถบเอเชียพุ่ง และแรงกดดันเงินเฟ้อชั่วคราว สกัดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง

ตลาดการเงินต่างๆในสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนจากการที่ธนาคารกลางอาจมีการปรับนโยบายหลังเงินเฟ้อแข็งแกร่งในสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ แต่สภาวะเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นกลับกลายเป็นการสร้าง “ความกังวล” ให้แก่บางประเทศมากขึ้นว่าจะเผชิญภาวะ Overheat จึงทำให้ธนาคารกลางหลายๆแห่งอาจต้องชะลอหรือหยุดการจะเปลี่ยนท่าทีการใช้นโยบายออกไปก่อน

สัปดาห์ที่แล้วการฟื้นตัวของตลาดหุ้นและทองคำมาจาก
- ถ้อยแถลงบรรดาสมาชิกเฟดยังหนุนการผ่อนคลายทางการเงิน
- สมาชิกเฟดมองว่าแรงกดดันเงิเนฟ้อเป็นการปรับขึ้นชั่วคราว

·         การระบาดของไวรัสโคโรนาล่าสุด ดูจะกดดันให้ “สิงคโปร์” ต้องทำการกลับมาปิดโรงเรียนอีกครั้งตั้งแต่วันพุธนี้ หลังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อจากรายงานท้องถิ่นมากสุดในรอบหลายๆเดือน

 

·         กังวลไวรัส-อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วง หนุน “ทองทำสูงสุด 3 สัปดาห์”

 

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ โดยได้รับอานิงส์หลักๆจาก
1. การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ที่ร่วงลงต่อแตะ 1.647%
    และภาพรวมคาดว่าจะยังเห็นภาวะเคลื่อนไหวในกรอบสะสมพลังระหว่าง 1.53% - 1.77%
2. การเพิ่มขึ้นของยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศแถบเอเชีย หนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

ราคาทองคำตลาดโลกขยับขึ้น 0.6% ที่ 1,854 เหรียญ
หลังทำสูงสุดตั้งแต่ 2 ก.พ. ในช่วงต้ตลาดวันนี้  

สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปรับขึ้น 0.8% ที่ 1,853.2 เหรียญ

·         SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม 4.08 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 1,028.36 ตัน

 

·         นักกลยุทธ์จาก Daily FX กล่าวว่า การปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและความกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์, ไต้หวัน และประเทศอื่นๆในเอเชีย ดูจะฉุดให้หุ้นเอเชียดิ่ง และหนุนความต้องการสินิทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น

 

·         สิงค์โปร์จะปิดโรงเรียนชั่วคราวอีกครั้งเริ่มพุธุนี้ หลังมีรายงานยอดติดเชื้อใหม่สูงสุดรอบ 1 เดือน

 

·         ไต้หวันออกมาตรการใหม่จำกัดการรวมกลุ่มและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ

·         อินเดียยังสาหัสและได้รับผลกระทบจากการระบาด โดยมียอดสะสมในประเทศเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ขณะที่ยอดเสียชีวิตวานนี้รวมแล้วเกือบ 24.7 ล้านราย

·         กลุ่มนักลงทุนกำลังรอคอยรายงานประชุมเฟดที่จะประกาศในคืนวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณต่อไปว่า “เฟดจะมีแนวทางต่อเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยและนโยบายการเงินอย่างไร”

 

·         นักวิเคระห์บางราย มองว่า การปรับขึ้นของเงินเฟ้ออาจเป็นปัจจัยหลักที่หนุนให้ “ทองคำ” ปรับขึ้นได้ในระยะสั้นและระยะกลาง

 

·         นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters ระบุว่า ทองคำตลาดโลกอาจขึ้นไปได้ไกลถึง 1,876 เหรียญ หากผ่านแนวต้าน 1,847 เหรียญไปได้

 

·         ซิลเวอร์ขยับขึ้นอีก 1% วันนี้ บริเวณ 27.70 เหรียญ หลังไปทำต่ำสุดช่วง 1 สัปดาห์ในช่วงต้นวัน

 

·         แพลทินัมปรับขึ้น 0.5% ที่ระดับ 1,231.51 เหรียญ

 

·         พลาเดียมปรับขึ้น 0.1% ที่ 2,895.61 เหรียญ

 

 

·         ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯค่อนข้างเบาบางในสัปดาห์นี้
ตลาดให้ความสนใจ “รายงานประชุมเฟด เดือนเม.ย.”
อาจเห็นสมาชิกเฟดส่งสัญญาณถึงการเริ่มต้นเรื่อง “ลด/ถอน” นโยบายการเงิน

 

·         กังวล “แรงงาน” – “เงินเฟ้อพุ่ง” กระบทีมบริหารไบเดน ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัว

ความเชื่อมั่นที่ลดลงของกลุ่มผู้บริโภค
ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
เสียงค้านจากรีพับลิกัน
ทั้งหมดนี้ดูจะมีผลต่อทีมบริหารของนายไบเดนเกี่ยวกับแผนค่าใช้จ่ายเศรษฐกิจครั้งใหม่ในวงเงินมหาศาล

·         CDC เผย สหรัฐฯฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้ว 270.8 ล้านโดส

เพิ่มขึ้นจากข้อมูลเดิมที่ฉีดได้ 268.43 ล้านโดส
ประชาชนที่ได้รับวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่าคนละหนึ่งโดสในสหรัฐฯ 156.21 ล้านโดส
ประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 121.76 ล้านโดส

 

·         ค้าปลีกญี่ปุ่นปรับขึ้นเร็วที่สุดครั้งในรอบ 6 ดือน และครึ่งปี – การเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์หนุนค่าเงินค้ำประกันในบริษัทต่างๆ แม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อญี่ปุ่นยังชะลอตัว

 

·         ค้าปลีกจีนปรับขึ้นแตะ 17.7% ในเดือนเม.ย. ลดลงจากที่คาดว่าจะแตะ 24.9%

 

·         ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนออกมาตามคาดแตะ 9.8% 

 

·         จีนกังวล “เงินเฟ้อ” แต่ยังไม่ถือเป็น “เรื่องสำคัญที่สุด” ในเวลานี้

ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเงินเฟ้อ และธนาคารกลางจีน มองเห็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น

ธนาคารกลางต่างๆมีการคงนโยบายดอกเบี้ยไว้ รวมทั้งลดดอกเบี้ยระดับต่ำเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากพิษ Covid-19 ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่จีนยังไม่มีท่าทีว่าจะมีข้อยกเว้นใดๆ เรื่องนโยบาย

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคและการผลิต (CPI และ PPI) ของจีนในเวลี้เพิ่มขึ้น และนักลงทุนในตลาดก็กำลังมองหาว่าจะเห็นธนาคารกลางต่างๆเพิ่มดอกเบี้ยหรือไม่

บรรดานักเศษฐศาสตร์ของ “ธนาคารกลางจีน” ดูจะ “ไม่กังวลเรื่องเงินเฟ้อ” หรือเปลี่ยนแปนวทางการดำเนินนโยบายมากนัก ท่ากมลางประเทศที่มีความเสี่ยงด้านแรงกดดันเงิเนฟ้อมากขึ้น

ทั้งนี้ จีนให้ความสำคัญกับ “การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่แข็งแรง” มากกว่า

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางจีน ไม่คาดว่าจะเห็นจีนเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ “จนกว่าจะเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้”

แม้จะมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้บริโภคชาวจีนจะมีการจับจ่ายมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2/2021 โดยเฉพาะวันหยุดเทศกาลของจีน แต่การอุปโภคบริโภคของจีนยังอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว

สัญญาณ “ความระมัดระวัง” เกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ก็คือ
- การสนับสนุนการจ้างงานระดับสูง
- รัฐบาลจีนตัดสินใจประชุมขยายแนวทางการสนับสนุนคนว่างงานต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ดี การสนับสนุนดังกล่าวก็ดูจะลดน้อยลงตั้งแต่ปีที่แล้ว ท่ามกลางจีดีพีจีน Q1/2021 ขยายตัวได้ 18.3% หลังจากที่ปีก่อนหดตัวหนักจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

 

·         อิสราเอลปะทะเดือดเขตฉนวนกาซา เข้าสู่สัปดาห์ที่สองแล้ว

·         เลขาธิการ U.N. เรียกร้องให้ยุติการต่อสู้บริเวณเขตฉนวนกาซาท่ามกลางการเสียชีวิตของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

 

·         ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในอินเดียลดลง แต่ WHO ยังมองความเสี่ยงอยู่ในระดับสูง เพราะถึงแม้รายงานยอดติดเชื้อของประเทศจะลด แต่ยังคงปราศจากการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในท้องที่ต่างๆในประเทศ ท่ามกลางสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดได้รวดเร็ว

บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า “ยังไม่มีความแน่นอนว่า” ยอดติดเชื้อในปัจจุบันเข้าสู่จุดพีคแล้ว เนื่องด้วยเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบในอินเดียยังคงมีการระบาดมากยิ่งขึ้น (B.1.617)

 

·         อังกฤษผ่อนปรน Lockdwon แต่สายพันธุ์ใหม่ในอินเดียดูจะ “คุกคาม” การกลับมาใช้ชีวิตอย่างเสรีในช่วงฤดูร้อนนี้

 

·         สิงคโปร์ – ฮ่องกง ตัดสินใจ “เลื่อน” การเดินทางจับคู่ (Travel Bubble) อีกครั้ง หลังมีรายงานพบยอดติดเชื้อในประเทศ จึงส่งผลให้การจะเริ่มเปิดการท่องเที่ยวระหว่างกันในวันที่ 26 พ.ค. ถูกเลื่อนเป็นครั้งที่ 2 หลังเลื่อนรอบแรกในเดือนพ.ย. ปี 2020

 

 

·         ไทยติดเชื้อ COVID-19 เกือบทะลุหลักหมื่น!
ศบค. พบผู้ติดเชื้อวันนี้(17พ.ค.) พุ่งกระฉูด 9,635 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 25 คน

รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 111,082 ราย

รวมเสียชีวิตสะสม 614 ราย
ในจำนวนนี้เป็นยอดสะสมระลอก เม.ย. 82,219 คน

อาการหนักอยู่ 1.2 พันราย กทม.ลุยตรวจดาวกระจาย 6 พื้นที่เขตวันนี้ ได้แก่

1.บริเวณลานกีฬาพัฒน์

2 เขตราชเทวี บริเวณวัดด่าน แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา 3.ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่

4.บริเวณสวนหลวงสะพาน 8 เขตบางพลัด และบริเวณสวนป่าเฉลิมพระเกียรติ สะพานตากสิน เขตคลองสาน

5.บริเวณสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เขตมีนบุรี 

6.บริเวณตลาดบางแคภิรมย์ เขตบางแค

 

10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด กทม. คงอันดับ 1 ยอดพุ่งสูง จับตา สมุทรปราการ นนทบุรี สงขลา เพชรบุรี และนครปฐม

จํานวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่ วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 จํานวน 10 จังหวัดอันดับแรก

 

·         อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ

กรุงไทยสั่งปิดสาขา 32 แห่งป้องกันโควิด-19 ตั้งแต่ 15-31 พ.ค.นี้

 

·         อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

- 'หุ้นไทย' เปิดตลาดภาคเช้าร่วง 7.95 จุด โควิดในประเทศกดดัน
ตลาดหุ้นต่างประเทศฟื้นตัวกลับขึ้นไปหมดแล้ว จึงคาดว่าดัชนีหุ้นไทยที่ปรับลงวันนี้ ได้รับปัจจัยกดดันจากประเด็นโควิด-19 ในประเทศเป็นหลัก จากยอดผู้ติดเชื้อนอกกรมราชทัณฑ์ที่ปรับขึ้นใกล้ระดับ 3,000 ราย