• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 29 เมษายน 2564

    29 เมษายน 2564 | Economic News
   


· ดอลลาร์อ่อนต่อหลังประชุมเฟด - ตลาดกลับมาเคลื่อนไหวแบบ Reflation Trade

ดอลลาร์ซื้อขายแถวระดับต่ำสุดรอบ 9 สัปดาห์ โดยมีปัจจัยสำคัญจาก

- ท่าที Dovish ของเฟด

- การผลักดันแผนค่าใช้จ่ายของทำเนียบขาว

- ตลาดโลกมีการซื้อขายแบบ Reflation Trade


ทั้งนี้ การผลักดันแผนค่าใช้จ่ายของนายไบเดนกว่า 1.8 ล้านล้านเหรียญ อาจขยายความเสี่ยงให้ต่องบประมาณสหรัฐฯ และยอดขาดดุลทางการค้า จึงกดดันดอลลาร์


ดอลลาร์อ่อนค่าลงมาแถว 90.645 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดรอบ 9 สัปดาห์ หลังจากที่ช่วงสิ้นมี.ค. แตะสูงสุดที่ 93.439 จุด

ยูโรทรงตัวที่ 1.2121 ดอลลาร์/ยูโร หลังทำสูงสุดตั้งแต่ปลายก.พ. บริเวณ 1.2150 ดอลลาร์/ยูโร


ประธานเฟดเมื่อคืนนี้ไม่ได้ส่งผลเชิงบวกใดๆต่อดอลลาร์ และทำให้ดอลลาร์ยังผันผวนระดับล่าง

ตลาดจับตาข้อมูลจีดีพีสหรัฐฯคืนนี้ ที่อาจทำให้เราเห็นดอลลาร์ตอบรับเป็นการชั่วคราวสำหรับข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาสแรก


ข้อมูลประมาณการณ์ GDP Now ของเฟดสาขาแอตแลนต้าสะท้อนให้เห็นว่าจีดีพีปีนี้อาจขยายตัวได้ 7.9% สะท้อนถึงความกังวลว่าจะเกิดความเสี่ยงสูงขึ้น


เยนแข็งค่ามาที่ 108.55 เยน/ดอลลาร์ หลังวานนี้อ่อนค่ามากสุดบริเวณ 109.07 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่วันหยุดญี่ปุ่นในวันนี้ดูจะไม่ส่งผลให้ราคาเคลื่อนไหวมากนัก แต่ช่วงต้นตลาดลอนดอน เยนก็มีการแข็งค่ามาบ้างแนว 108.80 เยน/ดอลลาร์


· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น ก่อนการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่เติบโตในช่วงไตรมาสแรก และข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นที่ระดับ 1.65%

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 30 ปี เพิ่มขึ้นที่บริเวณ 2.318%


· แรงขายพันธบัตรยูโรโซนชะลอตัว หลังเฟดลดการกล่าวถึงการลดการซื้อพันธบัตร

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซน เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดรอบ 2 เดือน หลังการประชุมเฟดบ่งชี้ถึงการคงดอกเบี้ยและแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการเติบโตและการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีอายุ 10 ปี ปรับขึ้นเล็กน้อยแตะ -0.228%


นักวิเคราะห์จาก Mizuho เชื่อว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีมีโอกาสไปแตะ-0.15% ในบางช่วงของไตรมาสนี้ (Q2/21)


· นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก UOB คาด หยวนเสี่ยงแข็งค่าแตะ 6.4410 หยวน/ดอลลาร์ในสัปดาห์หน้า จากภาพทางเทคนิคที่มีสัญญาณขาลง




· คาดการณ์: ประมาณการณ์จีดีพีไตรมาสแรกสหรัฐฯ - จับตาข้อมูลเงินเฟ้อ, เฟด และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ




รายงานจาก FXStreet ระบุว่า

- เศรษฐกิจสหรัฐฯใน Q1/2021 ถูกคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 6.5% โดย Advance GDP Q1 ของสหรัฐฯในคืนนี้ จะประกาศในช่วงเวลา 19.30น.

- นักลงทุนมีแนวโน้มจะสนใจกับรายงานประชุมเฟด และข้อมูลดัชนีราคาการอุปโภคบริโภคสหรัฐฯ (Core PCE Price Index)

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมีโอกาสส่งผลกระทบต่อดอลลาร์ได้หลังทราบข้อมูลข้างต้น


ทั้งนี้ สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (BEA) มองว่า ข้อมูลประมาณการณ์จีดีพี Q1/2021 ครั้งที่ 1 ของสหรัฐฯ อาจขยายตัวได้แถว 6.5% หลังโตได้ 4.3% ใน Q4/2020 เพราะน่าจะได้รับอานิสงส์จาก


1. การสนับสนุนจากนโยบายการเงินและการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่

2. การผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในสหรัฐฯมากขึ้น

3. การฉีดวัคซีนได้มากกว่า 200 ล้านโดส


ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้ นักลงทุนกำลังรอผลการอัพเดตความคืบหน้าเรื่องข้อมูลการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดอนุมัติขายบ้านสหรัฐฯ

ขณะที่ข้อมูลทางฝั่งยุโรป ที่ต้องติดตาม ประกอบไปด้วย ข้อมูลอัตราว่างงานเยอรมนี, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจประจำเดือนเม.ย. รวมทั้ง ข้อมูลเงินเฟ้อขั้นต้นของเยอรมนีและสเปนในเดือนเม.ย.


· การอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ ดูจะหนุนทิศทางเศรษฐกิจไตรมาสแรก

รายงานจาก Reuters ระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือน และธุรกิจ จึงทำให้คาดว่าจะเห็นทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯปีนี้แข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี


ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯดูจะฟื้นตัวได้ดีเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจประเทศอื่นๆในโลก อันเป็นผลมาจาก

- โครงการฉีดวัคซีน Covid-19

- การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ

ที่ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศและอนุญาตการบริการในภาคธุรกิจให้สามารถกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง อาทิ ร้านอาหารและบาร์ต่างๆ


อย่างไรก็ดี ภาพรวมถึงจะเห็นการฟื้นตัวแต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่เหมือนในช่วงก่อนการระบาดที่ฉุดให้เศรษฐกิจก้าวสู่ภาวะถดถอยนับตั้งแต่ที่เผชิญวิกฤตไวรัสในเดือนก.พ. ปี 2020


ดังนั้น ตลาดจึงจับตาข้อมูล Advance GDP สหรัฐฯ คืนนี้ 19.30น.


· ไบเดนเรียกร้อง "ความสามัคคี" และเตือนการคุกคามของจีน ในการกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสวันนี้

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.8 ล้านล้านเหรียญ ณ สภาคองเกรส ในการผลักดันกองทุนการลงทุนของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น และเรียกร้องให้รีพับลิกันที่คัดค้านแผนของเขาช่วยผลักดันแผนต่างๆ อาทิ

- แผนภาษี

- แผนปฏิรูปเจ้าหน้าที่ตำรวจ

- แผนควบคุมผู้มีอาวุธปืน

- แผนสำหรับกลุ่มผู้อพยพ


รวมทั้งมีการกล่าวถึงบทบาทการต้านคู่แข่งการค้ากับจีนด้วย


· นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้สหรัฐฯ ร่วมมือกันต่อต้านการแข่งขันกับจีน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ

· รองประธานอีซีบี เล็งเห็น โอกาสเงินเฟ้อยูโรโซนสูงกว่า 2% ประมาณสิ้นปี 2021

- คาดการณ์กิจกรรมทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

- ภาพรวมยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง

- ปีหน้า (2022) อาจเห็นเงินเฟ้อขยายตัวได้ปานกลาง

- เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นปัจจัยชั่วคราว

- คงจะเป็นการดีกว่า สำหรับการระมัดระวังและรอบคอบต่อการก้าวออกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ


· ภาพรวมการฉีดวัคซีนทั่วโลกมีการเข้าสู่โครงการแล้ว 188 ประเทศ

แต่ในรายงานของ CNN ก็ยังระบุถึงความแตกต่างของประเทศและกระบวนการสำหรับการอนุมัติวัคซีน จึงทำให้ไม่ใช่ทุกๆประเทศสามารถจัดการผลิตหรือเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนได้อย่างเต็มที่





· บริษัท Moderna เผยว่า วัคซีน Covid-19 จะสามารถเก็บรักษาในอุณหภูมิตู้เย็นเป็นเวลา 3 เดือน

· ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศเยอรมนีลดลงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์


· Reig Jofre เภสัชกรรมของสเปน กล่าวว่า โรงงานแห่งใหม่ในบาร์เซโลนาจะเริ่มผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาที่พัฒนาโดย บริษัท Johnson & Johnson ของสหรัฐฯภายในสิ้นไตรมาสที่ 2


· จีนกลายเป็นประเทศที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา ให้กับประชากรมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้ แต่หน่วยงานด้านสาธารณสุขยังคงเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อให้ได้ 40% ของประชากรภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้


· โซน Lan Kwai Fong ของฮ่องกงบาร์และไนท์คลับอื่นๆกำลังกลับมาให้บริการลูกค้าอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ประจำบาร์จำเป็นต้องได้รับวัคซีนโคโรนาไวรัสอย่างน้อยหนึ่งครั้งและผู้ใช้บริการจะต้องลงทะเบียนกับแอปพลิเคชันติดตามมือถือของรัฐบาลเมื่อเข้ามาใช้บริการ


· อินเดียกำลังพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาเป็นครั้งที่ 2 ในเร็วๆนี้ หลังจากพบยอดผู้เสียชีวิตจำนวนมากของการแพร่ระบาดระลอก 2 และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอลง

ผู้ผลิตยาของบริษัท Cadila Healthcare กำลังทำการทดลองวัคซีนในเฟสที่ 3 กับผู้ทดลอง 28,000 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีอายุมากกว่า 75 ปีและเด็กที่มีอายุระหว่าง 12 ถึง 18 ปี ซึ่งคาดว่าประสิทธิภาพของการทดลองวัคซีนในเฟสที่ 3 จะออกมาภายในเดือนพ.ค. และจะได้รับการอนุมัติฉุกเฉินจากองค์กรอาหารและยาของอินเดียประมาณกลางเดือน พ.ค.

· วิกฤต Covid-19 ในอินเดียกำลังเป็น "ปัญหาระดับโลก"

ประเทศสหรัฐฯ, อังกฤษ และอีกหลายๆประเทศกำลังระดมกำลังให้การช่วยเหลืออินเดีย จากการติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยที่โรงพยาบาลไม่มีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอ ประกอบกับการขาดแคลนออกซิเจน


บรรดาผู้เชี่ยวชาญ ออกโรงเตือนถึง สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดในอินเดียดูจะสามารถ "ต้านวัคซีน" ได้ และอาจคุกคามประเทศอื่นๆที่มีความก้าวหน้าในการควบคุมการระบาดของไวรัสได้


· กรุงมะนิลา ของประเทศฟิลิปปินส์ ยังคงมาตรการเข้มงวดสกัด Covid-19 จนถึงกลางเดือนพ.ค.


· จีนเตรียมบทลงโทษ “Tencent” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามการผูกขาดทางการค้า แต่คาดว่าค่าปรับน่าจะน้อยกว่า 2.75 พันล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลปรับอาลีบาบาช่วงต้นเดือนเม.ย.


· แหล่งข่าวเผย "ปักกิ่ง" ตรวจสอบแหล่งที่มาของการขุดเหมือง Cryptocurrency

ทั้งนี้ เมืองหลวงจีนกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการขุด Cryptocurrency เพื่อให้เข้าใจถึงผลกระทบของการใช้พลังงานให้ได้ดีขึ้นตามแหล่งที่มา ทางด้านสำนักเศรษฐกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ ของกรุงปักกิ่ง ได้ส่งเอกสาร "ประกาศฉุกเฉิน" ไปยังผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ เพื่อรายงานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจ Bitcoin และการขุดเหมืองค่าเงิน Cryptocurrency อื่นๆหรือไม่


ซึ่งหากมีความเกี่ยวข้อง บริษัทเหล่านี้จำเป็นต้องมีการรายงานจำนวนรวม และการแบ่งปันพลังงานจากการขุดเหมืองค่าเงินดังกล่าวตามประกาศ

· ออสเตรเลียส่งออกไวน์ไปยังจีนสูงขึ้นกว่า 96% ในเดือนธ.ค.

ภาพรวมกลุ่มผู้ส่งออกไวน์ของออสเตรเลียมีการขนส่งไป 12 ล้านออสเตรเลีย หรือ 9 ล้านเหรียญไปยังจีนในเดือนธ.ค. ปี 2020 ภาพรวมปีก่อนส่งออกได้ 325 ล้านเหรียญ ท่ามกลางปัญหาด้านภาษีระหว่างสองประเทศ

· ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มด้านอุปสงค์ที่ดีขึ้นที่ช่วยบดบังความกังวลในอินเดี

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อในวันนี้ หลังจากที่เพิ่มขึ้นไป 1% จากช่วงก่อนหน้า จากการคาดการณ์ที่ดีขึ้นเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ฟื้นตัวในช่วงฤดูร้อนนี้ ได้บดบังความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นในอินเดีย ญี่ปุ่นและบราซิล


ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.6% หรือ 67.69 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นอยู่ที่ 64.22 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.6%


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com