• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 19 มีนาคม 2564

    19 มีนาคม 2564 | Economic News
   

·         ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ตามการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะยาว

ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าได้ในวันนี้ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้น กดดันให้หุ้นสหรัฐฯ ปรับลง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองว่าเฟดยังคงไม่มีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยในช่วงเร็วๆนี้

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.5% ในวานนี้ โดยทำสูงสุดในรอบสองสัปดาห์

ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 1 ปี ที่ระดับ 1.754% ในเมื่อคืน ก่อนจะลดลงเล็กน้อยที่ 1.706% ท่ามกลางหุ้นเอเชียที่ปรับลงตามหุ้นสหรัฐฯ

ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าลงชั่วคราว หลังจากที่บีโอเจขยายเป้าหมายสำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้ตรงตามคาดการณ์ของตลาด

ประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ให้คำมั่นจะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อ พร้อมจะปล่อยให้เงินเฟ้อระยะสั้นปรับขึ้นเป็นการชั่วคราว ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งในรอบเกือบ 40 ปี

นักกลยุทธ์อาวุโสของ  FX เผยว่า หลังจากที่ได้รับทราบผลประชุมเฟดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักลงทุนในตลาดพันธบตรก็สรุปได้ว่า เฟดไม่ได้ไม่รู้สึกถึงความท้าทายหรือความไม่สบายใจต่อการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น

ค่าเงินเยนอ่อนค่า 108.895 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อคืนนี้

เนื่องจากบีโอเจตัดสินใจขยายเป้าหมายเป็นวงกว้างในการคงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ดอกเบี้ย 0.25% หรือใกล้บริเวณศูนย์ จาก 0.20%ในช่วงก่อนหน้า ทำให้ค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่าชั่วคราวที่บริเวณ 109 เยน/ดอลลาร์ ก่อนที่จะกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง

หัวหน้านักกลยุทธ์ของหน่วยงานความมั่นคง Mizuho มองว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินเยนจะเป็นไปตามการประเมินของบีโอเจ เนื่องจากค่าเงินสกุลดังกล่าวเคลื่อนไหวตามรายงานสื่อก่อนหน้าแล้ว

สำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้น เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญต่อค่าเงินเยนและดอลลาร์มากกว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของญี่ปุ่น

ค่าเงินยูโร อ่อนค่าลง ที่ 1.1915 ดอลลาร์/ยูโร โดยอ่อนค่าลง 0.5% ในวานนี้

ในขณะที่เยอรมัน ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในยุโรป เริ่มกลับมาฉีดวัคซีน AstraZeneca แต่การเติบโตเศรษฐกิจของภูมิภาคยังคงชะลอลง เนื่องจากกรุงปารีสเข้าสู่การ Lockdown เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน

ค่าเงินปอนด์ อ่อนค่าลง 0.1% ที่ระดับ 1.3913 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่อ่อนค่าลง 0.3% ในวันก่อนหน้า หลังจากบีโออีออกมาเตือนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงไม่แน่นอน

Bitcoin ทรงตัวที่บริเวณ 57,800 เหรียญ หลังจากที่ทำสูงสุดที่ 60,000 เหรียญอีกครั้งในชั่วข้ามคืน และทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 61,781.83 เหรียญในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาหลังจากที่เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตั้งแต่ต้นปี

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์อาวุโสของ OANDA มองว่า Bitcoin เป็นการซื้อขายที่มีโมเมนตัมและสามารถไปได้ไกลกว่านี้  ซึ่งอาจจะไปแตะที่ 100,000 เหรียญก่อนร่วงลงอย่างแรง


·         ค่าเงินยูโรทรงตัวเหนือ 1.19 - อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์อ่อนค่า

ค่าเงินยูโรทรงตัวเหนือ 1.19 ดอลลาร์/ยูโร พลิกสถานการณ์กลับมาแข็งค่าได้อีกครั้ง หลังจากที่ดอลลาร์อ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลง ประกอบกับวัคซีน AstraZeneca ได้รับแรงหนุนกลับมาใช้งานอีกครั้ง


ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบดอลลาร์ยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย SMA ราย 50 วันสำหรับภาพราย 4 ชั่วโมง และทรงตัวได้ต่ำกว่าเส้น SMA ราย 100 และ 200 ซึ่งถึงแม้จะทำให้ภาพรวมยังเป็นทิศทางแข็งค่า แต่ก็จะเห็นได้ถึงการปรับขึ้นของค่าเงิน

อย่างไรก็ดี ระดับแนวรับรายวันยังอยู่ที่ 1.19 ดอลลาร์/ยูโร หากหลุดลงมามีโอกาสเห็นต่ำสุดช่วงต้นสัปดาห์ที่ 1.1880 ดอลลาร์/ยูโร และอาจปรับลงมาที่ 1.1865 ดอลลาร์/ยูโร และ 1.1836 ดอลลาร์/ยูโรได้

แนวต้านด้านบนรายวันอยู่ที่ 1.1920 ดอลลาร์/ยูโร หากผ่านไปได้มีโอกาสไปแตะ 1.1965 ดอลลาร์/ยูโร ที่เป็นแข็งค่ามากสุดช่วงต้นสัปดาห์ หรืออาจไปทำ Double-Top ที่ 1.1990 ดอลลาร์/ยูโรได้

 

·         คืบหน้าโครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ในสหรัฐฯ และการระบาดในประเทศ


สหรัฐฯมีรายงานพบยอดเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในประเทศลดลงราว 22% ในสัปดาห์ที่แล้ว

สหรัฐฯมีรายงานฉีดวัคซีนได้รวดเร็วขึ้นแตะระดับสูงสุดประวัติการณ์ 2.4 ล้านโดส/วัน

- CDC ระบุว่า ประชากรในประเทศกว่า 21% ได้รับวัคซีนแล้วคนละ 1 โดส (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่อยู่ที่ 18%)

ขณะที่ประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสในประเทศมีเพิ่มขึ้น 11% จากสัปดาห์ก่อน 9%

ยอดติดเชื้อใหม่ประจำสัปดาห์ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 และลดลงกว่า 10% อยู่ต่ำกว่า 378,000 รายในช่วง 7 วัน (สัปดาห์ที่แล้ว)

ยอดเสียชีวิตลดลงต่ำกว่า 10,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำสุดตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.

- 19 รัฐจาก 50 รัฐ พบรายงานยอดติดเชื้อใหม่ในสัปดาห์ที่แล้วมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 7 วันก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่อยู่ที่ 13 รัฐจาก 50 รัฐ

รัฐที่พบผู้ติดเชื้อมากสุด 3 อันดับของสหรัฐฯ ได้แก่ "นิวเจอร์ซีย์", "นิวยอร์ก" และ "โร้ด ไอร์แลนด์"

จำนวนค่าเฉลี่ยผู้ป่วย Covid-19 ตามโรงพยาบาลในสหรัฐฯลดลง 13% สู่ระดับ 38,000 ราย ต่ำสุดตั้งแต่ปลายเดือนต.ค.

 

·         เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ เตือน ประชาชน "การ์ดอย่าตก" โดยชี้ไปยังจำนวนยอดติดเชื้อในยุโรปที่เพิ่มขึ้นหลายประเทศ หลังพวกเขามีการใช้มาตรการผ่อนคลายต่างๆ

ผู้อำนวยการจาก CDC กล่าวเตือนถึงสัญญาณที่ดีขึ้นสำหรับสหรัฐฯ แต่ยอดติดเชื้อก็อาจกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง หากทุกคนหยุดการป้องกันตนเอง  ขณะที่จำนวน การเดินทางท่องเที่ยวด้วยสายการบินในวันนี้ เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ที่เกิดการเริ่มต้นระบาด

 

·         นานาประเทศในยุโรป กลับมาใช้วัคซีน AstraZeneca หลัง EMA ส่งผลพิจารณาข้อมูลด้านความปลอดภัย  หลังพบผู้ได้รับวัคซีน 30 รายประสบภาวะลิ่มเลือด และทำให้หลายประเทศตัดสินใจระงับใช้วัคซีน

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสเยอรมนีอิตาลีโปรตุเกสเนเธอร์แลนด์สเปน และอีกหลายประเทศต่างเห็นพ้องกันวางแผนกลับมาใช้วัคซีน Covid-19 ของบริษัท AstraZeneca

 

·         ประธานคณะกรรมาธิการอียูเรียกร้องให้มีการแลกเปลี่ยนการส่งออกวัคซีนซึ่งกันและกัน

 

·         ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนารายวันในอินเดียทำสูงสุดรอบกว่า 3 เดือน โดยรายงานล่าสุดวันศุกร์นี้พบยอดติดเชื้อใหม่ 39,726 ราย ซึ่งเป็นระดับติดเชื้อรายวันที่เพิ่มมากสุดรอบกว่า 3 เดือน ถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายในแถบอุตสาหกรรมเมืองมหาราษฎระ จึงทำให้เกิดการปรับการควบคุมและจำกัดการระบาดรอบใหม่

ภาพรวมยอดติดเชื้อสะสมในประเทศอินเดียแตะ 11.51 ล้านราย เป็นอันดับสะสมมากที่สุดลำดับที่ รองจากสหรัฐฯและบราซิล ขณะที่อัตราเสียชีวิตในอินเดียเพิ่ม 154 ราย รวมสะสม 159,370 ราย

 

·         ออสเตรเลียผ่อนคลายความกังวล หลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลยาของยุโรปให้การสนับสนุนการใช้วัคซีน Covid-19 ของบริษัท AstraZeneca

 

·         "ออสติน" รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสหรัฐฯ กับภารกิจแก้ไขความสัมพันธ์เชิงลึกระหว่างสหรัฐฯ-อินเดีย พร้อมเรียกร้องการเพิ่มข้อตกลงกับรัสเซีย เรื่องการเสนอซื้อระบบความป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียในการเจรจาวันนี้ เพื่อหาทางกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงมากขึ้น

 

·         ทางการสหรัฐฯชี้ สหรัฐฯ-จีนเดินหน้าเจรจาต่อวันที่ 2!

ทางการจีนและสหรัฐฯจะเริ่มต้นเจรจาวันที่ 2 ในวันนี้ราว 19.30น. (ตามเวลาไทย) และมีแนวโน้มจะใช้เวลาหารือกันหลายชั่วโมง

และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า การหารือของทั้งสองฝ่ายค่อนข้างจริงจัง "มีสาระและตรงประเด็น" ในการเจรจาวันแรกวานนี้  และกำหนดการเจรารอบสุดท้ายในคืนนี้ คาดจะเกิดขึ้นช่วง 21.00 - 21.30น. (ตามเวลาไทย)

 

·         เจ้าหน้าที่จีนเรียกร้องสหรัฐฯหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า - แต่หาวิธีร่วมมือกันเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันแบบ Win-Win

นายหยาง เจี๋ยฉือ เจ้าหน้าที่ทางการทูตอาวุโส เรียกร้องให้จีนและสหรัฐฯจัดการกับความแตกต่างให้ได้อย่างเหมาะสมและผลักดันให้เกิดการร่วมมือกันในระดับทวิภาคี  และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันในการเริ่มต้นเจรจาในเชิงกลยุทธ์ระดับสูง ณ รัฐอลาสกา

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน ชี้ เจรจาสหรัฐฯ-จีนที่รัฐอลาสกา มีความคืบหน้ามากขึ้นในการเจรจา

การตอบรับของตลาด

ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ได้รับอานิสงส์จากการร่วงลงขงอดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ล่าสุด +0.08% มาแถว 0.7768 ดอลลาร์/ออสเตรเลีย

 

·         บริษัทด้านเทคโนโลยีขนาดเล็กของจีนหลุดพ้นจากเงาของบริษัทขนาดใหญ่ อันเนื่องจากข้อบังคับในการปราบปราม "การต่อต้านการผูกขาดของบริษัทรายใหญ่"

โดยหนึ่งในบริษัทขนาดเล็กที่เคยประสบผลขาดทุน พบ "ผลกำไร" เพิ่มขึ้น และบริษัทขนาดเล็กหลายๆแห่งก็มีนักลงทุนให้ความสนใจมากขึ้น หลังกฎหมายการต่อต้านการผูกขาดดังกล่าวออกมา โดยเฉพาะทางด้านอินเทอร์เน็ต จึงช่วยสร้างโอกาสใหม่สำหรับความมั่งคั่งแก่บริษัทขนาดเล็กตามมา

 

·         การค้าระหว่างอังกฤษและไอร์แลนด์ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วหลังเกิด Brexit อย่างเป็นทางการ


·         นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผย อังกฤษส่อแววชะลอโครงการฉีดวัคซีน จากการเลื่อนการจัดส่งวัคซีนจากสถาบัน India's Serum Institute


·         บีโอเจขยายเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตร พร้อมให้คำมั่นที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อจำเป็นเท่านั้

บีโอเจขยายเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ที่เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินฉบับพิเศษ เพื่อเพิ่มความเสถียรภาพมากขึ้น และการต่อสู้กับการปรับขึ้นของเงินเฟ้อระยะยาว

นอกจากนี้ บีโอเจยังถอนสัญญาณชี้นำการเข้าซื้อสินทรัพย์ผ่านกองทุน ETF มูลค่าประมาณ ล้านล้านเยน (5.5 หมื่นล้านเหรียญ) และเพื่อเปิดกว้างในการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในตลาด โดยมีการระบุถึงจะเข้าซื้อ ETs เพียงจำเป็นเท่านั้น ขณะที่จะยังคงเพดานการเข้าซื้อสินทรัพย์รายปีที่ 1.2 ล้านล้านเยน

 

·         ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารของญี่ปุ่นเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิปิก โดยปราศจากชาวต่างชาติ

 

·         ผลสำรวจ Tankan ของบีโอเจ สะท้อนกลุ่มผู้ผลิตเชื่อมั่นไตรมาสแรกปีนี้จะฟื้นตัวได้ จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากต่างประเทศ และโครงการฉีดวัคซีน Covid-19

 

·         ผู้ว่าการบีโอเจ แถลงหลังจบประชุม โดยบีโอเจมีการขยายเป้ากรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว อันเป็นส่วนหนึ่งของการใช้มาตรการผ่อนคลายฉบับพิเศษ ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น ท่ามกลางการต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น

ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาอยู่ แต่มีแนวโน้มที่จะเห็นการเติบโตสูงขึ้น


·         องค์กรปรมาณูอิหร่าน เผยว่า ในวันนี้อิหร่านจะทำการทดสอบความเย็นของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ "Arak" ที่ออกแบบไว้ และจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในช่วงปลายปีนี้


·         เกาหลีเหนือตัดสัมพันธ์กับมาเลเซียจากกรณี "ส่งผู้ร้ายข้ามแดน" เนื่องด้วยพลเมืองเกาหลีเหนือที่ถูกจับกุมในมาเลเซีย ถูกส่งตัวไปยังสหรัฐฯ จึงทำให้เกาหลีเหนือไม่พอใจและมองเป็น "อาชญากรรมที่ไม่ควรให้อภัย"


·         นักกฎหมายพม่าที่ถูกขับไล่เข้าลับการสอบสวนโดยตรงผ่านศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ท่ามกลางประชาชนผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตมากขึ้นจากเหตุประท้วง

กลุ่มนักเคลื่อนไหวจากสมาคมผู้ช่วยเหลือนักโทษทางการเมือง กล่าวว่า ภาพรวมยอดเสียชีวิตในพม่าจากกองกำลังฝ่ายความมั่นคงมีไม่น้อยกว่า 224 ราย โดยการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณเมืองย่างกุ้ง และสองเมืองสำคัญอย่าง โมนยวา และพะโค


·         รายงานล่าสุดกองกำลังความมั่นคงพม่าสังหารผู้ชุมนุมอีก 8 คนในรัฐอ่องป๊าน

ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเรียกร้องพม่ายุติเหตุความรุนแรง และต้องการจัดประชุมอาเซียนระดับสูง เพื่อหาวิธีก้าวออกจากวิฤตตึงเครียดในเวลานี้


·         น้ำมันลงต่อ ท่ามกลางแนวโน้มอุปสงค์ที่ลดลง

ราคาน้ำมันร่วงลงต่อเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน โดยภาพรวมรายสัปดาห์ร่วงลงไปเกือบ 9% เนื่องจากการติดเชื้อ COVID-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะในยุโรป ทำให้มีการล็อกดาวน์ครั้งใหม่และกดดันความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของความต้องการเชื้อเพลิง

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ WTI ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.07% ที่ระดับ 59.96 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ Brent ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.16% ที่ระดับ 63.18 เหรียญ/บาร์เรล

 

·         วิเคราะห์ราคาน้ำมันทางเทคนิค


นักวิเคราะห์จาก DailyFX ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นจากเส้น Trendline ตั้งแต่เดือนต.ค. แลจะเห็นได้ว่า ระดับเส้นค่าเฉลี่ย SMA ราย 50 วันที่เป็นระดับแนวรับจะอยู่ที่บริเวณ 57.42 – 59.27 เหรียญ/บาร์เรล และหากหลุดลงมาจะทำให้ภาพทางเทคนิคกลับเป็นขาลง แต่หากทองคำสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้อย่างมั่นคงก็ยังมีโอกาสที่จะกลับไปหาจุดสูงสุดตั้งแต่ปี 2019 และปี 2020

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com