MTS Help Center

 

Nasdaq ดิ่งกว่า 3% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรขึ้น – S&P500 ปิด -1.5%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงกดดันหนักในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯพุ่ง จุดประกายความกังวลมูลค่าตลาดหุ้นและหนุนนักลงทุนให้ทำการเทขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเติบโตที่ดีหรือให้ผลตอบแทนสูง

ดัชนี Nasdaq Composite ปิด -3% ที 13,116.17 จุด ปิดรายวันแย่ที่สุดตั้งแต่ 25 ก.พ.

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีดิ่งแรงนำโดย
Apple, Amazon และ Netflix ที่ต่างก็ปรับลงไปไม่น้อยกว่า 3%
Tesla ร่วงลงกว่า 7%

ดัชนี S&P 500 ปิด -1.5% ที่ระดับ 3,915.46 ปิดร่วงลงจากสูงสุดประวัติการณ์

ดัชนี Dow Jones ปิด -153.07 จุด หรือ -0.5% ที่ 32,862.30 จุด หลังรายวันทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับขึ้นเหนือ 1.75% เป็นครั้งแรกตั้งแต่ม.ค. ปี 2020

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 30 ปี ปรับขึ้นทะลุ 2.5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ส.ค. ปี 2019

การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมาจากการที่เฟดแสดงความตั้งใจ “จะปล่อยให้เงินเฟ้อสูงขึ้น” ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจกระทบต่อหุ้นกลุ่ม Growth-Stocks และอาจทำให้มูลค่าผลตอบแทนในอนาคตลดน้อยลงไปได้

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับขึ้นจากผลประกอบการที่ฟื้นตัว ประกอบกับธนาคารต่างๆสามารถทำรายได้จากช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาว

หุ้นธนาคาร U.S. Bancorp +3.3%
หุ้นธนาคาร Wells Fargo +2.4%
หุ้นธนาคาร JPMorgan +1.7%
หุ้น Bank of America +2.6%.

กลุ่มนักลงทุนตอบรับกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาผสมผสานกัน ได้แก่
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่แย่กว่าคาด

- ข้อมูลผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดเฟียที่ออกมาดีขึ้นในรอบ 48 ปี

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงแรงสุดวานนี้กว่า -4.7% จากราคาน้ำมันที่ดิ่งลง โดยจะเห็นได้จากน้ำมันดิบ WTI ที่ปิด -7% ที่ 60 เหรียญ/บาร์เรล ปิดร่วง 5 วันทำการ ปิดวันที่แย่ที่สุดตั้งแต่ก.ย. ปี 2020

ที่มา: CNBC