• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 17 มีนาคม 2564

    17 มีนาคม 2564 | Economic News
   

·         ดอลลาร์แข็งค่า - นักลงทุนจับตาสัญญาณชี้นำจากประชุมเฟด

ดอลลาร์ทรงตัวในทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัักส่วนใหญ่ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่จับตาการประชุมเฟดเพื่อหาสัญญาณว่าเฟดจะมีการเริ่มต้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นหรือปล่อยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังปรับตัวขึ้นต่อไป


เยนอ่อนค่าต่อ 0.1% ไปที่ 109.085 เยน/ดอลลาร์ ทรงตัวใกล้ระดับอ่อนค่ามากสุดรอบ 9 เดือนที่ทำไว้ในสัปดาห์นี้

ค่าเงินยูโรทรงตัวหลังอ่อนค่าลงไปต่อเนื่อง 3 วันทำการ โดยล่าสุดทรงตัวที่ 1.1902 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ทำต่ำสุดรอบ 3 เดือนครึ่งที่ 1.18355 ดอลลาร์/ยูโร จากความเป็นไปได้ที่จะเห็นโครงการฉีดวัคซีนมีความล่าช้า

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 91.098 จุด หลังจากที่ปรับแข็งค่าไปต่อเนื่อง 3 วันทำการ โดยได้รับแรงหนุนหลักจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร


เฟดถูกคาดการณ์ว่าจะมีการ "ปรับเพิ่ม" คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจโตได้อย่างรวดเร็วในรอบ 10 ปี  เพราะได้รับอานิสงส์หลักจาก

1) โครงการฉีดวัคซีน Covid-19

2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญ

ตลาดให้ความสำคัญว่า ประเด็นดังกล่าวจะทำให้ "เฟดเริ่มต้นปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ในปี 2023" เร็วกว่าที่คาดได้หรือไม่

หน่วยงานกำกับดูแลด้านยาของยุโรป (EMA) จะเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบเรื่องภาวะลิ่มเลือด และประสิทธิภาพในการใช้วัคซีนระดับต่ำของบริษัท AstraZeneca หลังการพบกันในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีนี้

ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.1% ที่ 1.3886 ดอลลาร์/ปอนด์ในตลาดเอเชีย โดยได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่ปอนด์ไปทำแข็งค่ามากสุดรอบ 3 ปีในเดือนที่แล้ว ประกอบกับแรงหนุนจากโครงการฉีดวัคซีนของอังกฤษ

ในส่วนของ Cryptocurrency จะเห็นได้ถึงการร่วงลงต่อของ Bitcoin อีก 2.2% ที่ 55,665.45 เหรียญ หลังจากที่ทำสูงสุดประวัติการณ์ได้ 61,781.83 เหรียญเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา


·         สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ขยายเวลาการช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดเล็กผ่านโครงการ PPP (Paycheck Protection Program) จนถึง 31 พ.ค. นี้

 

·         กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผย "เยลเลน" จับตาการจัดการทางเศรษฐกิจเชิงลึกร่วมกับเกาหลีใต้

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า เธอกับตัวแทนจากเกาหลีใต้ พร้อมที่จะหารือและสานสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจและการจัดการทางการเงินในเชิงลึกร่วมกันสำหรับการเป็นพันธมิตรในระยะยาว ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันทั้งใน "ระดับทวิภาคี" และ "การร่วมมือกับหลายๆฝ่าย" ในประเด็นที่ท้ายทายระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้งการรับมือทางเศรษฐกิจที่เป็นผลพวงจาก Covid-19 และการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ


·         สภาความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ เผย สหรัฐฯเผชิญกับยอดผู้อพยพครั้งใหญ่สุดรอบ 20 ปี โดยส่วนใหญ่พบบริเวณชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

ท่ามกลางทีมบริหารของนายไบเดนพยายามจัดการกับกลุ่มเด็กที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อพยายามข้ามพรมแดนเม็กซิโกโดยลำพัง


·         ACEA เผย ยอดขายรถใหม่ในยุโรปดิ่ง -20.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.พ. ท่ามกลางการ Lockdown และความไม่แน่นอนต่างๆที่เกิดขึ้นในยุโรปส่งผลกระทบต่อยอดขาย


·         ทีมบริหารไบเดน ได้รับเสียงสนับสนุนจากชาติพันธมิตร อย่างตรงไปตรงมาสำหรับการหรือแนวทางกับจีนครั้งแรก

ขณะที่จีนก็มีการเรียกร้องให้สหรัฐฯมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ครั้งใหม่ หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปี แต่สหรัฐฯ ยังระบุว่า การเจรจาที่รัฐอลาสกาแบบเผชิญหน้ากันนั้น จะเป็นตัวกำหนด รวมทั้งความสัมพันธ์ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการปรับปรุงพฤติกรรมของจีน

 

·         จีนเมินประเด็นการระบาด - พุ่งเป้าไปยังการสนับสนุนการเติบโตของสินค้าโภคภัณฑ์ที่เติบโตได้น้อย

ขณะที่ส่วนใหญ่ทั่วโลกยังคงจัดการกับการระบาดของไวรัสโคโรนา แต่เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณให้เห็นถึงความพร้อมในการก้าวผ่านจุดพีคที่สุดและเข้าสู่การฟื้้นตั

หนึ่งในสัญญาณทางเศรษฐกิจจีนเวลานี้ คือหมวดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง และทำให้จีนที่เป็นผู้ถือทองแดงรายใหญ่ของโลกสามารถเข้าซื้อได้โดยง่าย ท่ามกลางความต้องการจากประเทศต่างๆที่มีผลต่อราคาทั่วโลก ขณะที่จีนยังมีความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ แต่อาจมีความชะลอตัวมากขึ้น ดังนั้น ในทิศทางตรงข้ามกับนโยบายที่ช่วยผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้สูงขึ้นหรือเป็น "Super-Cycle" จึงเห็นจีนให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแนวอนุรักษ์นิยมเพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหาการระบาด

บรรดานักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า "จีนจะใช้เครื่องมือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น" เพื่อหนุนการเติบโตที่มีแววชะลอไปแตะ 5%-6%  และประเด็นนี้อาจจะไม่ไปช่วยหนุนการเติบโตในตลาดเกิดใหม่ได้มากเหมือนที่ผ่านมา

กลุ่มผู้กำหนดนโยบายของจีนมีแนวโน้มจะย้ายการใช้นโยบายสนับสนุนการอุปโภคบริโภค และมาที่อุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น ทั้งการผลิต เพื่อดัน "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์" เพิ่มขึ้น

ขณะที่อุปสงค์ในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันการที่จีนเลือกลดพลังงานคาร์บอนก็ดูจะจำกัดภาวะอุปทานในกลุ่มดังกล่าว

นักวิเคราะห์ฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์จาก Nanhua Futures จึงคาดว่าราคาอาจปรับลงในระยะสั้นๆ แต่อาจเห็นราคาขึ้นจากกำลังการผลิตต่างประเทศที่กลับมาอีกครั้ง

 

·         เข้าจีนง่ายขึ้น สำหรับประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว แต่ก็ใช้ได้กับจีนเท่านั้นในเวลานี้

เจ้าหน้าที่ทางการทูตหลายแห่งในประเทศจีน อาทิ สหรัฐฯสหราชอาณาจักรอินเดียอิสราเอล และฟิลลิปปินส์ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าให้แก่นักลงทุนในการเข้าสู่ประเทศจีน

 

·         ภาคครัวเรือนญี่ปุ่นมีการถือครองสินทรัพย์ทางการเงินมากเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่แตะ 1,948 ล้านล้านเยน (17.85 ล้าล้านเหรียญ) หรือคิดเป็นยอดงบดุลเพิ่มมา 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากวิกฤต Covid-19  จึงสร้างความท้าทายให้แก่ผู้กำหนดนโยบายการเงินในการเผชิญกับการต้องเร่งสนับสนุนการอุปโภคบริโภค เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืด และบรรเทาผลกระทบจาก Covid-19 เพื่อให้บริษัทต่างๆสามารถเพิ่มค่าแรงและค่าใช้จ่ายได้

 

·         "พรุ่งนี้" ญี่ปุ่นอาจตัดสินใจว่าจะยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวหรือไม่

รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะตัดสินใจยุติการประกาศภาวะฉุกเฉินที่ครอบคลุมถึงกรุงโตเกียวในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของรัฐบาลที่ว่า การประกาศฉุกเฉินอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเริ่มลดน้อยลง

 

·         ไต้หวันเตรียมเปิดใช้มาตรการ "Travel Bubble" ครั้งแรกกับประเทศขนาดเล็กในแปซิฟิกอย่างสาธารณรัฐปาเลา

ทั้งนี้ ไต้หวันยังคงเป็นประเทศที่มีการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาได้เป็นอย่างดี ที่มีการควบคุมได้เร็วและใช้มาตรการยับยั้งที่มีประสิทธิภาพ แต่ภาพรวมไต้หวันก็จะยังคงปิดพรมแดนกับประเทศขนาดใหญ่ ขณะที่ล่าสุดไต้หวันมียอดติดเชื้อภายในประเทศเพียง 29 ราย ณ ปัจจุบันที่ยังเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาล


·         ไต้หวันสนับสนุนการหรับการใช้งานเดินเรือทางทะเลจีนใต้ รวมทั้งได้รับอนุมัติชิ้นส่วนเรือดำน้ำล่าสุดจากทางสหรัฐฯ


·         ฟิลลิปปินส์ห่วง "Lockdown" วงกว้าง อาจยิ่งทำให้ยอดติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มมากขึ้น 

รัฐมนตรีสาธารณสุขของฟิลลิปปินส์ เผยว่า การ Lockdown ส่วนใหญ่ไม่สามารถช่วยลดการระบาดที่ยังดำเนินอยู่ในเวลานี้

 

·         ออสเตรเลียเรียกร้องให้อียูส่งวัคซีนป้องกันโควิดปริมาณ ล้านโดส สำหรับช่วยเหลือประเทศปาปัวนิวกินี ที่เผชิญการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ที่ทางการเกรงว่าอาจจะแพร่กระจายไปในพื้นที่อื่นๆ ของภูมิภาค

 

·         ยอดติดเชื้อ Covid-19 ในอินเดียเพิ่มขึ้นมากที่สุดรอบ 3 เดือน โดยยอดรายวันพุ่งแตะ 28,903 รายในวันนี้ ซึ่งเป็นสูงสุดนับตั้งแต่ 13 ธ.ค. ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมในประเทศแตะ 11.44 ล้านราย

ขณะที่ยอดเสียชีวิตรายวันอยู่ที่188 ราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดรอบ เดือน ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 159,044 ราย

 

·         ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 248 ราย ในปท. 79-ตรวจเชิงรุก 163-ตปท. 6-ตาย 1

 


ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 248 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 79 ราย และจากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 163 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย

 

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจกับการฟื้นตัวของกิจกรรมโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐฯ ที่จะเห็นได้จากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงเกินคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จึงช่วยบดบังปัจจัยลบของตลาดจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในยุโรป

น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.5% ที่ระดับ 68.74 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลดลงมากถึง 27 เซนต์

น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.7% ที่ระดับ 65.21 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากร่วงลงมากถึง 18 เซนต์ในช่วงต้นตลาด

ทั้งนี้ ราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิด ช่วยยุติการปรับลงของราคาที่ร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการ

ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) เผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลง ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุด 12 มีนาคม หลังนักวิเคราะห์คาดว่าจะเห็นสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มมากถึง ล้านบาร์เรล


·         Goldman Sachs คาดราคาน้ำมันมีโอกาสขึ้น - ช่วยหนุนค่าเงินในกลุ่มส่งออกรายใหญ่ได้ แม้จะมีการใช้นโยบายที่เข้มงวดขึ้นก็ตาม


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com