• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 10 มีนาคม 2564

    10 มีนาคม 2564 | Gold News



การอ่อนค่าของดอลลาร์-อัตราผลตอบแทนพันธบัตร หนุนทองขึ้นกว่า 2%

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้กว่า 2โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก
1) การอ่อนค่าของดอลลาร์หลังไปแตะ 92.506 จุด ซึ่งเป็นสูงสุดรอบ 3 เดือนครึ่ง โดยล่าสุดดอลลาร์ปิด -0.46
ที่ 91.95 จุด

2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี อ่อนตัวลงหลังไปแตะระดับสูงสุดรอบ 1 ปีบริเวณ 1.613โดยปรับลงมาที่ 1.544%

·         ราคาทองคำปรับตัวขึ้นหลังไปทำต่ำสุดรอบ 9 เดือนบริเวณ 1,676.10 เหรียญ ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 5 มิ.ย. ปี 2020

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +2.1% ที่ระดับ 1,717.01 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด +2.3ที่ 1,716.90 เหรียญ

 

·         นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures แสดงความเห็นว่า การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เกิดขึ้นเป็นจุดสิ้นสุดจริงหรือไม่ แต่ก็จะเห็นได้ว่าราคาทองคำและซิลเวอร์เริ่มที่จะปรับขึ้นได้ และเหล่าเทรดเดอร์ก็รอการรีบาวน์กลับจากสัญญาณ Oversold ในภาพทางเทคนิคที่เกิดขึ้น

 

·         นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก FXTM กล่าวว่า ทองคำอาจมีการปรับขึ้นได้ในระยะสั้นๆ แต่ปัจจัยหลักที่ส่งผลลบต่อราคาทองคำยังมีค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ “ความเชื่อมั่นทั่วโลก” เกี่ยวกับ
- การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
- ยอติดเชื้อ
 Covid-19 ที่ปรับตัวลดลง

 

·         กองทุนทองคำ SPDR ขายทองคำต่อเนื่อง 5 วันทำการ โดยล่าสุดวานนี้ขาย 1.45 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,061.98 ตัน ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ปลายเม.ย. 2020

ภาพรวม 5 วันทำการขายทองคำออกมาแล้ว 25.14 ตัน ส่งผลให้ภาพรวมปัจจุบันเดือนมี.ค. ขายทองคำรวมสุทธิ 31.55 ตัน

ตั้งแต่ม.ค. - ปัจจุบัน ปี 2021 กองทุน SPDR ขายทองคำออกแล้วทั้งสิ้น สุทธิ 108.76 ตัน

อย่างไรก็ดี เดือนมี.ค. ปี 2021 กองทุน SPDR ยังมีแรงเทขายอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยมีการขายออกตั้งแต่ต.ค. - ปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 206.91 ตัน

·         นักวิเคราะห์จาก Societe Generale กล่าวว่า การถือครองของกองทุน ETF เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำครั้งใหญ่ในทิศทางขาลง แต่เราก็เชื่อว่าราคาเฉลี่ยทองคำปีนี้มีโอกาสอยู่แถว 1,750 เหรียญ แต่ทองคำก็อาจเผชิญกับสภาวะผันผวนได้อย่างต่อเนื่อง

·         นักลงทุนรอคอยการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้าประมาณ 15 – 16 มี.ค. หลังจากที่ประธานเฟดยังคงส่งสัญญาณถึงการคงแนวทางการผ่อนคลายทางการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป

·         ราคาซิลเวอร์ปิด +3.7ที่ 26.01 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียมปิด -0.5ที่ 2,302.82 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียมปิด +3.3ที่ 1,172.42 เหรียญ

 

·         “เยลเลน” สัญญาจะให้การช่วยเหลือมลรัฐอย่างรวดเร็ว หลังผ่านร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า จะดำเนินการทางการงินอย่างเหมาะสมสำหรับมลรัฐและรัฐบาลท้องถิ่นในการช่วยเหลือผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ณ ขณะนี้หากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯผ่านร่างกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่ได้รับจากวุฒิสภา นางเยลเลน ระบุว่า ร่างดังกล่าวจะมีการรวมงบประมาณช่วยเหลือภาครัฐ 3.5 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเป็นความสำคัญส่วนหนึ่งของร่างฉบับนี้

 

·         แพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจไบเดน 1.9 ล้านล้านเหรียญ ที่ทางส.ส.สหรัฐฯกำลังทำการโหวตในกระบวนการสุดท้าย

ซึ่งค่อนข้างแน่ชัดที่จะได้รับเสียงสนับสนุนและปูทางไปสู่การช่วยเหลือต่างๆ และหลายๆฝ่ายก็คาดว่าร่างดังกล่าวจะรับการลงมติเห็นชอบในครั้งนี้

 

·         สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีแผนผ่านร่างกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญวันนี้ เพื่อเตรียมส่งต่อให้ “นายไบเดน”

การลงมติร่างกฎหมายดังกล่าวที่ยังดำเนินมาถึงวันนี้ ทางส.ส.พรรคเดโมแครตตั้งเป้าที่จะผ่านร่าง 1.9 ล้านล้านเหรียญให้ได้ โดยปราศจากการลงมติของทางฝั่งรีพับลิกัน

 

·         สภาคองเกรสต้องการเว้นภาษีคนวางงาน ขณะที่หลายๆรัฐอาจจะไม่ต้องการให้เกิดการช่วยเหลือในกรณีนี้

ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ มีการผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวมเรื่องการช่วยเหลือคนว่างงานด้วยการเว้นการจ่ายภาษีสำหรับผู้รับเงินช่วยเหลือสูงสุดไม่เกิน 10,200 เหรียญ/คนที่ได้รับในปี 2020

 

·         ประธานคณะกรรมาธิการสภาสูง หวังจะเกิด “การลงมติมาตรการกับจีน” เร็วที่สุดในเดือนเม.ย.นี้

นายบ็อบ เมเนเดส สมาชิกวุฒิสภาที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสภาสูง หวังจะเห็นทางวุฒิสภามีการลงมติเกี่ยวกับมาตรการการดำเนินการกับจีนเร็วที่สุดในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อรับมือและจัดการกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากประเทศจีน

 

ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯอาจเห็นการปรับขึ้นได้ในเดือนก.พ. แต่อาจเห็นการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงประมาณเดือนพ.ค.

รายงานจาก CNBC ระบุว่า ภาพรวมข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯอาจปรับขึ้นได้ในเดือนพ.ค. แต่อาจยังไม่ร้อนแรงมากนัก แต่ช่วงปลายเดือนพ.ค. อาจเห็นการปรับขึ้นได้อย่างร้อนแรง แม้จะเป็นเพียงการขึ้นชั่วคราวก็ตาม

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.พ. ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อของสหรัฐฯจะมีการประกาศในคืนนี้เวลา 20.30น. ตามเวลาประเทศไทย  ขณะที่ตลาดยังคงเกิดกระแสคาดการณ์ต่อเนื่องว่า “การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ” จะเป็นไปตามที่เฟดกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ หรือจะเป็นการเริ่มเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของเงินเฟ้อครั้งใหญ่กันแน่

 

สถานการณ์ไวรัสโคโรนาปัจจุบัน

รายงานล่าสุด พบรายงานจาก 62 ประเทศที่ยังเห็นจำนวนยอดผู้ติดเชื้อในระดับสูง ขณะที่ 19 ประเทศยังมียอดติดเชื้อเข้าใกล้จุดพีค



ภาพรวมยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกทะลุ 118 ล้านรายมาอยู่ที่ 118.14 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมรวมอยู่ที่ 2.62 ล้านราย

 

3 อันดับพบผู้ป่วยใหม่มากที่สุด ได้แก่
1. บราซิล พบยอดติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มมาที่ 69,537 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 11.12 ล้านราย
2. สหรัฐฯ พบยอดติดเชื้อใหม่รายวันที่ 52,834 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 29.79 ล้านราย
3. ฝรั่งเศส พบยอดติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่ม 23,302 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 3.93 ล้านราย

 

3 อันดับพบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มมากสุด ได้แก่
1. บราซิล มียอดเสียชีวิตใหม่เพิ่ม 1,954 ราย  รวมเสียชีวิตสะสม 268,568 ราย
2. สหรัฐฯ มียอดเสียชีวิตใหม่เพิ่ม 1,533 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 540,406 ราย
3. อิตาลี มียอดเสียชีวิตใหม่เพิ่ม 376 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 100,479 ราย

 

สถานการณ์ติดเชื้อในประเทศไทยล่าสุด พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 60 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 26,501 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตใหม่เพิ่ม ยังคงยอดเสียชีวิตสะสม 85 ราย

 

รายงานจากมติชนล่าสุด พบ ไทยฉีดวัคซีนโควิดแล้วเกือบ 3 หมื่นราย โดยรวม 29,900 ราย พบ 10 อาการไม่พึงประสงค์หลังฉีด

มีรายงานผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน จำนวน 2,380 ราย (คิดเป็นร้อยละ 7.96 ของผู้รับวัคซีนทั้งหมด) โดยในวันนี้มีรายใหม่เพิ่ม 1,424 ราย

อาการที่พบ

1. อาเจียน 618 ครั้ง (ร้อยละ 17)

2. ปวดเมื่อยเนื้อตัว 494 ครั้ง (ร้อยละ 14)

3. มีอาการอักเสบบริเวณที่ฉีด 476 ครั้ง (ร้อยละ 13)

4. ไข้ 410 ครั้ง (ร้อยละ 11)

5. ปวดศีรษะ 340 ครั้ง (ร้อยละ 9)

6. ท้องเสีย 322 ครั้ง ร้อยละ 9)

7. ผื่น 266 ราย (ร้อยละ 6)

8. เหนื่อย 255 ครั้ง (ร้อยละ 6)

9. คลื่นไส้ 134 ครั้ง (ร้อยละ 4)

10. อื่นๆ 356 ครั้ง (ร้อยละ 10)

นอกจากนี้ การจัดส่งวัคซีนถึงหน่วยบริการเป้าหมาย โดยวันที่ 3 มี.ค. กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งวัคซีนให้แก่จังหวัดเป้าหมายเบื้องต้นครบทั้ง 13 จังหวัด ระยะที่ 1 รอบแรก เป็นจำนวนวัคซีนรวม 116,520 โดส (ข้อมูล ณ วันที่ 1 มีนาคม 2564)

และได้วางแผนการจัดส่งเพิ่มเติมให้กับพื้นกรุงเทพมหานคร และสมุทรสาคร ในวันที่ 19 มี.ค.นี้

 

·         118 ทั่วโลกเดินหน้าโครงการฉีดวัคซี Covid-19  โดยล่าสุดพบว่ามียอดการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนแล้วไม่น้อยกว่า 312 ล้านโดส

 

·         ทำเนียบขาวเผย รัฐบาลจะได้รับการขนส่งวัคซีน Covid-19 จำนวน 18.5 ล้านโดส

 

·         “ดร.ฟาวซี” ผู้อำนวยการที่ปรึกษาทางการแพทย์ของทำเนียบขาว เตือน ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯ อาจกลับมาพุ่งขึ้นได้อีกครั้งเหนือความคาดหมาย  และถึงแม้จะเห็นจำนวนยอดติดเชื้อในปัจจุบันลดลง แต่ก็ “เป็นการปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย” เท่านั้น

 

·         อียูปฏิเสธข้อกล่าวหาในการเป็น “วัคซีนชาตินิยม”

 

·         อียูต้องการสนับสนุนการผลิตชิป ท่ามกลางวิกฤต Covid-19 ที่กระตุ้นให้เกิดการขาดแคลนอุปทานทั่วโลก

 

·         วัคซีน Covid-19 ของบริษัท Sputnik V อาจผลิตได้ในยุโรปเป็นครั้งแรก หลังอิตาลีลงนามข้อตกลง

กระทรวงพาณิชย์ของอิตาลีและรัสเซีย รวมทั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัสเซีย (RDIF )ยืนยันว่า ข้อตกลงดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ของอิตาลีก่อนการผลิตจะเริ่มดำเนินการได้

หลักฐานล่าสุด พบว่า บริษัทต่างๆของยุโรปบางแห่งไม่ต้องการรอการอนุมัติจากองค์กรยาของสหภาพยุโรป (EMA) ทำการอนุมัติวัคซีน

กลุ่มนักวิทยาศาตร์ กล่าวว่า วัคซีนจากบริษัทรัสเซียให้ประสิทธิภาพได้มากถึง 92% ที่ประเมินผลจากอาสาสมัครในการทดสอบขั้นสุดท้ายในเดือนที่แล้ว

อย่างไรก็ดี มี 3 ประเทศในยุโรป ได้แก่ ฮังการีสโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็ค มีการอนุมัติใช้วัคซีนของ Sputnik V

ขณะที่เจ้าหน้าที่จากอียู ระบุถึงการจะเริ่มเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน หากมีไม่น้อยกว่า ประเทศสมาชิกเรียกร้อง

 

·         รายงานจาก Reuters ล่าสุด พบว่า “ไบเดน” เตรียมประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้นำญี่ปุ่น, อินเดีย และประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพยายามสร้างสมดุลจากภาวะการเติบโตของกองทัพจีน และการเป็นประเทศเศรษฐกิจมหาอำนาจมากขึ้น

 

·         Barclays และ Citi Bank คาดเป็นเสียงเดียวกัน อาจเห็นธนาคารกลางบราซิลปรับขึ้นดอเบี้ย 0.5% ในสัปดาห์หน้า  ขณะที่เงินเฟ้อของบราซิล คาดการณ์ว่า จะเห็นการเพิ่มขึ้นช่วงสิ้นปีจาก 3.9% มาที่ 4.5%

 

·         ข้อมูลกิจกรรมภาคบริการของบราซิลช่วงเริ่มต้นปี 2021 ขยายตัวได้แข็งแกร่งเกินคาด ล่าสุดแตะ 0.6%

 

·         สำนักข่าว SPA รายงานว่า คณะรัฐมนตรีซาอุดิอาระเบีย ระบุว่า การโจมตีของกลุ่มกบฏฮูติในเยเมน มีขึ้นเพื่อพุ่งเป้าไปยังจุดเศรษฐกิจโลก

 

·         CNBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบางราย มีการหนีการปฏิบัติหน้าที่ไปยังประเทศอินเดีย หลังได้รับคำสั่งการสังหารกลุ่มผู้ชุมนุม “ยิงให้ตาย”

 

·         นักบริหารเงิน ระบุว่า  เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก ขณะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลงมา แต่ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ คาดกรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 30.70-30.90 บาท/ดอลลาร์

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องว่า ต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ซึ่งพบว่าในขณะนี้มีความขัดแย้งในกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในหลายๆกลุ่ม น่าจะส่งผลให้ราคาต้นทุนสูงขึ้น โดยตั้งแต่เดือนม.ค.-มี.ค. ราคาดีเซลขึ้นมาลิตรละ 3 บาท แต่รัฐบาลจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปเพื่อเตรียมแนวทางในการแก้ปัญหา

- นายกรัฐมนตรี ระบุการผ่อนคลายมาตรการให้จัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้นได้ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็ก ไปประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณามาตรการต่างๆ ก่อนที่จะนำข้อสรุปเข้าสู่ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้า

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติเห็นชอบให้แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงประโยชน์ของกฎหมายและมีโอกาสชำระหนี้ได้มากขึ้น โดยจะลดอัตราดอกเบี้ยกรณีผิดสัญญาเงินกู้และกรณีผิดนัดชำระหนี้ จากเดิม 7.5% ซึ่งจะนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

- ที่ประชุมครม.วันนี้ยังไม่เห็นชอบการขยายสิทธิโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ตามที่เดิมจะขยายสิทธิเพิ่มเติม เนื่องจากให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อความรัดกุมในการป้องกันการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหา และให้เสนอคณะกรรมการเงินกู้ฯ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเดิมหรือออกแบบรูปแบบใหม่ ก่อนนำกลับมานำเสนอ ครม.อีกครั้ง

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ

- ชงศบค. 1 เมษาฯ คลายล็อกเพิ่ม-ดีเดย์ 1 ตุลาฯ” ไฟเขียวต่างชาติเข้าไทย

ศบค.ชุดเล็ก ชงศบค.ชุดใหญ่ 15 มีนาคมนี้ คลายล็อกเพิ่มเติม ควบคู่กับการกระจาย-ฉีดวัคซีนให้ประชาชน ระบุ 1 เมษาฯนี้ คลายล็อกเพิ่มเติม ทั้งเรื่องสงกรานต์ ผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศ ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถึง 31พ.ค. รวมถึงเรื่องของวัคซีนพาสปอร์ต ระบุ 1 ตุลาฯ ผ่อนคลายระยะ 3  เตรียมผ่อนปรนต่างชาติเข้าไทย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com