• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564

    23 กุมภาพันธ์ 2564 | Gold News


องคำปรับขึ้น 1.5% จากกังวลเงินเฟ้อ – ดอลลาร์อ่อน

ราคาทองคำปรับขึ้นได้กว่า 1.5% ใกล้สูงสุดรอบเกือบ 1 สัปดาห์ โดยได้รับอานิสงส์จาก
1) คาดการณ์เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่สร้างความกังวลและกดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง 2) นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
3) ดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมาแถว 90.046 จุด โดยมีการทำต่ำสุดรอบ 1 เดือนวานนี้ด้วย
4
) คณะกรรมาธิการกำกับดูแลด้านงบประมารสหรัฐฯประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯผ่านร่างงบประมาณ 1.9 ล้านล้านเหรียญ
5) คาดสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯโหวตผ่านร่างดังกล่าวในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพื่อส่งร่างดังกล่าวต่อให้แก่วุฒิสภาสหรัฐฯ


ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1.5ที่ระดับ 1,808.16 เหรียญ หลังจากไปแตะสูงสุดตั้งแต่ 16 ก.พ.

สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด +1.7ที่ระดับ 1,808.40 เหรียญ


·         พรุ่งนี้ สัญญาทองคำ Gold Futures Series G ของตลาด TFEX จะหมดอายุ


 

 

·         กองทุนทองคำ SPDR ขายหนักอีก 12.24 ตัน รวมขายต่อเนื่อง 2 วันทำการ 17.49 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,115.4 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่มิ.ย. ปีที่แล้ว




อย่างไรก็ดี เดือนก.พ.นี้ SPDR มีการขายทองคำออกมาแล้วสุทธิ 44.73 ตัน เป็นการขายต่อเนื่อง 5 เดือนติดกันตั้งแต่ต.ค. ปี 2020  โดยหากรวมช่วงเดือนม.ค. ถึงปัจจุบันขายแล้วทั้งสิ้น 55.34 ตัน

 

·         นักวิเคราะห์จาก TD Securities ระบุว่า เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดทองคำมากขึ้นจากความกังวลเรื่องการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่จะกระทบกับมูลค่าของตลาดหุ้น


·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ยังคงทำสูงสุดรอบ 1 ปี ขณะที่การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยแท้จริงและเงินเฟ้อ ดูจะเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลเรื่องมูลค่าตลาดหุ้นอย่างหนัก และทำให้นักลงทุนกลับหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

 

·         นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า ดอลลาร์อ่อนถือเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนราคาทองคำ ขณะที่ราคาทองคำในระยะยาวมีโอกาสปรับขึ้นได้ตามสภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น


·         นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ประธานเฟดต่อสภาคองเกรสช่วง 2 วัน ที่จะเริ่มในวันนี้และคืนวันพรุ่งนี้


·         ราคาซิลเวอร์ปิด +3ที่ 28.02 เหรียญ เป็นระดับปิดสูงสุดตั้งแต่ 2 ก.พ.


·         ราคาแพลทินัมปิด +0.1ที่ 1,274.80 เหรียญ


·         ราคาพลาเดียมปิด +0.4ที่ 2,338.70 เหรียญ หลังไปทำสูงสุดรอบ 1 เดือนที่ 2,341.50 เหรียญ


 

·         คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯผ่านร่างงบประมาณ 1.9 ล้านล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อย คาดผลักดันให้เกิดการลงมติจากสมาชิกสภาคองเกรสอย่างเต็มรูปแบบช่วงปลายสัปดาห์นี้


·         เจเน็ต เยลเลน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวเตือน “การปรับขึ้นที่ไม่มีเสถียรภาพ” ของ Bitcoin ที่อาจสร้างอันตรายให้แก่นักลงทุนและกลุ่มประชาชนได้ แม้ว่าการปรับขึ้นของราคาที่เหนือ 53,000 เหรียญ จะเป็นผลมาจากการได้รับแรงหนุนของหลายๆบริษัทขนาดใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายและเสถียรภาพใดๆของราคาในเวลานี้

 

·         ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟดต่อสภาคองเกรส 23-24 ก.พ.นี้


รายงานจาก CNBC ระบุว่า ความกังวลของตลาดเป็นไปตามปกติในการรอฟังถ้อยแถลงของประธานเฟดอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในสัปดาห์นี้  เพื่อจับตาสัญญาณการปรับขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ

กลุ่มนักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นอย่างรวดเร็วที่มากเกินไป อาจทำให้เฟดเลือกใช้นโยบายเข้มงวดเร็วมากขึ้น ขณะที่เฟดอาจมีการกล่าวถึงความเสี่ยงของการปรับขึ้นในลักษณะ Overheating

อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของประธานเฟดอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดได้ชัดเจนขึ้น

 

·         เมื่อวานนี้ นางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบี กล่าวว่า อีซีบีจะจับตาการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว “อย่างใกล้ชิด”  และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรหลายๆตัวของยุโรปมีการปรับตัวลงหลังทราบถ้อยแถลงของเธอ

 

·         ตลาดการเงินส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นผลสะท้อนจากความมั่นใจเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัว ประกอบกับตลาดหุ้นมีการปรับขึ้นขานรับรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนาล่าสุดทั่วโลกมียอดติดเชื้อสะสมทะลุ 112 ล้านราย ล่าสุดอยู่ที่ 112.24 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 2.78 ล้านราย

 


·         สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 28.82 ล้านราย และเสียชีวิตรวม 512,466 ราย

 

·         นายฟาวซีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกล่าวตำหนิความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจาก Covid-19 มากกว่า 500,000 รายในเวลานี้

 

·         ขณะที่ล่าสุดทำเนียบขาว เผยว่า พายุฤดูหนาวที่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งวัคซีน จะเริ่มเห็นการกลับมาขนส่งวัคซีนได้อีกครั้งในช่วงกลางสัปดาห์นี้

 

·         ทางด้านอินเดียพบผู้ติดเชื้อสะสม 11.01 ล้านราย ตามมาด้วยบราซิลที่มียอดติดเชื้อสะสม 10.19 ล้านราย

 

·         สถานการณ์การระบาดในไทย  พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้น 89 ราย ติดเชื้อสะสม 25,504 ราย โดยมียอดผู้เสียชีวิตคงเดิิม 83 ราย

 

·         นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าวัคซีนโควิด ล็อตแรกสำหรับประเทศไทย พร้อมจะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ นี้  และจะส่งมาอย่างต่อเนื่องจนครบ 2ล้านโดส ตามที่องค์การเภสัชกรรม ได้สั่งซื้อไป ภายในเดือนเมษายน

สำหรับวัคซีนโควิด 19 ของบริษัทซิโนแวค สาธารณรัฐประชาชนจีน ลอตแรกจำนวน 2 แสนโดส ที่จะเดินทางมาถึงประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินขนส่งสินค้า (Cargo) เที่ยวบินที่ ทีจี 675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900 ออกเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 06.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ  เวลาประมาณ 10.00 น. ที่คลังสินค้า การบินไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ซึ่งวัคซีนที่มาจะบรรจุในกล่องเก็บอุณหภูมิขนาดใหญ่ 600 กล่อง ด้านในจะมีกล่องบรรจุอีก จำนวน 30 กล่อง และ ใน 1 กล่องจะมีวัคซีนเป็นหลอด รวม 40 หลอด หลอดละ 1 โดส มีขนาด 0.65 มิลลิกรัม และ ประชาชนจะได้รับวัคซีน 0.5 มิลลิกรัม 

หลังจากนั้น วัคซีนลอตต่อไปของซิโนแวค จำนวน 8 แสนโดส จะทยอยส่งถึงประเทศไทยอีกครั้งในเดือนมีนาคม และอีก 1 ล้านโดส ในเดือนเมษายน


·         ออสเตรเลียเริ่มโครงการฉีดวัคซีนและมีรายงานไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ 3 วันต่อเนื่อง

 

·         นายกฯอังกฤษเผยแผนเลิก Lockdown ประมาณ มิ.ย.

สำหรับการเปิดสถานศึกษาอาจเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 8 มี.ค. ขณะที่การออกนอกที่พักอาศัย เช่น สวนสาธารณะ อาจอนุญาตให้รวมกลุ่มได้ไม่เกิน 2 คน

ขณะเดียวกันทางรัฐบาลคาดหวังว่าในวันที่ 21 มิ.ย. จะสามารถยกเลิกกฎหมายการจำกัดและการคุมเข้มต่างๆ และสามารถอนุญาตให้ทุกภาคบริการที่ยังคงปิดทำการกลับมาเปิดทำการได้ อาทิ ไนท์คลับส์ต่างๆ

 

แนวทางการประกาศยกเลิก Lockdown ของอังกฤษ

เมื่อวานนี้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผยถึงวิธีการและช่วงเวลาที่จะเริ่มคลาย Lockdown ประเทศ ท่ามกลางคณะรัฐมนตรีที่มีการหารือรายละเอียด “Roadmap” ด้วยท่าทีระมัดระวังต่อการดำเนินการ

ทั้งนี้ มีกระแสคาดการณ์ว่า นายกฯอังกฤษจะพิจารณาจากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ

อัตราการติดเชื้อ

อัตราการรักษาตามโรงพยาบาล

อัตราการเสียชีวิต

ประสิทธิภาพของวัคซีน Covid-19

อย่างไรก็ดี นายบอริส กล่าวย้ำว่า การจะผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จะเป็นไปด้วยความระมัดระวังและขึ้นอยู่กับ ข้อมูล ไม่ใช่วันที่” ซึ่งหากจะยกเลิกมาตรการคุมเข้มก็ต้องยกเลิกเป็นการถาวร ท่ามกลางแรงกดดันจากสมาชิกในพรรครัฐบาลของเขาที่ต้องการให้เปิดเศรษฐกิจของประเทศ

 

·         สมาชิกบีโออี ไม่มั่นใจว่าจะเห็นอัตราดอกเบี้ยของอังกฤษกลับสู่ระดับปกติ 5ได้

 

·         สมาชิกอีซีบี ชี้ว่า สภาพเศรษฐกิจยูโรโซนไม่มีความเสี่ยงจะเผชิญภาวะ Overheating รวมทั้งความเสี่ยงจากการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ

 

·         จีนพร้อมเจรจากระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯใหม่ ขณะที่สหรัฐฯ มองว่า จีนพยายาม หลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาการกระทำความผิด

นายหวัง อี้ นักการทูตอาวุโสของจีน ระบุว่า สหรัฐฯและจีนสามารถจะทำงานร่วมกันในประเด็นต่างๆ หากทั้งสองประเทศร่วมมือกันแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่เคยมีมา พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐฯ “ยกเลิกภาษี” สินค้าของจีน รวมทั้งการเข้ากดดันต่อบริษัทเทคโนโลยีของจีน

ขณะที่ทางสหรัฐฯมองว่า จีนพยายามหลีกเลี่ยงถึงข้อกล่าวหาถึงการกระทำที่ผิดในทางปฏิบัติด้านเศรษฐกิจ, การปราศจากความโปร่งใส และความล้มเหลวในการยึดมั่นข้อตกลงของนานาประเทศ รวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาและรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนพร้อมที่จะเจรจาอีกครั้งหลังจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนแย่ลงอย่างมากในหลายสิบปี ภายใต้การบริหารของอดีตประธานาธิบดี นายโดนัลด์ ทรัมป์

 

·         ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ระบุว่า อิหร่านอาจเพิ่มกำลังการผลิตแร่ยูเรเนียมสูงถึง 60หากจำเป็น หากสหรัฐฯยังสร้างแรงกดดันเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์

ซึ่งการปรับขึ้นดังกล่าวดูจะสูงกว่าข้อกำหนดของข้อตกลงที่กำหนดไว้สูงสุดที่ 20และโดยปกติอิหร่านมีการผลิตแร่ดังกล่าวเพียง 3.67%

 

·         สหรัฐฯจะเดินหน้าเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่า หลังจากมีเหตุความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง

 

·         นักบริหารเงิน ระบุว่าเงินปิดปิดอ่อนค่าจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ เป็นผลมาจากนักลงทุนปิดรับความเสี่ยง ชะลอการลงทุน หันไปถือครองดอลลาร์ ส่งผลให้ดอลลาร์ กลับมาแข็งค่า

สำหรับวันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้ไว้ที่ 30.00-30.10 บาท/ดอลลาร์

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่มีมติขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ออกไปถึงวันที่ 31 มี.ค.64 พร้อมทั้งผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19

- ศบค.เห็นชอบมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยปรับระดับของสถานการณ์ให้เป็นพื้นที่สีเขียวมากขึ้น คือ มีความปลอดภัยมากขึ้น คงเหลือพื้นที่สีแดงไว้ที่จังหวัดสมุทรสาครเพียงจังหวัดเดียว

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2563 ในภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2563 ขยายตัว 5.1% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยในปี 2562 สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัวได้ 2.0%

- ตลาดรถยนต์เดือนมกราคม 2564 ลดลงทุกตลาด มีปริมาณการขาย 55,208 คัน ลดลง 21.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่ง อยู่ที่ 16,104 คัน ลดลง 44.2% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 39,104 คัน ลดลง 5.4% ขณะที่รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 30,107 คัน ลดลง 9.6%

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยรัฐ

ธปท.ระบุแบงก์พาณิชย์ปี 63 ยังแข็งแกร่ง มีเงินกองทุน เงินสำรอง สภาพคล่องสูง หนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากโควิด19 ได้ แม้กำไรลดลง 46% ส่วนสินเชื่อปี 63 พลิกโต 5.1% หลังธุรกิจรายใหญ่ หนีตลาดตราสารหนี้ หันซบแบงก์พาณิชย์ และเศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้น ยอมรับเอสเอ็มอีน่าห่วง เดินหน้าแก้เงื่อนไขปล่อยซอฟต์โลน

นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายนโยบายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ปี 63 ว่า มีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 ได้ แม้ผลประกอบการลดลงเพราะกันสำรองในระดับสูงต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรองรับผลกระทบของโควิด-19 ต่อคุณภาพสินเชื่อ โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) อยู่ที่ 20.1% เงินสำรอง 799,100 ล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 149.2% และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤติ อยู่ที่ 179.6% มีกำไรสุทธิ 146,200 ล้านบาท ลดลง 46% จากปีก่อน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com