• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564

    22 กุมภาพันธ์ 2564 | Gold News

ทองคำปิดรีบาวน์จากต่ำสุด 7 เดือน แต่รายสัปดาห์ยังเป็นแดนลบ

ราคาทองคำปิดปรับขึ้นในคืนวันศุกร์ หลังจากที่ไปทำต่ำสุดช่วงต้นตลาดบริเวณ 1,759.29 เหรียญ ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 2 ก.ค. ก่อนจะรีบาวน์ปิดตลาด +0.3ที่ 1,780.86 เหรียญ

ภาพรวมรายสัปดาห์ ราคาทองคำตลาดโลกปิดปรับร่วงลงราว -2.4% ซึ่งเป็นการปิดปรับลงรายสัปดาห์มากที่สุดตั้งแต่สัปดาห์ของวันที่ 8 ม.ค.

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ตลาด Comex ปิด +0.1ที่ระดับ 1,777.40 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ตลาด TFEX จะหมดอายุลงในวันที่ 24 ก.พ. นี้

 


·         กองทุน SPDR ล่าสุดขาย 5.25 ตัน  ปัจจุบันลดการถือครองมาที่ 1,127.64 จุด ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ช่วงต้นมิ.ย. ปีที่แล้ว




 

สำหรับภาพรวม SPDR มีสถานะขายสุทธิติดต่อกัน 5 เดือน และในเดือนก.พ. ขายออกมารวม 32.49 ตัน ถือเป็นระดับการขายที่มากที่สุดนับตั้งแต่ธ.ค. ปีที่แล้ว

 

ตั้งแต่ต้นม.ค. ถึงปัจจุบัน SPDR มีสถานะขายสุทธิ 43.10 ตัน

 

·         หัวหน้านักกลยุทธ์จาก TD Securities กล่าวว่า การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ภาพทางเทคนิคของราคาทองคำอาจเป็นลักษณะซื้อขายในกรอบ ซึ่งทองคำยังมีปัจจัยกดดันหลักคือ “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ” ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นต่อและเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับราคาทองคำ


·         นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า ทองคำมีการเคลื่อนไหวดัง “สึนามิ” ซึ่งค่อนข้างผันผวนรุนแรงในเวลานี้


·         ราคาแพลทินัมปิด +0.2% ที่ 1,277.18 เหรียญ และยังปิดแดนบวกต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ และมีการทำสูงสุดช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสูงสุดในรอบ 6 ปี


·         ราคาพลาเดียมปรับขึ้น 1.1ปิดที่ 2,376.58 เหรียญ


·         ราคาซิลเวอร์ปิด +0.8ที่ 27.25 เหรียญ แต่รายสัปดาห์ปิดแดนลบ

 

·         สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เร่งผลักดันแผน Covid-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านเหรียญ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผานมา และหวังจะให้เกิดการผ่านมติเห็นชอบจากทางวุฒิสภาให้ได้ในสัปดาห์หน้า

 

·         นายเบอนีย์ แซนเดอร์ส ประธานคณะกรรมาธิการกำกับดูแลงบประมาณของวุฒิสภา กล่าวว่า วุฒิสภาตระหนักดีว่า สัปดาห์นี้จำเป็นต้องผลักดันร่างงบประมาณ Covid-19 ที่จะรวมไปถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 15 เหรียญ/ชั่วโมงด้วย จากปัจจุบันที่ 7.25 เหรียญ/ชั่วโมง

นายชัค ชูมเมอร์ส ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯของพรรคเดโมแครต กล่าวว่า เขาค่อนข้างหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านสภาคองเกรสได้ก่อน 14 มี.ค. ซึ่งเป็นรอบการช่วยเหลือคนว่างงานรอบล่าสุดที่จะหมดอายุลง

 

·         นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน ชี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่เป็นเรื่อง “ เหมาะสม” และหวังจะเห็นการจ้างงานกลับมาโตได้เต็มรูปแบบภายในช่วง 2 ปี

 

·         นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ไม่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างร้อนแรงเกินไปจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินจำนวนมากของรัฐบาล พร้อมกันนี้ ยังคาดหวังว่าจะเห็นเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2ตามที่เฟดตั้งเป้าไว้

 

·         นายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ ชี้ เศรษฐกิจอาจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แม้ประชาชนจะยังได้รีบวัคซีนต้าน Covid-19 ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มรูปแบบ

 

·         รายงานจากการดำเนินนโยบายครึ่งปีของเฟด (Semi Annual) ที่จะรายงานต่อสภาคองเกรส ชี้ว่า เฟดกำลังพิจารณาความเสี่ยงจากความล้มเหลวในภาคธุรกิจที่ยังดำเนินต่อไป

แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีสภาวะฟื้นตัวจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยที่ภาคธุรกิจมีการกู้ยืมเวลานี้เกือบจะสูงสุดในประวัติศาสตร์ แม้ว่าจะมีการอัดฉีดเงินจำนวนมาก, การใช้อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ปัญหาดังกล่าวอาจกลายเป็นปัญหาเชิงลึกในระยะสั้น รวมทั้งจะสร้างความเสี่ยงต่อภาคธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ด้วย

อย่างไรก็ดี ตลาดรอฟังถ้อยแถลงรายงานดังกล่าวของ “นายเจอโรม โพเวลล์” ประธานเฟด ที่มีกำหนดจะรายงานต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวุฒิสภาในวันอังคารนี้

ขณะที่มีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลบริการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯในคืนวันพุธ

 

·         ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯปรับขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. 0.6% ที่ 6.69 ล้านยูนิต

ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้นแม้สัญญาอนุมัติขายจะปรับลง และราคาบ้านในเวลานี้ปรับตัวสูงขึ้น

 

·         ภาคอุตสาหกรรมโรงงานของสหรัฐฯ ชะลอตัวในเดือนก.พ. ขณะที่ได้รับแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการขาดแคลนชิป Semiconductors ทั่วโลกที่กระทบต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ และความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่จะปรับสูงขึ้นในปีนี้

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนาล่าสุด

ทั่วโลกมียอดติดเชื้อสะสมทะลุ 111.95 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 2.47 ล้านราย

 


สหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 28.76 ล้านราย และเสียชีวิตรวม 511,133 ราย

ทางด้านอินเดียพบผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 11 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย ตามมาด้วยบราซิลที่มียอดติดเชื้อสะสมทะลุ 10 ล้านราย

 

สถานการณ์การระบาดในไทย วันศุกร์พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 130 ราย เสียชีวิต 1 ราย ขณะที่วันเสาร์ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 82 ราย นำโดยปทุมธานีที่ยอดติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเมื่อวานนี้ล่าสุดศบค. เผย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 92 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 25,415 ราย และเสียชีวิตคงที่ 83 ราย

 



·         กระทรวงสาธารณสุข เผยแผนการฉีดวัคซีน Covid-19 แบ่งเป็น 3 ระยะ เริ่มระยะแรก ก.พ.-เม.ย.นี้ 2 ล้านโดส ใน 5 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า อสม. 8 หมื่นคน เจ้าหน้าที่ควบคุมโรค 2 หมื่นคน และกลุ่มเสี่ยง 9 แสนคน เพื่อลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต

 

·         ล่าสุดมีรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขจะลุยฉีดโควิดเข็มแรก มี.ค. ดึง ไทยเบฟ-SCG” ขนวัคซีน

 

·         พายุฤดูหนาวกระทบการฉีดวัคซีน Covid-19 ทั้ง 50 รัฐให้ล่าช้าออกไป

·         สหรัฐฯ ขยายมาตรการเข้มงวดด้านการเดินทางบริเวณพรมแดนแคนาดาและแม็กซิโก จนถึง 21 มี.ค.

 

·         อังกฤษกลับมาเปิดทำการบางส่วนหลังจากที่ยอติดเชื้อไวรัสจากสายพันธุ์แอฟริกาใต้ลดลง พร้อมกันนี้อังกฤษสั่งเร่งการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงวัยทุกคน “ต้องได้รับการฉีดเข็มแรกให้แล้วเสร็จภายใน 31 ก.ค.”

 

·         นิวซีแลนด์เริ่มโครงการฉีดวัคซีนแล้ว ขณะที่ประเทศออสเตรเลียเริ่มโครงการวันจันทร์นี้

 

·         โปแลนด์กำลังพิจารณาคลายมาตรการคุมเข้ม Covid-19 บริเวณพรมแดนที่ติดกับสาธารณรัฐเช็ก และสโลวาเกีย

 

·         แมร์เคล” นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ชี้ การระบาดจะไม่มีวันจบจนกว่าทั่วทั้งโลกจะได้รับการฉีดวัคซีน  ดังนั้น เยอรมนี และกลุ่มประเทศร่ำรวย จำเป็นต้องแบ่งวัคซีนที่สต็อกไว้ส่งมอบให้แก่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

 

·         Pfizer ให้คำมั่นจะจัดหาอุปทานเพิ่ม เท่า ตามที่นายไบเดนเร่งผลักดันให้มีการกระจายวัคซีนให้รวดเร็วขึ้น

 

·         Pfizer หาวิธีขนส่งวัคซีนด้วยอุณภูมิที่สูงขึ้น ช่วยบรรเทาด้านโลจิสติกส์

 

·         นายกฯรัสเซียอนุมัติใช้ฉุกเฉินวัคซีน Covid-19 ตัวที่ 3 ของประเทศ ได้แก่ วัคซีน CoviVac ของบริษัท Chumakov Centre

หลังจากที่มีการอนุมัติใช้วัคซีน Sputnik V ที่ค้นคว้าและผลิตโดยสถาบัน - Gameleya Institute ในเดือนส.ค. ก่อนที่ผลการทดสอบขั้นสุดท้ายจะออกมาในเดือนก.ย.  โดยเริ่มฉีดวัคซีนตัวนี้ได้ตั้งแต่ ธ.ค. หลังผลทดสอบพบประสิทธิภาพ 91.4%

ขณะที่วัคซีนตัวที่ ที่ได้รับอนุมัติใช้ฉุกเฉินมาจากการพัฒนาของสถาบัน Vector Institute ที่กำลังเริ่มกระบวนการฉีดวัคซีนแล้ว

·         รัสเซียผลิตวัคซีน Covid-19 ได้ 88 ล้านโดสภายในช่วงครึ่งปีแรก

 

·         ข้อมูลจากสหรัฐฯ ชี้ ผลการฉีดวัคซีนเดือนแรกทั้งจาก BioNtech และ Moderna มีความไม่ปลอดภัย ซึ่งทั้งสองตัว เป็นวัคซีนที่ได้รับอนุมัติใช้ฉุกเฉินในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนแล้ว 13.8 ล้านโดส 

โดยรายงานส่วนใหญ่ ระบุถึงการได้รับวัคซีนและมีผลข้างเคียงไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ  อาการวิงเวียน และอ่อนแรง แต่ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนจึงดูจะไม่เป็นผลที่น่าพอใจจากรายงานผลทดสอบที่ระบุว่ามีความปลอดภัย

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ระบุว่า ผลข้างเคียงร่วมของวัคซีนมีแนวโน้มจะมาจากการได้รับวัคซีนเพิ่ม โดยเฉพาะรายงานส่วนใหญ่ค่อนข้างเห็นตรงกันว่าเป็นผลจากการได้รับการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รับเข็มที่ 2

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอาร์เจนตินาประกาศลาออก หลังมีรายงานการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มวีไอพี

 

·         ผู้อำนวยการ Eurogroup ระบุว่า ระดับหนี้ไม่อาจปรับตัวลดลงได้โดยปราศจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง


·         นายกฯอังกฤษ เผย ที่ประชุม G7 มุ่งฟื้นการกลับมาเติบโตของเศรษฐกิจโลกร่วมกัน


·         รายงานประชุม G7 สะท้อนว่า จะมีการตอบโต้นโยบาย “Non-Market” ของจีนเพื่อให้แน่ใจว่าจะเกิดการใช้นโยบายเสรีเช่นเดียวกันทั่วโลก และเพื่อให้เกิดการสนับสนุนทางการค้าที่เป็นธรรมและเอื้อประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจต่อประชาชนทุกคนของทุกประเทศ


·         FEMA เผย ไบเดน” อนุมัติการช่วยเหลือสถานการณ์ภัยพิบัติสำหรับรัฐเท็กซัส ซึ่งการดำเนินอนุมัติดังกล่าวจะเกิดการพร้อมในการระดมทุนช่วยเหลือแก่ส่วนอื่นๆของประเทศด้วย เช่น การให้ความช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยชั่วคราว และการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย รวมไปถึงการปล่อยเงินกู้

 

·         ผู้อำนวยการ NATO ระบุว่า อิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นกำลังเป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ในเขตมาหาสมุทรแอตแลนติก และถือเป็นความท้าทายบทใหม่ ประกอบกับประเด็นภัยคุกคามของรัสเซียที่ชาติตะวันตกกำลังให้ความสนใจ

 

·         ไบเดน ชี้ สหรัฐฯ-ยุโรป ต้องร่วมกันต่อต้านระบอบเศรษฐกิจจีนที่เป็นการข่มเหงและบีบบังคับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของนานาประเทศ ด้วยการขายตัดราคาของระบบเศรษฐกิจสากลพื้นฐาน

 

·         สหรัฐฯแสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายป้องกันชายฝั่งฉบับใหม่ของจีนที่อาจส่งผลให้ข้อพาททางทะเลบานปลาย

ทั้งนี้ จีนมีข้อพิพาทด้านอธิปไตยทางทะเลกับญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก รวมทั้งมีประเด็นกับหลายๆประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เรื่องทะเลจีนใต้ ขณะที่ล่าสุดจีนมีการอกกฎหมายอนุญาตให้หน่วยยามชายฝั่งสามารถยิงเรือต่างชาติที่รุกล้ำพื้นที่ได้อย่างชัดเจน

 

·         FTSE Russell เพิ่ม 11 หุ้นจากตลาด STAR Market ของจีน เข้าสู่กระดานซื้อขายสากลระดับโลก โดย 11 หุ้นบริษัทที่เข้าตลาด ยกตัวอย่างเช่น

- Raytron Technology

- Zhejiang Hangke Technology

- Montage Technology

- Advanced Micro-Fabrication Equipment

 

·         ทีมบริหารไบเดน แต่งตั้งเรือขนส่งสินค้าจากรัสเซีย เพื่อช่วยการส่งออกน้ำมันผ่านทาง Nord Stream 2 ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมัน

ขณะที่หลายบริษัทยังถูกคว่ำบาตรภายใต้การดำเนินการในยุคของนายทรัมป์ และเสียงค้านในสภาคองเกรส

 

·         รัฐบาลรัสเซียและกระทรวงอุตสาหกรรมน้ำมันรัสเซียให้การสนับสนุนการเพิ่มภาษีในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเพื่อเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันต้องจ่ายภาษีเพิ่ม 2.27 แสนล้านรูเบิล (3 พันล้านเหรียญ) ขณะที่ปีหน้าเสีย 3.61 แสนล้านรูเบิล จากนั้นจึงจ่าย 2.42 แสนล้านเหรียญในปี 2023

 

·         โฆษกฯอิหร่าน เชื่อว่าสหรัฐฯจะตัดสินใจถอนมาตรการคว่ำบาตร แม้จะมีความขัดแย้งกันอยู่ในเวลานี้

 

·         ล่าสุดสหรัฐฯยังไม่ถอนมาตรการคว่ำบาตรแต่เดินหน้าเจรจากับอิหร่านเกี่ยวกับการคุมขังชาวอเมริกา ขณะที่ทบวงปรมาณู (IAEA) เผย อิหร่านได้สั่งห้ามเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบของ U.N ในการเข้าถึงโครงการนิวเคลียร์แล้ว


·         เครื่องบินขับไล่ของจีนบินเหนือน่านฟ้าไต้หวันที่เป็นแนวเขตป้องกัน หลังจากที่มีการแต่งตั้งกระทรวงกลาโหมคนใหม่ของใต้หวัน

 

·         ล่าสุดมีรายงานถึง ไต้หวัน” ฝึกซ้อมฝูงบินรบอีกครั้ง ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจีนมีการฝึกซ้อมกองกำลังบริเวณทะเลจีนใต้ ด้วยการปล่อยเครื่องบินรบและเครื่องบินบรรทุกระเบิดเข้าใกล้พื้นที่เกาะไต้หวัน

 

·         นายกฯไทย ยังได้รับคะแนนโหวตไว้วางใจจากรัฐสภา

 

·         นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง ที่ 29.80-30.20 บาท/ดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส และประเด็นเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลการส่งออกเดือนม.ค. และปัจจัยทางการเมืองของไทย

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย อัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจาก Core PCE Price Index เดือนม.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ จีดีพีไตรมาส 4/63 (ครั้งที่2) และดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค.63 นอกจากนี้ตลาดอาจยังคงติดตามสถานการณ์โควิด 19 ทั้งในและต่างประเทศ

ส่วนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทขยับอ่อนค่า แต่ฟื้นตัวได้บางส่วนปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในช่วงแรก ก่อนจะเริ่มอ่อนค่าลงในช่วงกลางสัปดาห์ หลังจากที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงอ่อนค่าลงได้บางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากกรอบขาขึ้นของเงินดอลลาร์ฯ ถูกจำกัดลง หลังจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยโพสต์

- อนุสรณ์ชี้พิษโควิดทำเศรษฐกิจไทยกระเตื้องปลายไตรมาสสาม

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต ระบุว่า  คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3-4% โดยเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปีนี้น่าจะยังหดตัวและติดลบประมาณ (-0.50) – (-1.0)% หากสามารถทยอยเปิดประเทศภายใต้การควบคุมตามมาตรฐานทางด้านสาธารณสุขและมาตรฐานองค์การอนามัยโลกการเปิดประเทศพร้อมกับการได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงของคนในประเทศจะทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสสองจะขยายตัวเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบห้าไตรมาสจากตัวเลขของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพบว่า เศรษฐกิจไตรมาสสี่ของปีที่แล้วหดตัวหรือติดลบน้อยกว่าคาดการณ์ คือ

มีอัตราการขยายตัวติดลบ -4.2% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2563 ติดลบประมาณ 6.1%

การลงทุนภาครัฐและการบริโภคภาคเอกชนเริ่มขยายเป็นบวกเล็กน้อยอันเป็นผลจากการเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐและมาตรการโอนเงินชดเชยรายได้ประชาชนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com