· ดอลลาร์อ่อนค่า เหตุไม่แน่ใจเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ เนื่องจากตลาดเริ่มเล็งเห็นถึงข้อมูลจ้างงานที่ออกมาผิดหวังจึงลดการถือครองในดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์วันนี้ทรงตัวแนว 91.084 จุด โดยอ่อนค่าลง 0.6% จากระดับปิดวันศุกร์
ทางด้านยูโรยังทรงตัวอยู่แนว 1.2048 ดอลลาร์/ยูโร แต่เผชิญกับการทดสอบในช่วงท้ายวันจากข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีทีชะลอตัวลงในช่วงสิ้นปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์บางราย มองกว่า ถึงกลุ่มนักลงทุนมีการลดสถานะ Short ในดอลลาร์ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและความคืบหน้าในการต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนาก็ดูจะเป็นตัวที่อาจผลักดันให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าได้
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยที่ 1.3736 ดอลลาร์/ปอนด์ ปิดใกล้สูงสุดรอบเกือบ 3 ปี
เงินเยนทรงตัวที่ 105.38 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากสูงสุดรอบ 3 เดือน
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯล่าสุดดูจะเห็นการจ้างงานออกมาแย่กว่าที่คาด แม้ว่าผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ก่อนออกมาดีขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ตลาดให้ความสำคัญช่วงปลายสัปดาห์นี้
- ดัชนีราคาผู้บริโภค
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ดูจะเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อสหรัฐฯที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นและอาจหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯด้วย
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว หากออกมาน่าผิดหวังจะกดดันดอลลาร์ได้ต่อ
CFTC เผย กลุ่มนักลงทุนมีการหารือกันเรื่องภาวะขาลงของดอลลาร์ หลังจากที่มีปริมาณการถือ Short ในดอลลาร์ลดลงแตะ 2.995 หมื่นล้านเหรียญ ในสัปดาห์ที่แล้ว เมือเทียบกับสถานะ Short ในสัปดาห์ก่อนที่มีมูลค่าการถือครองที่ 3.381 หมื่น้านเหรียญ
Ethereum ปรับลง 3.88% ที่ 1,615 เหรียญ ยังคงเผชิญแรงขายหลังทำสูงสุดประวัติการณ์ในการเปิดทำการซื้อขาย Ether Futures ในตลาด CME วันนี้วันแรก
Bitcoin ค่าเงินดิจิทัลยอดนิยมปรับลง 0.88% ที่ 38,936 เหรียญ
· Standard Chartered แนะ "อย่าประมาท" เนื่องจากการทำ Short ในดอลลาร์ยังไม่จบ ดังนั้น จึงอาจเกิดการทำ Short ครั้งใหญ่ในค่าเงินดอลลาร์ตามมาอีกครั้งได้
· อังกฤษ เผย วัคซีน AstraZenecaช่วยยั้งการตายจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาได้ด้วยอัตราเพียงครึ่งโดส
· ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันประจำเดือนธ.ค.ซบเซเนื่องจากมาตรการ Lockdown ทั้งในและต่างประเทศเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งฉุดรั้งภาคการผลิตที่มุ่งเน้นการส่งออกในเศรษฐกิจของยุโรป
ทั้งนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัวในเดือนนี้หลังจากปรับเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของ Reuters คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
· จีนรายงานว่าไม่มีผู้ติดเชื้อยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ภายในประเทศเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 เดือน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทางการจีนสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสระลอกใหม่ได้สำเร็จ
· ออสเตรเลียได้สร้างความมั่นใจให้กับพลเมืองของตนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของบริษัท AstraZeneca เพื่อคลายความกังวลหลังทางการแอฟริกาใต้ประกาศแผนระงับการฉีดวัคซีนของบริษัทดังกล่าวเป็นการชั่วคราว เนื่องจากการทดสอบปรากฏให้เห็นผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจมากนัก
· สิงคโปร์ได้เลื่อนการทำข้อตกลง Travel Bubble ออกไปอย่างไม่มีกำหนดการแน่นอนว่าจะสรุปได้ในเมื่อใด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศยังไม่สามารถควบคุมได้
หนังสือพิมพ์ Business Times ของสิงคโปร์รายงานว่า โครงการนำร่อง Connect@Singapore ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าเป็นรูปร่าง จากที่แต่เดิมมีกำหนดเริ่มโครงการในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
· พระ, เณร เข้าร่วมประท้วงต้านรัฐประหารที่เมียนมาต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
· Brent แตะ 60 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากการปรับลดอุปทาน และความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยหนุนราคา
ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบปี ขณะที่น้ำมันดิบ Brent futures พุ่งแตะระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากการลดอุปทานลงของกลุ่มผู้ผลิตและความหวังที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของสหรัฐฯ จึ่งช่วยเพิ่มอุปสงค์
น้ำมันดิบ Brent แตะระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 60.06 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ของปีที่แล้ว ที่ 59.98 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นที่ 64 เซนต์ หรือ 1.1%
น้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1.1% ที่ระดับ 57.50 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ของปีที่แล้ว