• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564

    3 กุมภาพันธ์ 2564 | Economic News
   

·         ดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้สูงสุดรอบ 2 เดือน เมื่อเทียบยูโร ท่ามกลางความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯเพิ่มเติม

 

ในขณะที่ยุโรปเผชิญกับการขยายเวลา Lockdown และคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะปรับตัวลดลงต่อในไตรมาสแรกของปีนี้

 

ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวทรงตัวที่ 1.2043 ดอลลาร์/ยูโรในตลาดเอเชีย หลังจากที่ปรับขึ้นไปอย่างแข็งแกร่งบริเวณ 1.20115 ดอลลาร์/ยูโรเป็นครั้งแรกตั้งแต่ 1 ธ.ค.

 

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 91.046 จุด หลังจากที่ทำสูงสุดรอบ 2 เดือนบริเวณ 91.283 จุดเมื่อวานนี้

 

ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 104.985 เยน/ดอลลาร์ หลังอ่อนค่าขึ้นไปแตะ 105.17 เยน/ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ 12 พ.ย.

 

ค่าเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์แข็งค่าหลังจากที่อัตราว่างงานในประเทศลดลงเกินคาด โดยค่าเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.4%

 

ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.1%  หลังจากที่อ่อนค่าต่อเนื่อง 3 วันทำการ โดยตลาดยังมีแรงกดดันจากการที่ RBA ยังเลือกคงดอกเบี้ยไว้ใกล้ศูนย์จนกว่าภาคแรงงานจะแกร่งพอหนุนเศรษฐกิจ เพื่อผลักดันให้ค่าแรงขยายตัวและเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น อันเป็นเป้าหมายของธนาคารกลางภายในเวลา 3 ปี

 

·         ดัชนีภาคบริการ PMI และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเอกชนสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินยูโรและดอลลาร์ได้รับความน่าสนใจในขณะนี้

 

ค่าเงินออสเตรเลีย

- ยอดอนุมัติก่อสร้างพุ่งแตะ 10.9% ในเดือนธ.ค. ขยายตัวต่อหลังพ.ย.ปรับขึ้นมา 2.6%

โดยรายงานจาก ABS ระบุว่ายอดก่อสร้างมีการปรับขึ้นต่อเนื่อง 6 เดือนติด โดยได้รับการอนุมัติหลักจากภาคการสร้างบ้านของเอกชนที่เพิ่มขึ้นมากสุดในเดือนธ.ค.

 

ภาพรวมจึงหนุนให้ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นจาก 0.7609 ออสเตรเลีย/ดอลลาร์ ไปที่ 0.76113 ออสเตรเลีย/ดอลลาร์

 

ขณะที่การประกาศข้อมูลดัชนี PMI ภาคบริกาจากจีนก็ดูจะทำให้ค่าเงินออสเตรเลียพุ่งขึ้นได้ต่อ 0.12% ไปที่ 0.7616 ออสเตรเลีย/ดอลลาร์

 

ค่าเงินเยน

- ดัชนี PMI ภาคบริการของญี่ปุ่นลดลงจาก 47.7 จุด สู่ระดับ 46.1 จุด ในเดือนม.ค.

- การเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของยอดติดเชื้อ Covid-19 กดดันกิจกรรมภาคบริการที่เริ่มต้นในปี 2021 นี้

- ทั้งภาคการผลิตและธุรกิจรายใหม่มีเม็ดเงินไหลเข้าประเทศลดน้อยลงในเดือนม.ค.

- ภาคธุรกิจรายใหม่มีเม็ดเงินร่วงลงเร็วที่สุดรอบ 8 เดือน

- การจ้างงานในญี่ปุ่นยังอยู่ในระัดบมีเสถียรภาพต่อเนื่อง 4 เดือนติด

- บริษัทบางแห่งยังมองทิศทางเชิงบวกต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น

 

ทั้งหมดนี้ เป็นปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินเยน และทำให้ค่าเงินยนจากระดับ 105.021 เยน/ดอลลาร์ อ่อนค่าไปที่ 105.32 เยน/ดอลลาร์ หลังทราบข้อมูล PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายที่ได้กล่าวไป ก่อนที่ล่าสุดเงินเยนจะแข็งค่ากลับมา 0.04% แตะ 104.94 เยน/ดอลลาร์


ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของภาคเอกชนสหรัฐฯเดือนม.ค. ที่จะรายงานในคืนนี้ 20.30น. (ตามเวลาประเทศไทย)  ถูกคาดว่าจะเห็นการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 49,000 ตำแหน่ง หลังจากที่หดตัวลงหนักกว่า -123,000 ตำแหน่งเป็นครั้งแรกในเดือนธ.ค. ขณะเดียวกันตลาดรอคอยข้อมูลจากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ที่จะเปิดเผยข้อมูลการผลิตที่มีแนวโน้มปรับขึ้นได้จากภาคบริษัทด้านการผลิตที่มีแนวโน้มความเชื่อมั่นต่อการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น

 

·         Bloomberg เผยข้อมูล โครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ทั่วโลกพุ่งทะลุ 104 ล้านโดส กว่า 66 ประเทศ เฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 4.22 ล้านโดส


ด้านสหรัฐฯ ณ ปัจจุบัน ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มได้รับวัคซีนอย่างน้อยคนละ 1 โดส ที่มากกว่าการตรวจหาผู้ติดเชื้อ โดยปัจจุบันมีประชากรได้รับวัคซีนแล้ว 33.7 ล้านโดส เฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 1.32 ล้านโดส

 

การฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ

มีการกระจายวัคซีนเฉลี่ย 10.3 โดสต่อ 100 คน และมีการเฉลี่ยการส่งมอบให้แต่ละรัฐแล้วประมาณ 64%

 


·         นิวซีแลนด์อนุญาตให้ใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาจากบริษัท Pfizer / BioNTech ในกรณีฉุกเฉิน โดยจะมีการจัดส่งครั้งแรกภายในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งนับเป็นวัคซีนป้องกันไวรัสตัวแรกที่ได้รับการรับรองในประเทศ

 

·         ฝรั่งเศสจะฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาที่ผลิตโดยบริษัท AstraZeneca แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปีเท่านั้น หลังจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข อ้างว่าไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับประสิทธิผลในผู้สูงอายุ

 

อย่างไรก็ดี การตัดสินใจดังกล่าวอาจทำให้ฝรั่งเศสต้องเปลี่ยนแปลงแผนการฉีดวัคซีน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางการฝรั่งเศสจัดอันดับให้ผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราและผู้ที่มีอายุเกิน 75 ปีเป็นกลุ่มแรกที่จะรับวัคซีนก่อน โดยให้ความสำคัญกับวัคซีน AstraZeneca เป็นส่วนหลัก สำหรับแผนการแจกจ่ายวัคซีนที่กำลังจะดำเนินการ แต่ทางบริษัทกลับออกมาประกาศว่าการส่งมอบวัคซีนจะเป็นไปอย่างล่าช้า จนกระทบหลายประเทศทั้งในภูมิภาคยุโรปและทั่วโลก

 

·         สิงคโปร์กลายเป็นประเทศแรกในเอเชียที่อนุมัติวัคซีนป้องกันโควิด Moderna และคาดว่าการขนส่งในล็อตแรกจะมาถึงในช่วงเดือน มีนาคม โดยวัคซีน Moderna ถูกอนุมัติเป็นตัวที่สองในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด หลังจากเพิ่งอนุมัติและเปิดตัวใช้วัคซีน Pfizer-BioNTech ไปได้ไม่นาน

อย่างไรก็ตาม  รัฐมนตรีสาธารณสุขของสิงคโปร์ เผยว่า ประชาชนมากกว่า 175,000 รายได้รับวัคซีนโควิดเข็มแรกแล้

 

·         "ไบเดน" รื้อนโยบายอพยพของนายทรัมป์บริเวณพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป

 

·         "เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ" และ "นางคริสตาลีนา จอร์เจียฟวา ผอ.ไอเอ็มเอฟ" ร่วมหารือเรื่องความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาความผันผวนของตราสารหนีแ้ละประเด็นอื่นๆที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญ

 

·         สหรัฐฯ ขู่ คว่ำบาตรพม่า-เปิดช่องให้จีน มีอิทธิพลต่อประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น

 

สหรัฐฯขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรพม่า หลังจากเกิดเหตุรัฐประหารในสัปดาห์นี้ เป็นการเปิดช่องให้จีนสามารถขยายอิทธิพลในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มากขึ้น

 

ทั้งนี้นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรและประณามการเข้ายึดอำนาจของกองกำลังทหาร ในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยกองกำลังทหารอ้างถึงการเลือกตั้งที่ทุจริต และกักตัวเจ้าหน้าที่ที่มาจากการเลือกตั้งหลายราย รวมถึงผู้นำ นาง อองซาน ซูจี และประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา ปี

 

·         อังกฤษ เรียกร้องให้ อียู ขยายระยะเวลาผ่อนผันข้อตกลง Brexit เป็นปี 2023

อังกฤษขอขยายระยะเวลาผ่อนผันไปจนถึงปี 2023 สำหรับการดำเนินการตรวจสอบสินค้าอาหารที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและกลุ่มค้าส่งบางส่วนจากอังกฤษไปยังไอร์แลนด์เหนือเพื่อบรรเทาผลกระทบ ข้อตกลง Brexit ให้น้อยที่สุด

 

·         จีน ปฏิเสธ การสนับสนุนรัฐประหารในพม่า

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ปฏิเสธว่า จีนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการสนับสนุนรัฐประหารพม่า และคาดหวังว่าพม่าจะสามารถแก้ไขปัญหาการเมืองนี้ได้

 

·         "แจ็ก หม่า" กับความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกับทางการจีนดูจะบดบังผลกำไรและรายได้ที่แข็งแกร่งของบริษัท Alibaba รวมถึงการเติบโตในอนาคต

 

·         ภาคบริการญี่ปุ่นเดือนม.ค.ร่วงแรงท่ามกลาง Covid-19 ที่กระทบกับภาคธุรกิจในประเทศ

โดยผลสำรวจดัชนี PMI ภาคบริการญี่ปุ่นหดตัวลงแตะ 46.1 จุด เมื่อเทียบเดือนก่อนที่ 47.7 จุด สะท้อนถึงการทำต่ำสุดตั้งแต่เดือนส.ค. และสัญญาณการเคลื่อนไหวที่ต่ำกว่า 50 จุด ถือเป็นการหดตัว

 

·         อดีตผู้ว่าการบีโอเจ กล่าวว่า บีโอเจควรใช้มาตรการแบบ Bazooka เพื่อกระตุ้นทางการเงินและต่อสู้กับเงินฝืดด้วยการใช้ดอกเบี้ยติดลบพิเศษ และสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจ

 

·         Nomura Holdings Inc ของญี่ปุ่น รายงานว่ากำไรสุทธิรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 72% โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่ปรับโครงสร้างใหม่และหน่วยธุรกิจวาณิชธนกิจ

 

·         บริษัท Tencent ไล่พนักงานออก 100 คนขณะที่ 37 บริษัทขึ้นบัญชีดำภายใต้การตรวจสอบการต่อต้านทุจริตและสิทธิพลเมืองแห่งเกาหลีใต้

 

·         สิงคโปร์ได้อนุมัติกฎหมายที่จะอนุญาตให้รัฐบาลใช้ข้อมูลในการติดตามผู้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในการสืบสวนคดีอาชญากรรมบางประเภทได้

โดยรัฐบาลสิงคโปร์เปิดตัวเทคโนโลยี TraceTogether เมื่อปีที่ผ่านมาในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ของการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว พร้อมทั้งสัญญาว่าจะใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้สำหรับการควบคุมการแพร่ระบาดเท่านั้น

 

·         ออสเตรเลีย ผ่อนคลาย ล็อคดาวน์ ร้านอาหารและคาเฟ่  ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ หลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดนานถึง 17 วัน

 

·         ออสเตรเลียเผชิญไฟป่าคุกคามในเมืองเพิรธ์ สั่งเร่งประชาชนอพยพหลายพันครัวเรือน


·         น้ำมันพุ่งขึ้นจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ลดลง ท่ามกลางความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในตลาดเอเชีย หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปีในช่วงก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ลดลงเกินคาด และการคาดการณ์การขาดดุลของตลาดน้ำมันทั่วโลกของ OPEC + ในปีนี้

โดยความเชื่อมั่นของตลาดได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่าพรรค  เดโมแครตเตรียมดันก้าวแรกในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อผลักดันแพ็คเกจไบเดนวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4% ที่ระดับ 55.00 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แตะระดับสูงสุด ในรอบ 1 ปี ที่ 55.26 เหรียญ/บาร์เรล ในเมื่อวานนี้

น้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.5% ที่ระดับ 57.72 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ ที่ 58.05 เหรียญ ในเมื่อวาน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มกราคม ปีที่แล้ว

 

·         DailyFX คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ให้ความสำคัญกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอัตราผลตอบแทนสหรัฐฯ และการระบาดของ Covid-19

นักวิเคราะห์จาก DailyFX กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI มีการปรับขึ้นทำสูงสุดรอบ 1 ปี ที่ 54.93 เหรียญ/บาร์เรล สะท้อนถึงการฟื้นตัวในอุปสงค์พลังงานและการฉีดวัคซีนที่อาจเห็นประสิทธิภาพในการลดการระบาดทั่วโลกได้

 

สหรัฐฯมีการฉีดวัคซีนแล้ว 32.22 ล้านคน สูงกว่าจำนวนการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศที่ 26.4 ล้านคน ขณะที่ยอดติดเชื้อรายวันเฉลี่ยช่วง 7 วันปรับลงมาที่ 146,486 คนในวันที่ 1 ก.พ. หลังจากที่ทำสูงสุดที่ 259,564 คน ตั้งแต่ 8 ม.ค. และคาดว่าอัตราการติดเชื้อที่ลดลงเร็วน่าจะเป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนที่เกิดขึ้นในประเทศ และทั้งหมดนี้เป็น "ปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมัน"

 

API รายงาสต็อกน้ำมันดิบปรับลงเกินคาดในสปัดาห์ที่แล้วบริเวณ 4.26 ล้านบาร์เรล ขณะที่ EIA ที่จะเปิดเผยในคืนนี้คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯคาดว่าน่าจะลดลงมาราว 2.3 ล้านบาร์เรล หลังจากที่ลดลงไปในสัปดาห์ก่อนกว่า 9.91 ล้านบาร์เรล และการร่วงลงดังกล่าวก็จะเป็นผลที่ "สะท้อนถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น" จากทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 



ในทางเทคนิค WTI มีการยืนได้หนือกรอบ "Fallin Wedge" จึงเปิดโอกาสให้ขึ้นได้ต่อ โดยต้องจับตาแนว 55.23 เหรียญ ที่เป็นระดับเส้น Fibonacci Extension 161.8%  และระดับสำคัญต่อไปที่ 58.75 เหรียญ/บาร์เรล

 

ภาพรวมตลาดน้ำมันยังเป็น "ขาขึ้น" และสัญญาณ Moving Average ก็ดูจะค่อยๆปรับขึ้นได้อย่างช้า โดยที่เส้น MACD ยังสะท้อนภาวะขาขึ้น จึงทำให้ภาพรวมมีโอกาสเห็นราคาน้ำมันดิบขึ้นได้ต่อ



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com