• ดอลลาร์อยู่ในทิศทางแข็งค่า - อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น

    3 กุมภาพันธ์ 2564 | Economic News
   

ดอลลาร์อยู่ในทิศทางแข็งค่า - อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น

ดอลลาร์ทรงตัวในทิศทางแข็งค่าจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯเมื่อเทียบยุโรป

ดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นทำสูงสุดรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร หลังจากที่ตลาดคาดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะดีกว่ายุโรปในช่วงที่ประสบปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนา อันเนื่องจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่การ Lockdown ในยุโรปดูจะสร้างปัญหาและน่าจะกดดันการเติบโตของจีดีพียูโรโซนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 หลังจากจีดีพีไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 ออกมาในทิศทางอ่อนแอ

ยูโรดิ่งลงแถว 1.202 ดอลลาร์/ยูโร หรือลดลงมาเกือบใกล้ต่ำสุดเดิมช่วงต้นเดือนธ.ค. ปิดตลาด -0.32% ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันยูโรอ่อนค่าแล้ว 1.61%

ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.25% หลังจากที่หุ้นสหรัฐฯและยุโรปปรับขึ้นเกือบ 2% วานนี้ และราคาน้ำมันพุ่งต่อ 2% ทำสูงสุดของปีนี้ได้

ความกังวลเกี่ยวกับยอดค้าปลีกในเยอรมนีที่ออกมาแย่กว่าคาดการณ์ในเดือนธ.ค. ก็เป็นอีกตัวที่กดดันค่าเงินยูโร

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกจากการทำ Short-Covering โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นในค่าเงินเยน และข่าวที่พรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสจะเดินหน้าใช้ Fast-Track ในการผลักดันแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ Covid-19 ของนายไบเดนวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญโดยปราศจากการสนับสนุนของรีพับลิกัน

เงินเยนทรงตัวอ่อนค่าเหลือ 105 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นอ่อนค่ามากสุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย.

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าการรีบาวน์ของดอลลาร์ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนม.ค. มาจากสภาวะปรับฐานหลังจากที่อ่อนค่าหนักในปี 2020 กว่า 7%

ขณะที่นักวิเคราะห์บางราย เชื่อว่าดอลลาร์แข็งค่าในตอนนี้น่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆเท่านั้น และหากสหรัฐฯสามารถเห็นข้อมูลของตลาดแรงงานฟื้นตัวดีขึ้น ก็อาจมาช่วยหนุนให้ดอลลาร์ยิ่งแข็งค่าขึ้นได้ โดยข้อมูลสำคัญที่ตลาดรอคอยคือ การจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนวันศุกร์


อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวขึ้นขานรับคืบหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับขึ้นนำโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่กลับมาแถว 1.11% และอัตราผลตอบแทน 30 ปีปรับขึ้นมาที่ 1.88% หลังจากที่บรรดาผู้นำพรรคเดโมแครตกล่าวเร่งสนับสนุนการผลักดันร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยปราศจากการสนับสนุนของพรรครีพับลิกัน

ทั้งนี้ นายชัค ชูเมอร์ส ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต และ นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎร ต่างให้การสนับสนุนแผนแก้ไขงบประมาณในวันจันทร์หน้า และนี่ถือเป็นก้าวแรกในการใช้กระบวนการประนีประนอมเพื่อให้เกิดการผ่านมติจากสภาคองเกรสได้


ที่มา: CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com