· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกลุเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางตลาดหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลมูลค่าของตลาดหุ้นที่มากเกินไป จึงช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 90.742 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% จากเมื่อคืนนี้
ด้านค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่า หลังจากที่สมาชิกอีซีบี กล่าวเตือนว่า การปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยมีความเป็นไปได้ที่จะจำกัดการแข็งค่าของค่าเงินยูโร
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ก็ปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางสัญญาณความเชื่อมั่นของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงที่ลดลง
ระยะสั้นค่าเงินดอลลาร์จะได้รับแรงหนุนจาก ความกังวลเกี่ยวกับภาวะ short-squeeze ของบรรดา hedge funds ความกังวลเกี่ยวกับการรายงานผลประกอบการภาคบริษัท และความล่าช้าในการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา ปัจจัยทั้งหมดนี้ล้วนกดดันตลาดหุ้น
ค่าเงินเยนปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ที่ระดับ 104.27 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรทรงตัวแตะ 1.2094 ดอลลาร์/ยูโร หลังปิดทำระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์
ค่าเงินปอนด์ปรับอ่อนค่าลงเป็นวันที่ 2 ที่บริเวณ 1.3673 ดอลลาร์/ปอนด์
นอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการภาคบริษัทและแนวโน้มเศรษฐกิจแล้ว ความกังวลจาก hedge funds ข้างต้นถูกกดดันในระยะสั้นจากการที่บริษัท GameStop Corp และบริษัท ที่คล้ายกันทำการเทขายกำไรจากสินทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งกดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง
ขณะที่เฟดยังคงนโยบายการเงินไม่เปลี่ยนแปลงตามที่คาดไว้ แต่ได้ส่งสัญญาณถึงความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเหล่าเทรดเดอร์บางรายกล่าวว่าเป็นอีกปัจจัยลบต่อค่าเงินดอลลาร์
สำหรับวันนี้จะมีการประกาศข้อมูลจีดีพีสหรัฐฯ เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ เนื่องจากต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
เงินหยวนอ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 6.4946 เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่สกุลเงินในเอเชียอื่น ๆ ก็อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์เช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินดอลลาร์
· การเดินทางด้วยสายการบิน "ราคาถูก" อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับความท้าทายในปี 2021 ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ณ ขณะนี้ทั่วโลกมีการแข่งขันกันในเรื่องการกระจายวัคซีนต่อสู้ Covid-19 จึงอาจเป็นผลทำให้แนวโน้มของผู้โดยสารเพิ่มจำนวนมากขึ้นในปีนี้ แม้ว่าความต้องการเดินทางด้วยสายการบินเทียบเท่าช่วงก่อน Covid-19 จะยังไม่เกิดขึ้นได้ในเร็วๆนี้
· ผู้ว่าการรัฐเวสท์ เวอร์จิเนีย ของประเทศสหรัฐฯ อ้างว่า รัฐของเขามีวัคซีนเพียงพอภายในวาเลนไทน์นี้ โดยผู้สูงอายุทุกคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นได้จะได้รับการฉีดวัคซีนก่อน
ดร.ฟาวซี ระบุว่า วัคซีน Covid สามารถปรับตัวได้ง่ายสำหรับสายพันธุ์ใหม่ และบรรดาผู้ผลิตยากำลังร่วมกันเสริมสร้างวัคซีน
ดร.แอนโธนี ฟาวซี ที่ปรึกษาด้านสุขภาพประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ กล่าวว่า วัคซีน Covid-19 ของบริษัท Pfizer และ Moderna ณ ปัจจุบันนี้ดูจะง่ายต่อการปรับปรุงโดยมีเป้าหมาย "ไวรัสสายพันธุ์ใหม่" ได้ และทุกฝ่ายกำลังเร่งปรับเพื่อให้มีความครอบคลุม
เนื่องจากสายพันธุ์ใหม่ที่มีการระบาดในอังกฤษ, แอฟริกาใต้ และประเทศบราซิลนั้นกำลังเป็นสิ่งที่ "สร้างความกังวลให้แก่บรรดานักวิทยาศาสตร์" แม้ว่าการกลายพันธุ์ของไวรัสจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้หากเกิดการพยายามเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ก็จะมีผลต่อการรักษาด้วยวัคซีนและกระบวนการรักษาผู้ป่วย
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี mRNA รูปแบบใหม่ที่ถูกนำมาใช้สร้างวัคซีนของบริษัท Pfizer และ Moderna ดูจะง่ายต่อการนำวัคซีนที่มีอยู่มาปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับสายพันธุ์ใหม่ได้ และทั้งคู่ดูจะดำเนินการร่วมกันเพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนเพื่อต่อสู้กับสายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้ ที่น่าจะเป็น "ปัญหา" มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆในเวลานี้
· อังกฤษขยายเวลาการกักตัวเพิ่ม 10 วันสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่สีแดง 30 ประเทศ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่
· ฝรั่งเศสรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่เกือบ 27,000 ราย ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยฝรั่งเศสเข้าสู่การ Lockdown ครั้งที่สองและเป็นสัญญาณที่ว่ามาตรการเคอร์ฟิวยังไม่เพียงพอสำหรับการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้
กระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศส รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ 26,916 ราย เพิ่มขึ้นจากระดับ 22,086 รายเมื่อวันอังคาร และ 26,784 รายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 ล้านราย
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สามนับตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.ที่ฝรั่งเศสรายงานผู้ป่วยมากกว่า 26,000 รายในหนึ่งวันและนับเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่มีรายงานมากกว่า 28,000 รายเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา
· ออสเตรเลียกลับมาเปิดพรมแดนหลังจากยอดติดเชื้อไวรัส Covid-19 อยู่ระดับศูนย์ต่อเนื่อง 11 วันทำการ ซึ่งถือว่ายาวนานสุดเป็นประวัติการณ์
· ออสเตรเลียขยายช่วงเวลากักกันตัวสำหรับการเดินทางไปยังประเทศนิวซีแลนด์ ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา
· หน่วยงานความมั่นคงประเทศเลบานอน "ปะทะ" กับกลุ่มผู้ประท้วงต้าน Lockdown จากวิกฤตไวรัสโคโรนา
· เวียดนามกลับมาพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 55 วัน โดยเป็นยอดติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นมากที่สุดที่ระดับ 83 ราย
ภาพรวมเวียดนามมียอดติดเชื้อสะสมในประเทศ 1,550 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตจากการระบาดรอบแรกยังคงที่ 35 ราย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเวียดนาม ยังระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อบางรายถูกทดสอบเป็นการพบเชื้อตัวเดียวกันเหมือนในญี่ปุ่นที่สะท้อนถึงการระบาดที่เพิ่มมากขึ้นของยอดติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ของอังกฤษ
· ด่วน! ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 756 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 746 ราย
ศบค. แถลงยอดผู้ติดเชื้อ "โควิด-19" วันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 756 ราย เป็นติดเชื้อภายในประเทศ 746 คน ยอดผู้ป่วยสะสม 16,221 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม
เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 64 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 756 ราย ติดเชื้อในประเทศ 746 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 22 ราย การค้นหาเชิงรุกในชุมชน 724 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้
· นายเอ็นริเก โดมิงโก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของฟิลิปปินส์ ระบุว่า ได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านไวรัสโคโรนาของบริษัท AstraZeneca เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว
ซึ่งก่อนหน้านี้ FDA ของฟิลิปปินส์ได้อนุมัติวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของ Pfizer และ BioNTech จาก Gamaleya ของรัสเซีย Sinovac Biotech ของจีนและ Bharat Biotech ของอินเดียกำลังรอการอนุมัติ
ทั้งนี้ วัคซีนของบริษัท AstraZeneca นั้นง่ายต่อการขนส่งและจัดเก็บและไม่ต้องการอุณหภูมิที่เย็นเป็นพิเศษ รวมทั้งยังมีการป้องกันไวรัสโคโรนาได้ดีมาก
· เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2020 มีแนวโน้มถดถอยที่สุดในรอบ 74 ปี
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2020 มีแนวโน้มจะหดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ส่งผลให้ธุรกิจภาคบริการในกลุ่มร้านอาหาร สายการบินต้องเผชิญกับภาวะ Shutdown ตลอดจนทำให้ชาวสหรัฐฯ หลายล้านคนต้องออกจากงานและตกอยู่ในความยากจน
คืนนี้ เวลา 20.30 น. กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 4/2020 ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา อันเป็นผลมาจากแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 3 ล้านล้านเหรียญ
ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ ส่วนใหญ่คาดว่าจะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯหดตัวมากถึง -3.6% ในปี 2020 ที่เป็นระดับที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ปี 1946 เมื่อเทียบกับปี 2019 ที่เติบโตได้ 2.2% และข้อมูลล่าสุดอาจเป็นการหดตัวครั้งแรกของจีดีพีรายปีนับตั้งแต่ยุค Great Recession ในปี 2007-2009
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/2020 จีดีพีจะขยายตัวถึง 4% แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และการขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค และกระทบต่อค่าใช้จ่ายในภาคการผลิตและราคาตลาดที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น
· บลินเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯคนใหม่ ถามทางคณะทูตสหรัฐฯที่อยู่ในอัฟกานิสถานถึงกระบวนการสร้างสันติสุขให้ดำเนินต่อไป พร้อมกันนี้ยังยืนกรานที่สหรัฐฯจะดำเนินการรักษาความปลอดภัยของอิสราเอลด้วย
· "บลินเคน" รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯเคียงข้างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการต่อสู้กับแรงกดดันจากจีน
· รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า จีนต้องการที่จะร่วมมือกับผู้ค้าต่างประเทศในการต่อต้าน "การผูกขาด" ทางการค้า
· รายงานจากจีน พบการขาดแคลนแรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งกลุ่มผู้ผลิตในจีนดูจะทำการจ้างงานได้ยากมากขึ้นกว่า 3 เท่า และทำให้ภาพรวมของผลสำรวจของรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และความมั่นคงทางสังคมของจีน สะท้อนว่าสถานการณ์ในตลาดแรงงานกำลังเข้าสู่สภาวะเลวร้าย
· จีน พบ ค่าใช้จ่ายปีงบประมาณ 2020 เพิ่มขึ้น 2.8% แม้ว่าผลกำไรจะลดลง
รายงานจากกระทรวงการคลังของจีน แสดงให้เห็นว่า ผลกำไรทางการเงินของประเทศจีนออกมาแย่ลง -3.9% ในปี 2020 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ค่าใช้จ่ายมีการปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 2.8% จึงยังตอกย้ำถึง "ความยากลำบาก" ในการดำเนินการทางการเงินของภาครัฐบาล ที่เผชิญกับวิกฤต Covid-19
อย่างไรก็ดี จีนถือเป็นประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ที่ฟื้นตัวจากวิกฤต Covid-19 ได้ และทำให้ไตรมาสที่ 4/2020 ผลกำไรทางการเงินปรับตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว 5.5% จากไตรมาสก่อนที่โตได้ 4.7%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนดูโตได้อย่างรวดเร็วเกินคาดในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว จึงถือเป็น เรื่องที่ดี และคาดว่า ปีนี้จีนมีโอกาสจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้ว่าทั่วโลกจะยังไม่สามารถแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสได้
· จีนเตือน "การแยกตัวของไต้หวัน" ส่งสัญญาณถึง "สงคราม"
รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงของจีน กล่าวว่า กิจกรรมทางการทหารล่าสุดบริเวณเกาะไต้หวันเป็นการกระทำที่ถูกำแทรกแซงโดยการบังคับของต่างชาติ ที่ปลุกปั่นและให้การสนับสนุนไต้หวันแยกตัว จึงหมายถึงการต้องการทำ "สงคราม"
· Reuters Poll คาด ยอดส่งออกเกาหลีใต้ในเดือนม.ค. มีแนวโน้มจะโตได้ต่อเนื่อง 3 เดือนตอกย้ำการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการขนส่งทางเรือที่แข็งแกร่งรวมถึงอุปสงค์จากต่างประเทศ
ภาพรวมคาดว่ายอดขายในต่างประเทศในเดือนม.ค. ปีนี้ น่าจะเพิ่มขึ้นได้ 9.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่อาจชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อยหลังจากที่โตได้ 12.6% ในเดือนธ.ค. จึงตอกย้ำถึงการขยายตัวที่ยังดีที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และทิศทางเศรษฐกิจเกาหลีใต้ที่เริ่มต้นฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ย.
· WoodMac คาด อุปสงค์น้ำมันโลกพุ่งขึ้น เพราะได้รับแรงหนุนจากการกระจายวัคซีนที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งคาดว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกปรับขึ้นได้ประมาณ 7% ในปีนี้ โดยคาดว่าอุปสงค์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 96.7 ล้านบาร์เรล/วัน หรอืเพิ่มขึ้น 6.3 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19
· น้ำมันดิบปรับลงกังวลอุปสงค์-ดอลลาร์แข็งค่า
น้ำมันดิบปรับตัวลดลงแม้ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่อ่อนตัวลงอย่างมาก แต่การแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวลเรื่องอุปสงค์รอบใหม่ ท่ามกลางการจำกัดการเดินทางและวัคซีนที่กระจายได้ล่าช้าที่มากดดันราคาน้ำมัน
น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 33 เซนต์ หรือ -0.62% ที่ 52.52 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 36 เซนต์ หรือ -0.65% ที่ระดับ 55.45 เหรียญ/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ จากสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ปรับลงมากสุดในสัปดาห์ก่อน แต่นักลงทุนกำลังให้ความสำคัญกับอุปสงค์น้ำมันที่อาจได้รับผลกระทบจากก
ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ และความล่าช้าของการกระจายวัคซีนในยุโรป และการจำกัดการเดินของหลายๆประเทศ อาทิ จีน เป็นต้น
· DailyFX วิเคราะห์ราคาน้ำมันดิบ WTI ทางเทคนิค